ตอนที่ 210 เรื่องราวมากมายในฤดูใบไม้ร่วง

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 210 เรื่องราวมากมายในฤดูใบไม้ร่วง

ฝีเท้าของเขาเร่งเร็วขึ้น นัยน์ตาสีดำของเขาฉายความเย็นชาขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้”

“มันน่าจะมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ” วันนี้เป็นวันอะไรกัน มีเรื่องราวมากมายในฤดูใบไม้ร่วงด้วยเหรอ?

ฉีเซิงเทียนรีบเดินตามหลังจิ่งเป่ยเฉินไปทันที ก่อนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเขาและกดลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง

ผนังกำแพงสีเงินสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่เย็นชาของจิ่งเป่ยเฉิน ขณะนั้นเองฉีเซิงเทียนก็ครุ่นคิดอย่างเงียบเชียบ ผู้หญิงที่น่าเกลียดคนนั้นมีดีอะไรกันแน่ ความกังวลของจิ่งเป่ยเฉินถึงได้เผยออกมาให้เห็นชัดเสียขนาดนั้น

อืม ใช่ มีผู้หญิงคนหนึ่งที่หันเหความสนใจของเขาไปได้เกือบหมด จนไม่ได้คิดคลั่งไคล้เสียจนคิดว่าอันโหรวจะกลับมาเมื่อไหร่ และจะกลับมาตอนไหน

เพียงแต่ว่าตอนนี้อะไรคือความแตกต่างระหว่างเขากับอันโหรวที่เข้ามาเกี่ยวข้องกันแบบนี้?

เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมอันอีหาน ช่างเป็นคนที่สุดยอดจริง ๆ!

อย่างน้อยก็ดีกว่าลูซี่ที่มีแค่หน้าอกหน้าใจขนาดใหญ่ เพียงแค่เข้าบริษัทไม่กี่วันก็ถูกบิ๊กบอสถูกใจเสียแล้ว

ลิฟต์ที่อยู่ด้านหน้าทั้งสองคนค่อย ๆ เปิดออก จิ่งเป่ยเฉินก็อดใจรอแทบไม่ไหวที่จะเข้าไป ก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านใน

“ประธานจิ่ง พวกคุณจะออกไปข้างนอกอย่างนั้นเหรอ?” อันโหรวเดินออกมาจากลิฟต์และถามขึ้นมาอย่างโต้ง ๆ โดยไม่แม้แต่จะสังเกตสีหน้าของจิ่งเป่ยเฉินว่าตอนนี้เปลี่ยนไปมากขนาดไหน

“อันอีหาน นี่คุณไป…..”

ฉีเซิงเทียนชี้ไปยังเธอ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ทันใดนั้นแขนของเขาก็ถูกดึงลง และก็มีคนผลักเขาไปที่ด้านหลัง ก่อนที่คนคนนั้นจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อหันไปมองก็เห็นจิ่งเป่ยเฉินเดินกลับไปแล้ว ที่ด้านหลังเองก็เห็นอันอีหานเดินตามหลังไปอย่างงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

นี่เขาไม่ได้ไปยั่วโมโหใครใช่ไหม?

เขาช่วยหาคนให้นะ! ผลลัพธ์ก็คือถูกทอดทิ้งหลังจากใช้งานเสร็จแล้วแบบนี้เหรอ?

อันโหรวรู้สึกว่าจิ่งเป่ยเฉินนั้นดูแปลกไปเล็กน้อย เดินเร็วขนาดนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่?

แต่เธอก็เร่งฝีเท้าเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว เดินไปและรายงานไป “ประธานจิ่งคะ วันนี้ตอนบ่ายสองโมง จินหยูจัดงานแถลงข่าว หลังจากที่แถลงข่าวเสร็จจะขายภายในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง”

 

เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับมา เธอมองไปที่ใบหน้าที่เย็นชาของเขา หรือว่าหมินลี่จะอาการหนักขึ้น?

เธอเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้เธอกับหมินลี่จะไม่สนิทกัน แต่ก็ถือว่าเป็นคนรู้จักกันอยู่ดี

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหมินลี่ก็ดี ตอนนี้เขาเกิดอุบัติเหตุ จิ่งเป่ยเฉินต้องเสียใจมากแน่ ๆ เธอควรจะปลอบใจเขาสักหน่อย

ทันทีที่เธอปิดประตูห้องทำงานและเดินเข้าไป จู่ ๆ ก็มีเงาคนเดินเข้ามาหาเธอ เธอก้าวถอยหลังไปติดกำแพง

ทั้งร่างของเขาขยับเข้าหาเธออย่างแนบชิดโดยไม่พูดไม่จา ดวงตาสีดำนั้นเหมือนจ้องมาที่เธออย่างบ้าคลั่ง

เธอหันหน้ามองเขาที่ตอนนี้เอามือยันกำแพงอยู่ “ประธานจิ่งเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

มีอะไรก็พูด อย่าทำแบบนี้!

ต้อนเธอเข้ามุมกำแพงแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไร

สายตาเขามองไปที่ใบหน้าของเธอ ใบหน้าที่บึ้งตึงของเขาค่อย ๆ คลายลง ดวงตาของเธอ จมูกของเธอ ริมฝีปากของเธอ……

“หันหน้ามา!” เขาพูดอย่างเคร่งขรึม

 

เธอลอบกลืนน้ำลายก่อนจะค่อย ๆ หันหน้ามาหาเขาและยิ้มบาง ๆ “จิ่ง……”

คำพูดของเธอถูกจูบที่ลึกซึ้งของเขาดูดกลืนไปในพริบตา เธอเบิกตากว้าง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

 

จูบที่บ้าคลั่งและร้อนแรงทำให้เธอค่อย ๆ หลับตาลง แต่ภายในหัวของเธอกลับคิดไม่หยุด คิดไม่ออกว่าจิ่งเป่ยเฉินเป็นบ้าอะไรขึ้นมา

เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองเริ่มหมดลม สติเริ่มเลือนราง ร่างกายอ่อนแรงค่อย ๆ ไถลลงไปตามกำแพง

เอวเธอถูกโอบอุ้มด้วยมือของเขา ทำให้ตัวเธอกลับมายืนได้อีกครั้ง

“อืม……”

เธอค่อย ๆ ผลักหน้าอกเขาออกเบา ๆ จิ่งเป่ยเฉินเองก็ค่อย ๆ ปล่อยเธอ แต่ตัวเธอยังคงแนบชิดตัวเขาอยู่ เขามองเธอที่หายใจหอบอยู่

เธอเงยหน้าพลางจ้องไปที่เขา ไม่เข้าใจว่าหงุดหงิดอะไรมา?

เมื่อเห็นแววตาที่เธอมองมา เขาก็พูดขึ้นว่า “ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”

“โทรศัพท์?” เธอขมวดคิ้วขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อสูท มีสายไม่ได้รับสองสายจากฉีเซิงเทียนจริง ๆ ด้วย

  

หรือเพราะเขาไม่เห็นเธอ?

ใครจะถูกลักพาตัวไปได้ง่ายขนาดนั้นกัน เธอไม่ใช่เด็กนะ

เธอเก็บโทรศัพท์ลงและอธิบายให้เขาฟัง “ฉันไปดูโฆษณามา เลยปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ เลยไม่ได้ยินค่ะ”

เมื่อมองสีหน้าเขาที่ยังคงนิ่งเฉย เธอจึงพูดเสริมขึ้นว่า “นายสบายใจได้ ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกับฉัน”

“ก็ไม่เสมอไป” ถึงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็รับประกันไม่ได้ จู่ ๆ เธอก็หายไปแบบกะทันหันแบบนั้น

ถึงอย่างไรเธอก็เคยมีประวัติมาก่อน เขาต้องระมัดระวังเรื่องนี้ให้มาก ๆ

เขาไม่อยากคิดว่าตื่นมาแล้วไม่เจอเธออีก

 

เธอวางมือไว้บนอกเขา น้ำเสียงกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะใช้แรงผลักเขาออก “ประธานจิ่งคะ ฉันยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก คุณช่วยขยับรองเท้าแพง ๆ ของคุณออกหน่อยได้ไหมคะ?”

 

ทันทีที่เธอผลักเขาออก คนที่อยู่ตรงหน้าก็ขยับตัวออกอย่างว่าง่าย ท่าทางกลับมาเป็นปกติ

หากไม่ใช่เพราะเธอแต่งหน้า ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อแบบนี้เธอคงไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ แน่

เครื่องสำอางมีประโยชน์จริง ๆ

“ตอนนี้เธอทำงานเป็นมือขวา ก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อน นั่งลงรอฉันก่อนสิ” เขาพูดจบก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ฝีเท้าที่ก้าวไปไม่เหมือนในตอนแรก เขาเดินไปอย่างมีความสุข

เธอเหลือบมองไปที่โซฟาด้านขวามือ ขอร้องเลย เธอเป็นหัวหน้าเลขานะ มีงานที่ต้องทำอีกเยอะ หากรอเขาก็ได้ แต่งานของเธอใครจะทำ?

เธอมองเขานั่งลง โดยที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน “ประธานจิ่งคะ ฉันมีเรื่องต้องเตือนคุณ ธุรกิจทั้งหลายของตระกูลจิ่ง ต้องบอกว่าตอนนี้ีฉันเสียเวลามาก ไม่งั้นฉันต้องทำงานล่วงเวลา คุณแน่ใจแล้วงั้นเหรอ?”

เธอไม่ชอบทำงานล่วงเวลา โดยเฉพาะตอนอยู่ที่นี่

ข่าวที่เผยแพร่ออกไป แม้หยางหยางและหน่วนหน่วนไม่ได้อยู่บ้าน แต่เธอก็อยากเลิกงานกลับไปดูแลพวกเขา

จิ่งเป่ยเฉินเอนหลังเล็กน้อย นิ้วของเขาวางอยู่บนโต๊ะ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าควรพิจารณาความเห็นของเธอสักหน่อย

“งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” เธอหันหลังกลับออกไป แต่ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”

เธอมองไปที่เขา มือขวาที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูถูกคลายออกอีกครั้ง “งั้นหมายถึงอะไร?”

ดวงตาดำสนิทของจิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เธอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาและพูดเพียงสองคำ “ขึ้นมา”

ทันทีที่เขาวางสายก็มองเธอที่ยืนอยู่หน้าประตูพลางขมวดคิ้วขึ้น “ต้องให้ฉันเชิญอีกรอบ หรือจะให้ฉันกอดเธอ?”

สีหน้าของเธอเย็นเยือกอย่างไม่เต็มใจ เธอปล่อยลูกบิดประตูและเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามเขา

จิ่งเป่ยเฉินมองเธออย่างพอใจ แต่เขาเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ได้แต่มองเธออยู่แบบนั้น

อันโหรวเพิกเฉยต่อสายตาของเขา แค่รู้สึกไม่พอใจที่เขาให้เธอนั่งรอบนโซฟาเพื่ออะไรกัน?

เธอยอมรับว่าเขาดูหล่อมาก ดูแล้วเพลินตา แต่ให้เธอนั่งรอเขาที่โซฟาโดยไม่ให้เธอทำอะไรเลย เป็นความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย

ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นภรรยาเขา แต่เป็นเลขาของเขา!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น อันโหรวรีบลุกไปที่ประตูทันที น่าจะเป็นคนที่จิ่งเป่ยเฉินเรียกขึ้นมาเมื่อกี้