บทที่ 221 พึ่งตัวเองดีกว่าพึ่งผู้อื่น + บทที่ 222 คว้ามาไว้ในมือให้หมด

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 221 พึ่งตัวเองดีกว่าพึ่งผู้อื่น

“เจ้าต้องการให้เขาตกอยู่ในความสับสนด้วยฝีมือของเขาเองงั้นหรือ” หนิงเมิ่งเหยาคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจถึงเจตนาของเฉียวเทียนช่าง ชายผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ข้าวางแผนไว้เช่นนั้น มีเพียงแค่วิธีนั้นที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ข้าต้องการได้”

“เจ้าน่าจะแจ้งเรื่องนี้ให้เซียวชวี่เฟิงทราบไว้ก่อน” ถึงแม้นางจะไม่ชอบการอยู่ในเมืองหลวง แต่นางก็ทราบดีว่าไม่ควรจะเอาประชาชนผู้บริสุทธิ์เข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้

คงจะเป็นการดีกว่าหากผู้คนในฝั่งของพวกเขาได้รับการแจ้งเตือนเป็นการล่วงหน้าเอาไว้เสียก่อน อีกทั้งการทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขาป้องกันอาการหัวเสียของเซียวชวี่เฟิงอันจะเกิดขึ้นในกรณีที่เฉียวเทียนช่างไม่ได้แจ้งเรื่องไว้ก่อนได้อีกด้วย

“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก” เฉียวเทียนช่างตบบ่าของหนิงเมิ่งเหยาด้วยท่าทีไม่แยแส

พวกเขาสนทนากันต่ออยู่ในลานบ้านอีกครู่หนึ่ง ก่อนเฉียวเทียนช่างจะโอบเอวนาง “เริ่มดึกแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถิด”

“ก็ได้”

วันถัดมา เฉียวเทียนช่างแวะไปที่วังหลวงในขณะที่หนิงเมิ่งเหยานั้นเรียกให้ชิงซวงเข้ามาพบ

ชิงซวงรู้สึกกดดันขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของหนิงเมิ่งเหยา ชวนให้นึกสงสัยนักว่านางเรียกตนมาด้วยเหตุใด

”ชิงซวง คลายผนึกของเส้นปราณในร่างข้าเสีย” ก่อนที่ความคิดของชิงซวงจะเตลิดเปิดเปิงไปมากกว่านี้ หนิงเมิ่งเหยาก็พูดขึ้น

ชิงซวงชะงักขณะมองหนิงเมิ่งเหยา พลางทำท่าราวกับกำลังตัดสินใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นถูกต้องหรือเปล่า

“คุณหนู ท่าน…”

“ทำตามที่ข้าสั่ง” หนิงเมิ่งเหยามีความรู้ด้านวรยุทธ์อยู่ในระดับหนึ่ง ทั้งยังได้เรียนกระบวนท่าสำหรับใช้ป้องกันตัวมาจากหลิงหลัว และยังได้เรียนวิธีการใช้กำลังภายในจากอวี้เฟิงมาอีกสองสามปี แต่เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าตนใช้กำลังภายในได้ จึงเป็นสาเหตุที่นางสั่งให้ชิงซวงช่วยผนึกมันไว้ตั้งแต่แรก

เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้สอนบทเรียนอันแสนเจ็บปวดให้แก่นางยิ่งนัก ถ้าหากนางมีกำลังภายใน นางก็คงจะสามารถเอาชนะฤทธิ์ของผงกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ และสุดท้ายก็คงจะไม่ต้องแท้งลูกในท้องไป

นางยังได้เรียนรู้อีกด้วยว่านางไม่ควรพึ่งพาใครนอกเสียจากตัวของนางเอง เพราะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถอยู่ปกป้องนางได้ตลอดเวลา ตัวเองเองเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องตัวเอง คนที่นางรัก และของสำคัญได้

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางไม่สนใจอีกต่อไปว่าตัวตนของตนจะถูกเปิดเผยออกมาเมื่อไหร่ หากเมื่อเวลานั้นมาถึง คงมีหลายคนที่ออกมาตามล่าหาความจริงเรื่องของนางจากข่าวลือต่างๆ นาๆ ดังนั้น นางจึงต้องมีความสามารถเพียงพอ

“คุณหนู ข้าเป็นห่วงเจ้าค่ะ…”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะควบคุมมันให้ได้” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะไปมา แล้วตอบชิงซวงอย่างหนักแน่น

ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่นางเลือกจะผนึกกำลังภายในของตนเอาไว้นั่นคือการที่นางยังไม่สามารถควบคุมมันได้ดีสักเท่าใดนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้ตนเองต้องเจ็บตัว แต่ยังจะทำให้คนอื่นรอบตัวบาดเจ็บไปด้วย ซึ่งนั่นทำให้อวี้เฟิงและคนอื่นๆ เห็นด้วยกับข้อเสนอของนางในตอนนั้น

ชิงซวงสัมผัสได้ถึงความจริงจังที่หนิงเมิ่งเหยาแสดงออกมา ดังนั้น นางจึงยอมทำตามอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นคุณหนูควรไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อน”

“ตกลง”

เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูป หนิงเมิ่งเหยาสวมเสื้อตัวในนั่งอยู่บนเตียง ชิงซวงนั่งอยู่ด้านหลังของนาง ถือเข็มเงินจำนวนหนึ่งไว้ในมือ

ชิงเซวียนและคนอื่นๆ เฝ้าอยู่รอบนอกด้วยกลัวว่าพิธีการนี้อาจจะล่มได้ถ้าหากเฉียวเทียนช่างกลับมาถึงบ้านแล้วบุกเข้ามาหาภรรยาของตน

ชิงซวงแทงเข็มเงินหลายเข็มเข้าไปยังจุดสำหรับฝังเข็มใหญ่ๆ หลายแห่งภายในร่างของหนิงเมิ่งเหยา เข็มทุกเล่มล้วนทำให้สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ

นางไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานเหลือเกิน อีกทั้งตอนนี้นางยังแทบจะรักษาพลังซึ่งเอ่อล้นอยู่ภายในร่างของตนเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว

“อดทนไว้เจ้าค่ะ คุณหนู” เมื่อใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความกังวลของชิงซวงก็ยิ่งเพิ่มพูน

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าด้วยความเจ็บปวด นางทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น แต่โชคดีที่พิธีการนี้ไม่ได้กินเวลายืดยาวสักเท่าใดนัก ในไม่ช้าหนิงเมิ่งเหยาก็สามารถสัมผัสถึงพลังที่วิ่งพล่านอยู่ภายในร่างได้ แล้วริมฝีปากของนางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างโล่งอก

จากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีผู้ใดกล้าดีมาแตะต้องสิ่งที่นางรักได้แม้แต่นิ้วเดียว มิฉะนั้น พวกมันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตของพวกมันเอง

เมื่อเฉียวเทียนช่างกลับมาที่บ้าน เขาได้ยินเสียงหัวเราะของหนิงเมิ่งเหยาดังออกมาจากห้องของนาง ซึ่งเสียงนั้นฟังดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่นัก เขาจึงรีบผลักประตูเข้าไปดูอาการนาง

เมื่อเข้ามาภายในห้อง เขาเห็นหนิงเมิ่งเหยานั่งไขว้ห้างอยู่บนเตียง นางสวมเพียงชุดเสื้อตัวในและมีเข็มสีเงินหลายเล่มอยู่บนร่าง

“เกิดอะไรขึ้น ชิงซวง มีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเหยาเหยาหรือ” ด้วยความเป็นห่วง เฉียวเทียนช่างละล่ำละลักถาม แม้ว่าใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยานั้นจะดูซีดเซียว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เจ็บปวดอะไร

ชิงซวงเหลือบมองเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะหันไปมองที่หนิงเมิ่งเหยา แล้วจึงถอนเข็มออกจากร่างนาง “ท่านควรฟังจากปากคุณหนูเองเจ้าค่ะ นายน้อย”

บทที่ 222 คว้ามาไว้ในมือให้หมด

หลังจากชิงซวงออกไป เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาแล้วถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นหรือเหยาเหยา”

หนิงเมิ่งเหยาไม่ตอบ แต่หยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาสวมแทน เมื่อสวมเสื้อเสร็จ พลันสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ก่อนจะพยายามปล่อยหมัดพุ่งเข้าหาเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง ระวัง”

เฉียวเทียนช่างผู้ซึ่งเดิมทีนั้นยังมีเรื่องที่อยากจะถามเพิ่มอยู่พลิกตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบการโจมตีของนาง ตอนนี้เขาลืมสิ้นซึ่งคำถามในใจไปเสียแล้ว

เขาอยากจะถามคำถามต่อหลังจากหลบการโจมตีนั้น แต่การโจมตีครั้งถัดไปของหนิงเมิ่งเหยาก็ไม่ปล่อยให้เขามีเวลาทำเช่นนั้นได้

เขารีบถอยหลังออกจากห้อง ก่อนทั้งสองจะลงไปแลกหมัดกันอยู่บริเวณสวนหน้าบ้านแทน หลินจือโยวกับเหลยอันมาที่บ้านเพื่อรายงานผลการสืบคดีต่างมองการต่อสู้ของทั้งคู่ด้วยสายตางงงวย

พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนกำลังมองอยู่จนต้องขยี้ตาซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ตาฝาดแต่อย่างไร พี่สะใภ้ที่ดูท่าทางอ่อนแอและบอบบางน้ันก็กำลังประมือกับนายท่านของพวกเขาได้อย่างสูสีคู่คี่

บุคคลซึ่งตระหนกตกใจที่สุดนั้นเห็นจะเป็นเฉียวเทียนช่าง เขามองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่เชื่อสายตา นางมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากผ่านไปราวสองก้านธูป ในที่สุดหนิงเมิ่งเหยาก็เลิกแลกหมัดกับเฉียวเทียนช่าง นางยิ้มและมองเขา “ฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“เหยาเหยา เหตุใดเจ้า…” นางไม่ควรจะมีกำลังภายในสิ!

“ความจริงคือข้าเคยร่ำเรียนวรยุทธ์มาจากพี่เขยบ้าง แต่เป็นเพราะพลังในร่างข้ามันมีมากเกินไป ดังนั้นข้าก็เลยให้ชิงซวงช่วยผนึกมันเอาไว้เสีย ข้าเป็นคนสั่งให้นางทำเช่นน้ันเอง แล้วก็รู้สึกเสียใจในการกระทำนั้นยิ่งนัก” นางรู้สึกเสียใจในการกระทำของตน หากไม่ใช่เพราะว่านั่นเป็นสิ่งที่นางเลือกเอง นางก็คงจะไม่ต้องเจ็บตัว

เฉียวเทียนชักชะงักค้าง ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหันไปมองหนิงเมิ่งเหยา “เป็นเช่นนี้นี่เอง อย่างนี้ก็ดี เพราะข้าอาจจะไม่สามารถอยู่ข้างกายเจ้าได้ตลอดเวลา ในเมื่อมีกำลังภายในแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เจ้าก็คงจะสามารถปกป้องตัวเองได้”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น นั่นเป็นสาเหตุที่ข้าสั่งให้ชิงซวงคลายเส้นลมปราณข้าออกเสีย” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะ

เฉียวเทียนช่างสำรวจเสื้อผ้าอันยับย่นของนางก่อนจะส่ายหน้า เขายื่นมือออกไปจัดเส้นผมยาวสลวยของนาง ”ร่างกายเจ้าปกติดีหรือเปล่า”

“อืม ดูเหมือนข้าจะควบคุมมันได้อยู่”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้รีบบอกข้า” เฉียวเทียนช่างยังคงเป็นกังวลอยู่

“ข้าจะจำไว้”

หลินจือโยวและคนที่เหลือกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่ง ขณะขยับกายเข้าใกล้ทั้งสอง พวกเขาสังเกตหนิงเมิ่งเหยาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเอ่ยปากขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านช่างยอดเยี่ยมนัก”

“เจ้ามีเรื่องอันใด” เฉียวเทียนช่างถามเสียงเย็นก่อนที่หนิงเมิ่งเหยาจะเอ่ยตอบ

หลินจือโยวล้วงเข้าไปในเสื้อและส่งของที่พวกเขานำมาให้กับเฉียวเทียนช่าง “พวกเราได้จัดการสืบเรื่องที่ท่านต้องการแล้วขอรับ”

เฉียวเทียนช่างยื่นมือออกไปรับของสิ่งนั้น เขาเหลือบมองมันก่อนจะส่งให้หนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยาอ่านข้อความที่อยู่ในนั้นแล้วนางก็เลิกคิ้วขึ้น “ไม่เลวๆ เทียนช่าง เราไปเอาเงินทั้งหมดจากเจ้าพวกนั้นกัน” จากทั้งสามตระกูล จวนหลิงโดยเฉพาะภายใต้นามของหลิงหลัวนั้นมีทรัพย์สินมากที่สุด

เป็นไปดั่งที่คาดไว้ อย่างไรเสียหลิงหลัวก็มาจากโลกในยุคสมัยใหม่ อีกทั้งครอบครัวของเขาเองก็เป็นถึงเจ้าของธุรกิจ การที่เขาจะเก่งด้านการบริหารธุรกิจเช่นนี้นั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด

“ตามใจเจ้า” เฉียวเทียนช่างไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด แม้ว่าภรรยาของเขาจะร่ำรวยอยู่แล้ว แต่คงไม่มีใครรังเกียจการมีเงินมากเกินไปแน่ๆ

“ท่านพี่สะใภ้ อย่าลืมพวกเรานะขอรับ” หลินจือโยวกล่าวอย่างหน้าไม่อาย

หนิงเมิ่งเหยามองหลินจือโยวอย่างลังเล ก่อนนางจะพยักหน้าในท้ายที่สุด เป็นการยินยอมที่จะแบ่งปันเงินจำนวนหนึ่งให้แก่พวกเขาด้วยเพราะพวกเขาเองต่างก็ช่วยเหลือนางเอาไว้

หนิงเมิ่งเหยาสั่งให้ชิงเซวียนไปเอาพู่กันและน้ำหมึกจำนวนหนึ่งมาให้ นางนั่งลงบนโต๊ะข้างๆ กัน และเริ่มเขียนจดหมายสองสามฉบับ ก่อนจะแบ่งผลการสืบของเฉียวเทียนช่างออกเป็นสามส่วน จากนั้นนางก็วางพวกมันลงในแต่ละฉบับตามลำดับ

“ชิงเซวียน ส่งจดหมายทั้งสามฉบับนี้ไปให้พี่เขย พี่มู่เฉิน แล้วก็พี่นั่วหรันด้วย” หนิงเมิ่งเหยาส่งจดหมายในมือของตนในกับชิงเซวียน

ชิงเซวียนเดินออกจากลานบ้านไปพร้อมกับจดหมายหลายฉบับ ทว่าเฉียวเทียนช่างกลับนิ่วหน้าหลังจากเขาออกไป เขารู้จักและเคยพบกับทั้งคู่มาแล้ว ทั้งอวี้เฟิงและมู่เฉิน แต่นั่วหรันคือใครกัน

ราวกับสามารถอ่านใจเฉียวเทียนช่างได้ นางจึงอธิบายขึ้นมาว่า “พี่นั่วหรันเป็นคนค่อนข้างลึกลับหน่อย แต่เขาก็ปฏิบัติกับข้าดีมากๆ มิหนำซ้ำยังช่วยข้ามาหลายต่อหลายหนด้วย”

“เข้าใจล่ะ”

“เทียนช่าง ข้าจะเริ่มลงมือเมื่อพี่เขยและทุกคนตอบกลับมา”

“เช่นนั้นข้าก็ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม” เฉียวเทียนช่างตอบ น้ำเสียงติดจะเย็นชา

เขาออกไปหาเซียวชวี่เฟิงมาวันนี้เพื่อรายงานผลการสืบสวนให้ทราบ เซียวชวี่เฟิงโกรธจนควันออกหูและมอบสิทธิ์ทั้งหมดในการจัดการเรื่องนี้ให้กับเขาแต่เพียงผู้เดียว