ตอนที่ 279 ความผิดนี้ท่านต้องเป็นคนรับ / ตอนที่ 280 เมิ่งหนานมอบหยก

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 279 ความผิดนี้ท่านต้องเป็นคนรับ

องครักษ์หลี่ย่อมรู้สึกว่าถูกใส่ร้าย เขาเพียงทำเรื่องที่ควรทำ เพื่อไม่ให้การเดินทางของคุณชายต้องพบกับอุปสรรคที่ไม่จำเป็น แต่ใครจะรู้ว่าเด็กสาวชาวบ้านผู้นี้จะเป็นสหายของคุณชายเล่า

เมื่อก่อน สหายของคุณชายล้วนเป็นคุณชายสกุลสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เขาไปผูกมิตรกับคนยากจนพรรค์นี้ตั้งแต่เมื่อใด

เขาข่มไฟโทสะและความไม่พอใจในแววตาของตนเอง ก่อนจะยิ้มว่า “คุณชายขอรับ เป็นข้าบุ่มบ่ามเอง ด้วยไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้เป็นสหายของคุณชาย ถึงได้ล่วงเกินนางเช่นนี้ คุณชายโปรดลงโทษข้าด้วย”

เมิ่งหนานถลึงตามองเขาด้วยความโมโห ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์นัก “รับโทษ!”

องครักษ์หลี่รีบตอบรับ แล้วถอยหลังไป การลงโทษที่ว่า ก็คือรับผิดชอบม้าสิบตัวแทนองครักษ์ที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน และพวกเขาล้วนเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ม้าสิบตัวไม่ใช่งานหนัก เพียงแต่เขารู้สึกไม่พอใจที่คุณชายให้เขารับโทษเพราะคนแปลกหน้าสองคน เขาเป็นผู้นำคณะองครักษ์ระดับสูงของสกุลเมิ่ง แม้แต่ฮูหยินยังต้องไว้หน้าเขาหลายส่วน แต่คุณชายกลับ…

“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” เมิ่งหนานถามไป๋จื่อ

เด็กสาวส่ายหน้า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ โชคดีที่มีหูเฟิงอยู่ด้วย”

ประกายตาของเมิ่งหนานหม่นลงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะช้อนสายตาขึ้นมองหูเฟิง เห็นอีกฝ่ายยังคงเบิกตามองตนอย่างเย็นชา ในใจของเขาจึงรู้สึกไม่สู้ดีอยู่บ้าง

“ขอโทษพวกเจ้าด้วยที่ทำให้ลำบากเช่นนี้ ข้าคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงมือโดยไม่ถามอะไรให้แน่ชัดเสียก่อน เป็นข้าที่ไม่เข้มงวดกับเขาเอง”

ไป๋จื่อพยักหน้า “เป็นท่านที่ไม่เข้มงวดจริงๆ”

ครั้นเห็นเมิ่งหนานมองนางด้วยความประหลาดใจ นางก็ยิ้มว่า “ท่านอาจจะพูดเพราะมารยาท หรือท่านอาจจะรู้สึกผิด ทว่าปกติแล้วองครักษ์เหล่านี้ไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายท่าน ไม่ได้รับการชี้แนะจากท่าน ท่านจึงไม่เข้าใจรูปแบบการทำงานของพวกเขา ความผิดนี้ท่านต้องเป็นคนรับ”

“ข้าจะบอกท่านให้นะเจ้าคะ ท่านบ่ายเบี่ยงความผิดนี้ไม่ได้แม้สักนิด พวกเขาเป็นองครักษ์ของสกุลเมิ่ง ส่วนท่านเป็นคุณชายของสกุลเมิ่ง ทุกคำพูดและการกระทำของพวกเขาล้วนเป็นตัวแทนของสกุลเมิ่ง ของท่าน เมิ่งหนาน”

“พวกเขากล้าใช้ความรุนแรงตามใจชอบ ย่อมเป็นเพราะพวกเขามีอำนาจ และอำนาจนี้ก็มาจากสกุลเมิ่งแห่งเมืองหลวง ชาวบ้านที่ถูกพวกเขาทุบตีและรังแกไม่รู้ว่าพวกเขาชื่อว่าอะไร รู้เพียงว่าพวกเขาเป็นองครักษ์ของสกุลเมิ่ง ทุกอย่างที่พวกเขาทำล้วนมาจากการชี้นำของสกุลเมิ่ง ท่านว่าถูกต้องหรือไม่”

เมิ่งหนานอยากพูดว่าไม่ถูกต้อง ทุกคนในสกุลเมิ่งของพวกเขาล้วนอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชี้นำให้องครักษ์รังแกชาวบ้าน แต่เมื่อความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า แล้วเขายังจะพูดอะไรได้อีกเล่า

เขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าเหล่าองครักษ์ที่เคารพนบนอบต่อหน้าเขาในทุกเมื่อ ครั้นพบเจอกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแล้ว จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้

หรือไม่ใช่ว่าเขาคิดไม่ถึง ทว่าแต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดถึงเลยต่างหาก

ยิ่งไปกว่านั้น เขายิ่งไม่เคยใส่ใจว่าก่อนที่เขาจะพบไป๋จื่อ เขาเคยเห็นชาวบ้านตามท้องถนนที่สวมเสื้อผ้ามอซออยู่ในสายตาสักคนหรือไม่

เมิ่งหนานกล่าวกับไป๋จื่อ “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้า จากนี้จ้าจะไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำสองเป็นอันขาด”

ใบหน้าบึ้งตึงของไป๋จื่อพลันปรากฏรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ข้านำเสบียงอาหารมาให้พวกท่านเล็กน้อย พวกท่านจะได้มีอาหารกินระหว่างทาง” ครั้นกล่าวจบ นางก็หมุนกายเดินไปยังรถม้าของตนเอง

จินเสี่ยวอันรีบเรียกองครักษ์สองคนให้ตามไปช่วย เพื่อยกอาหารสองกล่องใหญ่ที่ไป๋จื่อวางไว้ในรถม้าออกมา

“ไปวางไว้ที่รถข้า” เมิ่งหนานกล่าว

องครักษ์จินดีใจเป็นอย่างยิ่ง เช้าวันนี้เขากินข้าวเช้าของที่ว่าการอำเภอ ขณะนั้นเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา แม้ปากของคุณชายจะบอกว่าไม่ต้องการให้ไป๋จื่อมาส่ง แต่ในใจของคุณชายจะต้องอยากพบหน้านางอีกสักครั้งอย่างแน่นอน เพียงแต่อายเกินกว่าจะเอ่ยปากก็เท่านั้น

คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งออกจากเมือง แม่นางไป๋ก็รออยู่ที่นี่แล้ว อีกทั้งยังนำอาหารที่นางทำด้วยตนเองมาด้วย

……….

ตอนที่ 280 เมิ่งหนานมอบหยก

ไป๋จื่อกล่าวกับเมิ่งหนาน ผู้ที่บัดนี้มีสีหน้าอาลัยอาวรณ์นัก “รีบขึ้นรถเถอะเจ้าค่ะ อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”

เมิ่งหนานนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน คิดเรื่องต่างๆ มากมาย เขามีอะไรอยากจะพูดกับไป๋จื่ออย่างมหาศาล เดิมทีคิดว่าไม่อาจได้พบหน้ากันอีกแล้ว ทว่าบัดนี้ได้พบกัน เขากลับไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี

สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องแยกจากนาง สุดท้ายแล้วต้องมีชีวิตที่แตกต่างกัน

แล้วยังมีอะไรต้องพูดกันอีกเล่า

เขาพยักหน้า “ดูแลตัวเองด้วย!”

ขณะที่เมิ่งหนานหมุนกายไป ไป๋จื่อและหูเฟิงก็หมุนกายจากไปเช่นกัน ทว่าเพิ่งเดินไปได้สิบกว่าก้าว กลับได้ยินเมิ่งหนานเรียกด้วยความร้อนใจ “ไป๋จื่อ…”

นางหันกลับไป เห็นเมิ่งหนานกำลังวิ่งมาหานางด้วยความร้อนใจ สีหน้าลุกลี้ลุกลนและ…ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรอยู่บ้าง

“อะไรหรือเจ้าคะ” นางถาม

“ต่อไปพวกเรายังจะได้เจอกันอีกหรือไม่” เมิ่งหนานอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ทว่าเขาคำพูดของเขาในตอนนี้เหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรคนหนึ่ง

ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ อาจจะได้เจอกัน หรืออาจจะไม่ได้เจอกันก็ได้ ใครจะบอกเรื่องในอนาคตได้เล่าเจ้าคะ”

จริงด้วย ใครจะบอกเรื่องในอนาคตได้ชัดเจนกันเล่า

เมิ่งหนานยิ้มเจื่อน ทว่าก็จ้องมองเด็กสาวร่างอรชรผู้งดงามตรงหน้า หลังออกจากเมืองชิงหยวนไป เขาจะได้พบเจอเด็กสาวเช่นนางอีกหรือไม่

เขาหยิบพู่หยกขาวทรงกลมออกมาจากในอกเสื้อ บนพู่หยกสลักภาพนกและดอกไม้ไว้ ประณีตและมีชีวิตชีวายิ่ง มันดูอ่อนหวานนัก ทั้งยังแฝงจิตวิญญาณที่คล้ายมี คล้ายไม่มีอยู่เลือนราง ถึงนางจะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องหยกมากนัก แต่ก็มองออกว่านี่เป็นหยกคุณภาพดีอย่างยิ่ง

เมิ่งหนานวางพู่หยกลงตรงกลางฝ่ามือของไป๋จื่อ “ต่อไปหากพบเรื่องยากลำบากอะไร เจ้าจงนำพู่หยกนี้ไปที่เมืองหลวง ไปหาข้าที่สกุลเมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไร ข้าล้วนช่วยเจ้าทั้งสิ้น”

ไป๋จื่อกำลังจะปฏิเสธ แต่เมิ่งหนานกลับหมุนกายเดินไปแล้ว ทั้งยังเดินเร็วมาก ไม่หันหน้ากลับมามองนางด้วยซ้ำ เพราะเขาเองกลัวว่าหากหันกลับไปมอง เขาจะยิ่งอาลัยอาวรณ์ที่จะต้องจากนางไปมากกว่านี้

เมื่อองครักษ์จินออกคำสั่ง ขบวนรถก็เดินหน้าต่อไป หายไปในกลุ่มควันที่ตลบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

นางกำหยกชิ้นนั้นไว้ในมือ หนักนัก ราวกับมีน้ำหนักเป็นพันชั่งก็ไม่ปาน

หูเฟิงกวาดสายตามองพู่หยกในมือนางอย่างเฉยชาครั้งหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็น “นี่เป็นตราหยกแสดงฐานะของคุณชายสกุลเมิ่ง ไม่ใช่พู่หยกธรรมดาทั่วไป เมิ่งหนานมอบให้เจ้าเช่นนี้ เขาไม่กลัวก่อเรื่องยากลำบากให้เจ้าเลยรึ”

เมื่อไป๋จื่อได้ยินดังนั้น นางก็รีบยัดพู่หยกใส่ในอกเสื้อ แล้วพูดเสียงดัง “เจ้าห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด ต่อไปหากมีโอกาส ข้าต้องคืนให้เขาอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มยักไหล่ ก่อนจะกลับหลังหันเดินไปทางรถม้า “นั่นไม่ใช่เรื่องของข้า ไปเถอะ ซื้อยาเสร็จแล้วก็อย่าได้ลืมเรื่องสำคัญ”

ไป๋จื่อตามหลังเขาขึ้นรถม้า หลังจากเข้าเมืองแล้วก็ไปยังโถงสมุนไพรทันที

นางยื่นใบสั่งยาที่เขียนไว้อย่างดีแล้ว ให้กับเจ้าของร้านที่คอยรับผิดชอบเจียดยาของโถงสมุนไพร เมื่อผู้ดูแลเห็นใบสั่งยาแล้ว เขาก็ต้องหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง

“ขมิ้นชัน ซำเล้ง[1] ปลิง ลิ่น? นี่คือใบสั่งยาอะไรกัน” ผู้ดูแลร้านไม่เคยเห็นใบสั่งยาพรรค์นี้มาก่อน จึงรู้สึกแปลกใจมากจริงๆ

ไป๋จื่อยิ้มจาง “ท่านไม่ต้องสนใจหรอกว่าเป็นใบสั่งยาอะไร จัดให้ข้าตามนั้นก็พอเจ้าค่ะ”

ผู้ดูแลร้านส่ายหน้า “ข้ามีขมิ้นชันกับซำเล้ง ทว่าไม่มีปลิงกับลิ่นหรอก ของพรรค์นี้ใส่ลงไปในยาได้ด้วยหรือ”

เด็กสาวผิดหวังอย่างมาก ที่นี่คือร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงหยวน หากซื้อยาจากที่นี่ไม่ได้อย่างครบถ้วน ไปที่อื่นก็ไม่มีทางซื้อได้อย่างแน่นอน

ทันใดนั้น ซ่งซานเฉียนก็ถือล่วมยาเข้ามา ท่าทางของเขาดูรีบร้อนทีเดียว ตรงขมับมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาด้วย

เจ้าของร้านรีบเรียกเขา “ท่านหมอซ่ง รบกวนท่านดูใบสั่งยานี้หน่อยขอรับ”

ซ่งซานเฉียนเป็นหมอ ส่วนเจ้าของร้านมีหน้าที่เจียดยาเท่านั้น เขาพอรู้จักสมุนไพรและแยกแยะได้ ทว่าเขากลับไม่เชี่ยวชาญศาสตร์ของสมุนไพรดีเท่าหมอซ่ง

สีหน้าของซ่งซานเฉียนไม่ค่อยดีเท่าไร เดิมทีเขาอยากเข้าไปด้านใน ทว่าเจ้าของร้านเรียกเขาไว้ อีกทั้งยังมีคนนอกอยู่ด้วย คงไม่เป็นการดีถ้าหากจะไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย เขาจึงทำได้เพียงวางล่วมยาลง แล้วก้าวเข้าไปรับใบสั่งยาที่เจ้าของร้านส่งให้

[1] ซำเล้ง ชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีสรรพคุณช่วยกระจายเลือด ช่วยให้ลมปราณไหลเวียนดี มีรสขมและเผ็ดร้อนปานกลาง