บทที่ 55 ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่

The king of War

ความเจ็บปวดแผ่ลามมาจากข้อมือ ทำให้ชั่วขณะนั้นฉินต้าหย่งหายเมาขึ้นมาหลายส่วน เอ่ยอย่างเจ็บปวดว่า “แกรีบปล่อยมือฉันนะ! ”

ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของฉินต้าหย่ง โจวยู่ชุ่ยและฉินซีถึงได้มีสติกลับมา

“หยางเฉิน รีบปล่อยมือสิ! ” ฉินซีรีบร้อนเอ่ย

“หยางเฉิน ฉันสั่งนาย ตอนนี้เอาคนสารเลวนี่โยนออกไปให้ฉัน ไม่เช่นนั้นอย่าได้คิดที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้” โจวยู่ชุ่ยก็เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

“คุณแม่ เพราะคุณพ่อดื่มจนเมาถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้ หรือว่าคุณแม่ยังไม่รู้อีกหรือ? ”

ฉินซีเอ่ยอย่างโมโห ต่อมาก็มองไปทางหยางเฉิน “นายอย่าไปฟังคุณแม่! รีบช่วยฉันพาคุณพ่อเข้าไปในห้อง”

หยางเฉินพยักหน้าเบาๆ ปล่อยข้อมือของฉินต้าหย่ง

ความเจ็บปวดมีผลให้หายเมา ฉินต้าหย่งถึงแม้ว่ายังมีความมึนเมาเล็กน้อย แต่ชัดเจนว่ามีสติขึ้นมามากทีเดียว ถลึงตาเย็นชาใส่หยางเฉินครั้งหนึ่ง “แม้แต่คนไร้ประโยชน์อย่างแก ก็กล้าลงมือกับฉันแล้ว รอก่อนเถอะ! ”

ฉินต้าหย่งทิ้งความพูดโหดร้ายไว้ประโยคหนึ่ง โซเซกลับห้องไปด้วยตัวเอง

“หยางเฉิน นายใช้ได้นี่! วันนี้เพิ่งจะเข้ามาที่บ้านนี้ ก็จะเป็นศัตรูกับฉันแล้ว ถ้าฉันรั้งนายไว้ ใช่ว่าวันไหนสักวัน นายยังจะมาควบคุมดูแลบ้านนี้แทนฉันด้วยใช่ไหม? ”

โจวยู่ชุ่ยในเวลานี้โกรธมาก ยื่นนิ้วมือไปทางประตูตวาดว่า “ไสหัวไปให้ฉัน วันหน้าก็อย่าได้คิดที่จะรั้งอยู่ที่บ้านนี้อีก”

หยางเฉินในใจข่มกลั้นความโกรธไว้ แต่ว่าเห็นแก่หน้าของฉินซีและเสี้ยวเสี้ยว เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้น

“คุณแม่ คุณแม่อยากจะทำอะไรกันแน่? ”

ฉินซีร้องไห้ขึ้นมา “คุณแม่กับคุณพ่อวุ่นวายจนกลายเป็นแบบนี้ ยังรังเกียจที่ในบ้านยังวุ่นวายไม่พอหรือ? ”

“เสี่ยวซี นี่แม่ก็ทำเพื่อลูก ไม่อยากให้ลูกเดินตามรอยเท้าของแม่นะ! ลูกดูพ่อของลูกสิ ตอนนั้นแม่ไม่ทอดทิ้งรังเกียจเขาแต่งเข้าตระกูลฉิน ผลลัพธ์ล่ะ? เขาไม่ได้รับความชื่นชอบจากตระกูลก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้ยังติดเหล้าทั้งวัน ถึงขั้นลงมือตบตีแม่”

บนใบหน้าของโจวยู่ชุ่ยมีรอยฝ่ามืออยู่จริงๆ นาทีนี้เอ่ยอย่างอารมณ์พลุ่งพล่านว่า “แม่แค่อยากให้ลูกแต่งกับคนที่มีเงิน อยากจะใช้ชีวิตที่ดีไปกับลูก นี่มันผิดหรือ? ”

“แต่อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเสี้ยวเสี้ยว! สามีของหนู! ” ฉินซีตาแดงก่ำเอ่ยตอบ

“เสี้ยวเสี้ยวเป็นลูกสาวของลูก แต่ลูกก็เป็นลูกสาวของแม่นะ! ความรักของแม่เห็นแก่ตัวมาก เพียงแค่อยากให้ลูกใช้ชีวิตที่ดี! ”

โจวยู่ชุ่ยยิ่งร้องไห้อย่างเจ็บปวด “ลูกคลอดลูกสาวให้เขา ติดอยู่กับสภาพที่เหมือนเป็นหม้ายมาห้าปีเพื่อเขา แล้วเขาล่ะ? รู้ไหมว่าหลายปีมานี้ ลูกตัวคนเดียวผ่านมาได้อย่างไร? เขามีคุณสมบัติเป็นพ่อของเสี้ยวเสี้ยวไหม? มีคุณสมบัติเป็นสามีของลูกไหม? ไม่มี! เขาไม่คู่ควร! ”

โจวยู่ชุ่ยทั้งพูดทั้งร้องไห้ อารมณ์พลุ่งพล่านอย่างยิ่ง

หยางเฉินยืนมองอยู่ที่เดิม ไม่พูดจาสักคำ ในสมองมีแต่คำพูดนั้นของโจวยู่ชุ่ย : เขาไม่คู่ควร!

ฉินซีมองหยางเฉินแวบหนึ่ง ในใจเต็มไปด้วยความสงสาร เธออยากจะบอกกับทุกคน ว่าหยางเฉินนั้นไม่ใช่คนที่ไร้ค่าไม่มีอะไรดี แต่เป็นผู้กล้าที่ปกบ้านป้องเมือง แต่เธอพูดอะไรไม่ได้

ตอนกลางคืน หยางเฉินนอนในห้องเก็บของ ถึงแม้จะมีขนาดเพียงสี่หรือห้าตารางเมตร อีกทั้งยังปูที่นอนกับพื้น แต่หยางเฉินกลับรู้สึกว่าสบายกว่าอาศัยอยู่ที่ยอดเมฆาราคาหลายร้อยล้านหลายเท่า

เพราะว่าห้องของภรรยาและลูกสาว ก็อยู่ติดกัน

“คุณแม่ คุณแม่โกหก! ” เสี้ยวเสี้ยวเห็นฉินซีมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม พลันทำหน้าน้อยใจเอ่ยขึ้น

“หา? ” ฉินซีไม่รู้สาเหตุ “แม่โกหกลูกตอนไหนกัน? ”

“คุณแม่ไม่ใช่บอกว่า คุณพ่อจะอยู่ด้วยกันกับพวกเราหรือ? ” ดวงตาของเสี้ยวเสี้ยวเปียกชื้นแล้ว ใกล้จะร้องไห้เต็มที

“แม่ไม่ได้โกหกลูก เขาอยู่ที่ห้องติดกับพวกเรา”

“ทำไมคุณพ่อต้องนอนอยู่ข้างห้องด้วยล่ะ? เสี้ยวเสี้ยวอยากให้คุณพ่อกอดนอน คุณแม่ หนูไปเรียกคุณพ่อมา ดีหรือไม่? ”

“กลางวันคุณพ่อทำงานเหนื่อยมาก หลับไปแล้ว พวกเราอย่าไปรบกวนเขาเลย ดีไหม? ”

“ไม่เอา! หนูจะต้องการคุณพ่อ! หนูต้องการคุณพ่อ! ”

เสี้ยวเสี้ยวจู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมา

หยางเฉินที่อยู่ข้างห้อง ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาว รีบร้อนลุกขึ้นพุ่งเข้าไป “เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้อง พ่ออยู่นี่! ”

ได้ยินเสียงของคุณพ่อ เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดลงทันที หลังจากเห็นหยางเฉินแล้ว พลิกตัวกุกกักขึ้นมาทันที แล้วพุ่งเข้าสู้อ้อมอกของหยางเฉิน

“คุณพ่อ หนูคิดว่าคุณพ่อไม่ต้องการเสี้ยวเสี้ยวแล้ว! ” เสี้ยวเสี้ยวกอดคอหยางเฉินแน่น เอ่ยตอบทั้งน้ำตา

“เสี้ยวเสี้ยวเป็นลูกสาวของพ่อ พ่อจะไม่ต้องการเสี้ยวเสี้ยวได้ยังไงกัน? ” หยางเฉินเอ่ยตอบ

ฉินซีมองความอาลัยอาวรณ์ที่เสี้ยวเสี้ยวมีต่อหยางเฉิน จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกหึงหวง เป็นตนเองที่เลี้ยงดูลูกสาวอย่างยากลำบากมาจนโต เพิ่งจะเจอหยางเฉินได้ไม่นาน ก็อาลัยอาวรณ์เช่นนี้แล้ว

หยางเฉินราวกับสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของฉินซีแล้ว อุ้มเสี้ยวเสี้ยวมาวางไว้ข้างเตียง ยื่นมือออกไปช่วยเธอเช็ดน้ำตา น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้เอ่ยว่า “เสี้ยวเสี้ยว พรุ่งนี้พ่อยังต้องทำงาน ตอนนี้เหนื่อยมาก อยากจะไปนอนแล้ว ลูกก็รีบนอนกับคุณแม่ ดีไหม? ”

ปากน้อยๆ ของเสี้ยวเสี้ยวคว่ำลง อยากร้องไห้อีกแล้ว “คุณพ่อ คุณพ่อนอนด้วยกันกับคุณแม่และเสี้ยวเสี้ยวได้ไหม? คุณพ่อไม่อยู่ เสี้ยวเสี้ยวกลัว! ”

“กลัวอะไร? ” หยางเฉินถามอย่างสงสัย

“กลัวคุณพ่อไม่ต้องการเสี้ยวเสี้ยวแล้ว! ” ในที่สุดเสี้ยวเสี้ยวก็อดไม่ไหวแล้ว น้ำตาก็ไหลทะลักลงมาเป็นสาย

ประโยคนี้ ทำให้ในจิตใจของหยางเฉินและฉินซีต่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

โดยเฉพาะหยางเฉิน รู้สึกว่าหัวใจเหมือนกับโดนมีดฟัน นึกได้ถึงลูกสาวขาดความรักของพ่อไปถึงห้าปี ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

ดวงตาของฉินซีก็แดงก่ำขึ้นมาเช่นกัน ไม่ว่าเธอจะเต็มใจยอมรับหยางเฉินหรือไม่ เขาก็เป็นพ่อของลูกสาว สายเลือดส่วนนี้ไม่มีทางตัดขาดได้

“เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้อง เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้อง พ่อไม่ไปแล้ว คืนนี้นอนกับพวกเรา! ” ฉินซีรีบเอ่ยตอบ

หยางเฉินในใจก็ตะลึง เห็นท่าทางฉินซีที่น้ำตาใกล้จะไหลออกมา อารมณ์ยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นไปอีก

นอนด้วยกันกับผู้ชายที่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรระหว่างกันสักเสี้ยว เธอคงยากที่จะยอมรับสินะ? แต่ว่าเพื่อลูกสาว เธอไม่อาจไม่ยอมรับ

บางที นี่ก็คือความรักของแม่ใช่ไหม!

ในที่สุดเสี้ยวเสี้ยวก็หยุดร้องไห้โวยวาย โอบคอของหยางเฉินไม่ปล่อย กลัวเขาจู่ๆ จะจากไป

หนึ่งครอบครัวสามคน นอนบนเตียงหลังเดียวกัน เสี้ยวเสี้ยวอยู่ตรงของทั้งสองคน

ไม่ว่าเป็นหยางเฉินหรือว่าฉินซี ต่างนอนไม่หลับอยู่เป็นเวลานาน

บางทีอาจจะร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว อีกทั้งอาจจะเป็นเพราะอ้อมอกของพ่อมีความรู้สึกปลอดภัย ไม่นานนัก เสี้ยวเสี้ยวก็หลับไปแล้ว

คนก็หลับไปแล้ว แต่ว่ามือทั้งคู่ยังคงโอบกอดคอของหยางเฉินอยู่อย่างแน่นหนา

หยางเฉินก็ไม่กล้าขยับสักนิด ปล่อยให้ลูกสาวดอกอยู่เช่นนั้น

ไม่เหนื่อยเลยสักนิด มีเพียงแค่ความสุขที่เข้มข้น

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสี้ยวเสี้ยวพลันพลิกตัวกลับ ปล่อยตัวหยางเฉิน

หยางเฉินมองลูกสาวและภรรยาด้วยความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ช่วยดึงผ้าห่มให้ภรรยาและลูกสาวเบาๆ จากนั้นจึงจากไป

ถึงแม้จะไม่อาจตัดใจอย่างไร เขาก็ต้องจากไป

เขาเข้าใจ ฉินซีไม่ได้มีความรู้สึกสั่นไหวต่อเขา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูกสาว

ในเมื่อลูกสาวหลับแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะรั้งอยู่ต่อ

ที่เขาไม่รู้ก็คือ เขาเพิ่งจะจากไป ในความมืดมิด ฉินซีก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว

ถอนหายใจอย่างไร้เสียงขึ้นมาสายหนึ่ง

นี่ถูกกำหนดให้เป็นคืนที่นอนไม่หลับ

มีเพียงชายหญิงที่กั้นอยู่ระหว่างกำแพงกั้น ต่างล้วนแต่นอนไม่หลับ