ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 72 จิตราชั้นนอกระยะท้าย เหาะเหินเดินอากาศ!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เพราะเรื่องการรับเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าสำนัก ทำให้ความบาดหมางระหว่างเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หนักข้อขึ้น

บนแผ่นดินถังตะวันออก ความขัดแย้งของทั้งสองดินแดนศักดิ์สิทธิ์แทบจะเปิดเผยออกอย่างสิ้นเชิง มีการปะทะประมือกันในทุกด้านตลอดเวลา

ทำให้คนภายนอกทั่วไปรู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรล่ะก็ เกรงว่าเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงจะเปิดศึกสงครามกันไปนานแล้ว

เมื่อออกจากภูมิประเทศอันได้เปรียบของเมืองชมตะวันแล้ว ผู้อาวุโสฉินและทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงประมือกันที่บริเวณใกล้ๆ กับหุบเหวปราการมังกรอีกครั้งหนึ่ง

ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรใครได้ เพราะการต่อสู้ส่งผลกระทบไปถึงหุบเหวปราการมังกร ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงของที่นั่นเลวร้ายลง ทั้งสองฝ่ายจึงวางมือถอยห่างจากกัน

ในฐานะที่เยี่ยนจ้าวเกอเป็นชนวนสำคัญในการโต้แย้งกันทั้งสองฝ่าย ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือว่าเขาสำรวมขึ้นไม่น้อย ทั้งยังออกจากที่พักเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ทว่าแท้จริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอยังคงใช้ชีวิตผ่านไปอย่างเต็มที่ ไม่สูญเปล่าดังเดิม

ฝึกฝนพัฒนาตัวเอง ศึกษาวิชากลั่นโอสถ วิจัยเตาผลึกหินชั้นใน

นอกจากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอยังคอยจับตามองเรื่องที่บอกให้อาหู่คอยสอดส่องดูก่อนหน้านี้อีกด้วย

“คุณชายขอรับ เป็นอย่างที่ท่านคิดเอาไว้จริงๆ” อาหู่ยืนอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ “ตอนนี้เริ่มมีข่าวลือแล้ว ว่าเยี่ยจิ่งกับแม่นางหลินยังตัดเยื่อใยความสัมพันธ์ไม่ขาด เนื่องจากท่านโมโหจึงพลั้งมือสังหารแม่นางหลินเสีย”

“ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยจิ่งประสบกับเคราะห์ร้ายในหุบเหวปราการมังกร ก็เป็นเพราะความอิจฉาตาร้อนของท่าน จึงจงใจลอบทำร้ายเขา”

อาหู่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชายเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ หมายความว่าเยี่ยจิ่งตกอยู่ในมือของเหยียนซวี่แล้วหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนเก้าอี้ นิ้วมือเคาะไปบนโต๊ะเบาๆ ดวงตาหรี่เป็นเส้นตรง “มีความเป็นไปได้สูงมาก”

“เขาไม่ปล่อยข้าให้มีโอกาสได้ยืนยันความจริงกับเยี่ยจิ่งซึ่งๆ หน้าหรอก” เยี่ยนจ้าวเกอพาดขาขึ้นมาไขว่ห้าง “เกรงว่าครั้งนี้เขาคงอยากฆ่าข้าให้ได้จริงๆ”

ตั้งแต่ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มาเยือนจนถึงปัจจุบัน นับเป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอสมควร ฝ่ายเหยียนซวี่ดูสงบเสงี่ยมมากอย่างเห็นได้ชัด

เหยียนซวี่ไม่ได้ตั้งใจอดทนกับเยี่ยนจ้าวเกอ และไม่ได้จ้องจับผิดเขา ช่างปกติเสียเหลือเกิน

มีบางคนคิดว่าเป็นเพราะผู้อาวุโสฉินคอยคุมการณ์อยู่ที่ถังตะวันออกมาโดยตลอด และก็มีบางคนคิดว่าเป็นเพราะการสั่งสอนของผู้อาวุโสฉินก่อนหน้านี้เตือนสติเหยียนซวี่ให้รู้สึกตัว

ทว่าในความคิดของเยี่ยนจ้าวเกอนั้น นี่เป็นความสงบก่อนที่พายุมรสุมจะก่อตัว

หลังจากนั้นจะเป็นพายุฝนฟ้าคะนองที่รุนแรงเสียยิ่งกว่า ก็เหมือนกับคนที่เก็บหมัดคืน แล้วปล่อยออกมาอีกครั้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

“เขากำลังรอโอกาสจับปลาในน้ำขุ่น แต่โอกาสเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะมีเสมอไป” อาหู่กล่าว

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเขาไร้พรมแดนต่างก็คอยจับตามอง สอดส่องหาโอกาสอยู่ตลอด จะอยู่อย่างสันติคงไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ”

“ทุกๆ คนล้วนแล้วแต่รอโอกาสอยู่”

หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็หันกลับไปมองอาหู่ “ช่วงนี้ท่านผู้อาวุโสฉินจะอยู่ที่เมืองใกล้ปราการนี้ใช่หรือไม่”

อาหู่ตอบว่า “มีแนวโน้มว่าความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรจะทวีความรุนแรงขึ้น ถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษ ท่านผู้อาวุโสฉินก็ยังอยู่ที่นี่ขอรับ”

“ทะยานบูรพาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่บริเวณใกล้ๆ นี้ แต่กลับไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายอีก คงจะระแวดระวังการเปลี่ยนแปลงของหุบเหวปราการมังกรเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าจะเข้าฌานสักระยะหนึ่ง นอกเสียจากท่านผู้อาวุโสฉินมีแนวโน้มว่าจะโยกย้าย มิเช่นนั้นอย่ารบกวนข้า”

อาหู่เกาหัว “คุณชายขอรับ ท่านจะเข้าฌานในเวลาเช่นนี้ เป็นเพราะเหตุใดหรือ”

ชายหนุ่มยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

คนอื่นๆ ก็รู้สึกสงสัยกับการตัดสินใจเช่นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้างเช่นกัน

ตอนแรกคิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะใช้เตาผลึกหินชั้นในหลอมอาวุธ ภายหลังก็คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าเพื่อฝึกฝนวิชาบางอย่าง

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนกลับพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานครั้งนี้ ระยะเวลาไม่ได้สั้นแค่เพียงสิบวัน หรือครึ่งเดือนเท่านั้น

“เขาคงจะไม่ได้เข้าฌานเพื่อบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายกระมัง”

มีบางคนอดที่จะคาดเดาไม่ได้ และเมื่อพูดคำนี้พูดออกไป คนอื่นๆ ก็พลันตกใจขึ้นมา ก่อนจะพากันส่ายหน้า “จะเป็นไปได้อย่างไร! เขาเพิ่งจะบรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางมาได้แค่ครึ่งปีเอง จะบรรลุสู่ขั้นถัดไปรวดเร็วเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน แล้วก็…”

ขณะที่พูดอยู่นั้น กลุ่มคนทั้งกลุ่มก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ แล้ว

เพราะพวกเขาเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ ว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุจากระดับปรมาจารย์ขั้นจิตรานอกชั้นระยะต้นได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็บรรลุระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางแล้ว

ความเร็วในการพัฒนาขึ้นเช่นนี้ ไม่สามารถใช้คำว่า ‘น่ากลัว’ สองพยางค์มาบรรยายได้แล้ว

เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ภายในครึ่งปีจากขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง สู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนยอมรับได้ยากขนาดนั้นกระมัง

…ยอมรับได้บ้าอะไรเล่า ใครจะไปยอมรับได้กัน!

ทุกคนอยากเปิดปากต่อว่าสักยกใหญ่อย่างอดไม่ได้

“ใครจะไปรู้ว่าตอนที่เขาบรรลุจากระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้น สู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง เขาได้ใช้กระบวนการพิเศษอะไรที่เร่งรัดหรือไม่” มีคนพูดเสียงเบา ก่อนจะแค่นหัวเราะอีกเสียงหนึ่ง

หลังจากคนอื่นๆ เห็นใบหน้าของผู้พูดชัดเจนแล้ว สีหน้าท่าทางของพวกเขาก็สับสนขึ้นเล็กน้อย

ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณคนก่อน เหวินหนิงจือ

การไต่สวนก่อนหน้านี้สิ้นสุดลงแล้ว ท้ายที่สุดเหวินหนิงจือก็ยังผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด และได้รับการว่ากล่าวตักเตือนว่าบกพร่องต่อหน้าที่ ส่วนข้อครหาเรื่องคบค้าสมาคมกับศัตรูถือว่าล้างสะอาดแล้ว

ถึงกระนั้นแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเป็นผู้อาวุโสปฏิบัติกิจอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ประจำตำแหน่งจริง เป็นเพียงแค่คนว่างงานคนหนึ่งที่คอยติดสอยห้อยตามคอยรับคำสั่งเหยียนซวี่ ผู้อาวุโสคุมการณ์แห่งถังตะวันออกเท่านั้น

แต่ละที่มีผู้อาวุโสปฏิบัติกิจที่มีอำนาจจริง ซึ่งทุกตำแหน่งล้วนมีคนครบไม่มีที่ว่าง

อีกทั้งผู้อาวุโสฉินก็กำลังจับตาดูอยู่ เหยียนซวี่จึงยังไม่สามารถจัดการจัดแจงให้เหวินหนิงจือได้ในตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยเปื่อย

ส่วนหลังจากนี้เขาจะอยู่ที่ถังตะวันออกต่อไปได้หรือไม่นั้น ก็พูดยากนัก

ผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับฟางจุ่น อาจารย์ลุงรองของเยี่ยนจ้าวเกอ รวมถึงเหยียนซวี่เองก็อาจจะยังเชื่อมั่นในตัวเขา ทว่าบนร่างกายของเหวินหนิงจือได้ถูกติดป้าย ‘ไร้ความสามารถ’ เอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว

นั่นทำให้อนาคตของเขามืดมนไปหมด

เหวินหนิงจือกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มีวิชาชักเข็มสุริยันเข้าร่าง ในโลกแปดพิภพมีวิชาที่คล้ายคลึงกันอยู่น้อยมาก แต่ก็ยังพอมีอยู่บ้าง”

“เยี่ยนจ้าวเกอที่เผชิญกับความกดดันของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายอย่างเซียวเซิง จึงใช้วิชาเร่งรัดและวิธีแก้ขัดเฉพาะหน้า นั่นก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก”

“เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ จะต้องส่งผลกระทบต่อการฝึกวรยุทธ์ของเขาในอนาคตเป็นแน่!”

“สวรรค์ยังมีความยุติธรรม จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะประทานเรื่องดีๆ ให้กับคนคนหนึ่งทั้งหมด”

สายตาของบางคนที่มองเหวินหนิงจือมีความเยาะเย้ยปะปนอยู่ คิดว่าเพราะเขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนเสียเปรียบ ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบเยี่ยนจ้าวเกอสักเท่าไร

แต่คนส่วนมาก กลับมีความเห็นเดียวกันเกิดขึ้นในใจ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เยี่ยนจ้าวเกอประสบความสำเร็จจากระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้น สู่ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางได้ภายในหนึ่งเดือน ความเร็วในการฝึกฝนเช่นนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงก็จริง ทว่าก็ขัดกับหลักการทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

อีกทั้งไม่ใช่หลักการทั่วไปของสามัญชนคนธรรมดา ในโลกของอัจฉริยะก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเกิดขึ้นได้

ผู้ที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งถอนหายใจเบาๆ “แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ไม่ใช่หรือ ต่อให้จะเกิดผลข้างเคียงในภายหลัง ก็ยังดีกว่าถูกเซียวเซิงเล่นงานจนเจ็บตายคาที่”

ขณะที่กำลังพูดคุยกัน ในใจของทุกคนก็เกิดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นพร้อมๆ กัน

เมื่อหันหลังกลับ ก็เห็นคนคนหนึ่งเดินออกมาจากประตู เยี่ยนจ้าวเกอกำลังเดินมาอย่างสง่าผ่าเผย

“ทุกท่านคุยอะไรกันอยู่หรือ ถึงมีท่าทางสนุกสนานเช่นนี้” เยี่ยนจ้าวเกอถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

มีคนคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้า “จ้าวเกอออกฌานแล้วหรือ ครั้งนี้ใช้เวลานานพอสมควรเลยนะ…”

เมื่อกล่าวออกไปได้ครึ่งหนึ่งก็พลันชะงักลง ราวกับเสียงนั่นถูกคนใช้กรรไกรตัดขาดไป

คนอื่นๆ ที่มองตามไปก็พลันตัวแข็งทื่อไปในทันที อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง

เหวินหนิงจือขมวดคิ้ว มองจากทางด้านหลัง รู้สึกเพียงแค่ว่าส่วนสูงของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนจะสูงกว่าเมื่อก่อนอยู่ระดับหนึ่ง

ครั้นชายหนุ่มเบียดตัวออกจากฝูงชนที่ตกตะลึงไปจนถึงแถวหน้า หลังจากมองจนชัดเจนแล้ว ทุกคนก็แทบจะเป็นลมล้มพับไป

ส่วนสูงของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ว่าตอนนี้กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ระยะห่างระหว่างเท้ากับพื้นประมาณหนึ่งฉื่อได้

“เมื่อบรรลุขั้นได้แล้ว ก็ต้องออกฌานเป็นธรรมดา” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ขณะเดียวกันก็เดินเข้าไปหาทุกคน

ระยะห่างหนึ่งฉื่อ ต้องไม่ใช่ขีดจำกัดการลอยตัวของเยี่ยนจ้าวเกออย่างแน่นอน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ร่างกายที่ลอยตัวอยู่ในอากาศระยะสั้นๆ ก็ยิ่งทำให้สามารถบังคับลมปราณให้เดินเหินในอากาศได้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งก็เป็นสัญลักษณ์ของระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้าย!

……………