ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 71 น้ำนิ่งไหลลึก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลายวันหลังจากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองชมตะวัน

ด้านหนึ่งก็เพื่อฝึกฝนวิชา เพิ่มระดับวรยุทธ์ อีกด้านหนึ่งก็เพื่อรวบรวมทรัพยากรสร้างเตาผลึกหินชนในอีกเตาหนึ่ง

เมื่อสร้างเตาผลึกหันภายในสำเร็จลุล่วง เยี่ยนจ้าวเกอก็นำเชื้อไฟสัจจะอัคคีใส่เข้าไปข้างใน และทดสอบการใช้งานของมันไม่หยุดหย่อน

เมื่อได้เชื้อไฟสัจจะอัคคี ประสิทธิผลของเตาผลึกหินภายในก็ดีขึ้นอีกขั้นอย่างเห็นได้ชัด

และเมื่อได้รับการหล่อเลี้ยงจากเตาผลึกหินภายใน เชื้อไฟสัจจะอัคคีก็ค่อยๆ แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น

จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มขับเคลื่อนวิชาที่เหมือนกัน โดยใช้ปราณจิตราของตนชักนำปราณเพลิงที่แฝงอยู่ในเชื้อไฟสัจจะอัคคีเข้าสู่ร่างกาย พร้อมทั้งปราณน้ำแข็งของจิตมังกรน้ำแข็ง เพื่อช่วยในการฝึกฝน

ยิ่งเวลาผ่านไป การผสานกันของน้ำแข็งและเพลิง ทำให้ปราณจิตราทั่วร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและทรงพลังมากขึ้น จนกระทั่งก้าวเข้าสู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายอย่างมั่นคง

นอกจากนี้แล้ว เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอมีเวลา เขาก็เดินทางไปยังหอศิลาโอสถบ้างเป็นครั้งคราว

ที่แห่งนั้น นักกลั่นโอสถกลุ่มหนึ่งของจ้าวหยวน องค์ชายใหญ่แห่งถังตะวันออก ได้รับการชี้แนะจากเยี่ยนจ้าวเกอ จึงได้ปรับปรุงและผลิตโอสถให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คุณภาพโอสถของหอศิลาโอสถพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่าราคากับต้นทุนกลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก

ขอบเขตของหอศิลาโอสถไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่อาณาจักรถังตะวันออกเพียงเท่านั้น ทว่าค่อยๆ ขยายออกไปยังอาณาบริเวณเกาะนภาตะวันออก รวมทั้งอัคคีพิภพและภูผาพิภพที่มีอาณาเขตติดต่อกัน อีกทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

หอศิลาโอสถแห่งถังตะวันออก มังกรทรงพลังข้ามแม่น้ำตัวนี้ เริ่มยึดตลาดภายนอกเมืองจำนวนมาก อีกทั้งช่องทางค้าขายก็มั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ

คุณภาพดีที่สุด ราคาก็ไม่แพง คุณสมบัติทั้งสองข้อนี้ดีเยี่ยมจนทำให้ต้องยกนิ้ว นอกจากถังตะวันออกแล้ว องค์กรโอสถขนาดใหญ่ของแต่ละพื้นที่ คิดอยากจะร่วมมือกันขวางมังกรข้ามแม่น้ำตัวนี้ ก็เป็นเรื่องที่ยากอย่างเห็นได้ชัด

“สายตาต้องแม่นยำ ปราณจิตราต้องควบคุมให้คงที่” ภายในหอศิลาโอสถ เยี่ยนจ้าวเกอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งสูงสุดกล่าวว่า “เบื้องต้นวิชานี้มีเพียงจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้ โชคดีที่พื้นฐานของหอศิลาโอสถแน่นพอ จึงไม่น่าจะมีปัญหามากนัก”

ท่านผู้เฒ่าหวังและจ้าวหยวนต่างก็พยักหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดเสื้อพลางลุกขึ้นยืน “วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนเถอะ ตัวข้าเองยังอยู่ที่ถังตะวันออกอีกนาน มีปัญหาอะไรถามได้”

ผู้คนที่อยู่ในหอศิลาโอสถรีบกุลีกุจอลุกขึ้นพร้อมกัน ส่งเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความเคารพ

เมื่อออกจากหอศิลาโอสถแล้ว ระหว่างทาง อาหู่ที่เดินตามหลังเยี่ยนจ้าวเกอก็พูดขึ้นเบาๆว่า “คุณชายขอรับ เมืองทะเลมรกตส่งข่าวมาว่า ขอบคุณเขากว่างเฉิงและท่านที่เตือนขอรับ”

ชายหนุ่มหันกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง “โอ้ สตรีจันทราของพวกเขาไปที่อเวจีแล้วจริงๆ หรือ”

ระหว่างนภาพิภพที่อยู่ทางตะวันตก และวารีพิภพที่อยู่ทางตะวันออก คั่นกลางด้วยปฐพีพิภพ

วารีพิภพมีดินแดนติดต่อกับปฐพีพิภพเช่นกัน โดยเมืองทะเลมรกตควบคุมดูแลวารีพิภพอยู่ ฉะนั้นจอมยุทธ์ในสำนักจึงมีการเคลื่อนไหวอยู่รอบนอกของปฐพีพิภพอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน

อาหู่ตอบว่า “การสำรวจครั้งนี้ เกือบหลงเข้าไปในบริเวณที่แม่นางเฟิงถูกทำลายจันทรากายในตอนนั้น”

“หลังการตรวจสอบพบว่า เหมือนมีคนจงใจชักนำนางให้เข้าไปที่นั่นขอรับ”

“โชคดีที่เมื่อไปถึงรอบนอก ทางสำนักของพวกเราก็ส่งคำแจ้งเตือนของคุณชายมา นับเป็นช่วงเวลาที่กำลังคอขาดบาดตายพอดี จึงไหวตัวทันขอรับ”

“สตรีจันทราของพวกเขาแม้จะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก ไม่เท่าแม่นางเฟิง”

อาหู่เปิดปากยิ้มกว้างพลางกล่าวว่า “คุณชาย ครั้งนี้เมืองทะเลมรกตติดหนี้บุญคุณท่านก้อนโตเลยล่ะขอรับ”

“ข้าคิดว่าคนที่จงใจหลอกล่อหญิงศักดิ์สิทธิ์ของเมืองทะเลมรกตไปที่นั่น เกินกว่าครึ่งต้องเป็นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แน่”

เยี่ยนจ้าวเกอจุ๊ปากชื่นชม “ให้เวลาสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อีกสักหน่อย พวกเขาคงจะทำได้มิดชิดและไม่หลงเหลือร่องรอยยิ่งกว่านี้ จนกำจัดเมืองมรกตได้โดยสมบูรณ์”

“เกรงว่าจะเป็นเพราะเห็นศิษย์น้องเฟิงถูกข้าพาตัวมา จึงรู้ว่าข่าวจะหลุดออกไป ก็เลยถูกบีบบังคับให้ลงมือก่อนเวลาอันควร คิดจะแย่งชิงต้องใช้เวลาอันมีค่าให้สั้นที่สุด”

“จริงด้วย คุณชายขอรับ เมื่อครู่ข้าเห็นจ้าวฮ่าวด้วย” อาหู่กล่าวต่อ

หอศิลาโอสถมีส่วนแบ่งที่เป็นของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้จ้าวฮ่าวก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวหยวนหักหน้า หลังจากกลับจากเมืองชมตะวันมา เขาจึงมาที่หอศิลาโอสถน้อยครั้งนัก

จ้าวฮ่าวก็ไม่โง่จนถึงที่สุด จึงไม่ได้หยุดการร่วมมือกันกับหอศิลาโอสถ ในเรื่องของโอสถหมอกควันสลายกลางคัน

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเสนอวิธีปรุงโอสถวิญญาณชนิดหนึ่งให้กับหอศิลาโอสถ เพื่อพัฒนาร่วมกัน

หลายวันมานี้ การแสดงฝีมือของจ้าวฮ่าวก็ยิ่งโดดเด่นขึ้น จนได้รับการให้ความสำคัญจากทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างของอาณาจักรถังตะวันออกแล้ว

ในการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท นอกจากองค์ชายใหญ่จ้าวหยวน และองค์ชายสามจ้าวเฉิงแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีม้ามืดโผล่ออกมาเช่นนี้

อีกทั้งความโดดเด่นของจ้าวฮ่าว แน่นอนว่าต้องดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย

เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้มา เหยียนซวี่ก็เคยพบเจอกับจ้าวฮ่าวเป็นการส่วนตัว ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร

ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือเหยียนซวี่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของเขากว่างเฉิง จึงเห็นได้ชัดว่า ยอดนักปราชญ์เซียนกระบี่ตันหั่วในอดีต ก็คือจ้าวฮ่าว องค์ชายสิบหกแห่งถังตะวันออกในปัจจุบัน และยังคงเห็นเขากว่างเฉิงเป็นศัตรูเสมอมา

“ระยะนี้ จ้าวฮ่าวพบปะกับเขาไร้พรมแดน และดูเหมือนว่าจะใกล้ชิดกันยิ่งนัก” อาหู่รายงานให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง “ตามคาด”

อาณาจักรถังตะวันออกเป็นชายแดนของนภาพิภพ แน่นอนว่าเขากว่างเฉิงย่อมควบคุมที่แห่งนี้มากที่สุด

ทว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เก่งกาจไม่เบา แทรกซึมเข้าสู่ถังตะวันออกได้ลึกมาก

เมื่อเทียบกันแล้ว เขาไร้พรมแดน สำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ควบคุมดูแลภูผาพิภพอยู่ ก็ดูจะสำรวมพอควรในถังตะวันออก แต่ถ้าคิดว่าเขาไร้พรมแดนจะยอมอ่อนข้อ คงจะไม่ได้ง่ายเช่นนั้นแน่

เช่นเดียวกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เขาไร้พรมแดนเองก็กำลังแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรถังตะวันออกเช่นกัน เพียงแต่พวกเขายังขาดโอกาสอันเหมาะสม

และสำหรับจ้าวฮ่าวนั้น เขาไม่มีทางเลือกเขากว่างเฉิงอยู่แล้ว ส่วนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็มีจ้าวซื่อเลี่ยอยู่แล้ว

อย่างไรเสียจ้าวซื่อเลี่ยก็เป็นมหาปรมาจารย์ แม้ว่าจ้าวฮ่าวจะเริ่มแสดงความสามารถอันน่าทึ่งออกมา แต่เมื่อใดจะตามจ้าวซื่อเลี่ยทันนั้นก็ไม่อาจรู้ได้

อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางสละจ้าวซื่อเลี่ย แล้วหันไปสนับสนุนจ้าวฮ่าวแน่นอน

หากเขายอมที่จะเป็นลูกมือให้กับจ้าวซื่อเลี่ย สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยอมรับได้ ทว่าเห็นได้ชัดว่าจ้าวฮ่าวไม่เต็มใจที่จะอยู่เบื้องล่างของผู้อื่น

สิ่งที่เขาต้องการก็คือตำแหน่งราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออก ตำแหน่งที่มีวาจาสิทธิ์และน่าเชื่อถือ เพื่อทำการคัดสรรนำเข้าทรัพยากรจำนวนมากจากทั่วทั้งอาณาจักร ใช้สำหรับฝึกฝันกับตัวเขา จะได้กลับสู่ความรุ่งเรืองสูงสุดเช่นในอดีตโดยเร็ว แม้กระทั่งสูงส่งยิ่งกว่านั้น

จ้าวซื่อเฉิงลงแรงบ่มเพาะเขา ทว่าสิ่งที่เขาต้องการกลับมากกว่านั้นอย่างเช่นเจน

ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวฮ่าวและเขาไร้พรม จึงเข้าขากันได้อย่างง่ายดาย

“ความคิดของเขาขัดแย้งกับท่านลุงจ้าวไปแล้ว พวกเราจำเป็นต้องพูดอะไร ท่านลุงก็จะจัดการด้วยตัวเองอยู่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดนิ่งๆ ว่า “เขาไร้พรมแดนจะเป็นชาวประมงตกปลา[1] ระหว่างที่สำนักของเราและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขัดแย้งกัน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอก”

“จับตาดูต่อไป หากมีเรื่องอะไร ให้มารายงานทันที”

อาหู่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ขอรับ คุณชาย”

ณ จวนของจิ่นอ๋อง สีหน้าท่าทางของจ้าวซื่อเลี่ยจริงจังหนักแน่น มองไปยังชายชราสวมชุดสีทองเบื้องหน้า “ให้เคลื่อนไหวเร็วๆ นี้อย่างนั้นหรือ”

ชายชราชุดสีทองกล่าวว่า “ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเร็วๆ นี้ แต่ก็เตรียมตัวให้พร้อม รอโอกาสดีๆ ก็พอ”

จ้าวซื่อเลี่ยถามว่า “ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย ตอนนี้ก็มั่นใจแล้วว่าเกิดจากการกระทำของมนุษย์ แล้วถ้าหากมีความเกี่ยวข้องกับอเวจีจริงๆ ล่ะก็…”

อีกฝ่ายพลันกล่าวว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของข้ามียอดฝีมือไปดูลาดเลาที่รอบนอกของอเวจีโดยเฉพาะแล้ว”

“ทะยานบูรพาและข้าก็อยู่ที่นี่ จะคอยจับตาดูหุบเหวปราการมังกรตลอดเวลา หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ก็จะจัดการรับมือเองอย่างแน่นอน”

“แต่โอกาสดีที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกร ก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ดีเช่นกัน”

ชายชราชุดสีทองมือไขว้หลังแล้วยืนขึ้น “วิกฤต วิกฤต สิ่งใดคือวิกฤตหรือ โอกาสและอันตรายเป็นสิ่งที่มีอยู่คู่กัน หากเห็นแต่โอกาสแล้วโลภมากมุ่งหน้าเข้าหา นี่ถึงจะเป็นวิกฤต กับเพียงแค่เห็นอันตรายแล้วกลัวหัวหดไม่เดินหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำของคนโง่ทั้งนั้น”

จ้าวซื่อเลี่ยก็ไม่ใช่คนที่ขี้ขลาดตาขาว เมื่อเห็นว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เตรียมการเกี่ยวกับความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกร รวมถึงอเวจีแล้วก็วางใจขึ้นมาก

เขานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามว่า “แต่ถ้าหากจะสังหารเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ…”

ชายชราชุดสีทองกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ก็ยังมีจ้าวฮ่าวกับเขาไร้พรมอยู่ไม่ใช่หรือ”

………………..

[1] ชาวประมงตกปลา หมายถึง ได้กำไรหรือผลประโยชน์โดยไม่คาดคิด