ตอนที่ 144 คุณแม่ซูเดินทางกลับ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 144 คุณแม่ซูเดินทางกลับ

ซูตานหงกลับมากินอาหารได้ตามปกติหลังผ่านไปไม่กี่วัน

นับว่าคิดถูกที่ขอให้คุณแม่ซูมาช่วย เพราะนางจัดการเรื่องในบ้านได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ต้องพึ่งใครมาช่วยเลย

อีกทั้งยังทำอาหารเก่ง จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงกับบอกนางว่าไม่ต้องเสียดายน้ำมัน ให้ใช้ได้เต็มที่ ขอแค่ภรรยามีอาหารกินดี ๆ ก็พอแล้ว

ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของนาง และบ้านลูกเขยก็สะดวกสบาย นางจะไปมีปัญหาอะไรได้?

นอกจากเสน่ห์ปลายจวักของภรรยาแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังได้ลิ้มรสมือของแม่ยายอีกด้วย

แม้แต่เหรินเหรินก็ยังถูกใจในรสชาติ

เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับคุณยายนัก ถึงขนาดที่ไม่รู้ว่าใครคือคุณยาย? แต่เมื่อคุณแม่ซูมาอยู่ด้วยถึงค่อย ๆ สนิทสนมมากขึ้น ยิ่งนางชอบให้ลูกอมกับเขาก็ยิ่งทำให้เขายิ้มออกมาได้และติดคุณยายเข้าไปใหญ่

ซูตานหงไม่ได้ขยับไปไหนมากนักมาเป็นเดือนแล้ว เธอเริ่มกินซุปไก่เพื่อฟื้นฟูร่างกายถึงวันละ 1 ตัว แต่ก็ไม่อาจกินคนเดียวหมดได้ กินน่องไก่ได้น่องเดียวกับน้ำซุปไก่แค่สองถ้วยก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

ส่วนที่เหลือจึงถูกแบ่งให้คนในครอบครัว

ดังนั้นในเดือนนี้ที่ซูตานหงอยู่ไฟ ทั้งคุณแม่ซู จี้เจี้ยนอวิ๋น เหรินเหริน รวมถึงต้าเฮยถึงได้อ้วนท้วนขึ้นมาก

เมื่อการอยู่ไฟสิ้นสุดลง คุณแม่ซูก็กลับบ้านอย่างไม่รอช้า

จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้ว่าแม่ยายไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นาน ตอนที่นางเดินทางกลับจึงให้เงินไป 50 หยวน ไก่อีก 2 ตัว รวมถึงสตรอเบอรี่ตะกร้าใหญ่ พร้อมขับรถไปส่งถึงหมู่บ้าน

เมื่อคุณแม่ซูกำลังเดินทางกลับก็มีคนมามุงดูมากมาย รถบรรทุกคันใหญ่แบบนั้น จะมีคนเฒ่าคนแก่คนไหนเคยนั่งรถแบบนี้มาก่อนกันล่ะ? แต่นางกลับมีโอกาสนั่งรถแบบนั้น!

คุณแม่ซูแหวกวงล้อมบรรดาแม่เฒ่าทั้งหลายออกมาก่อนถอนหายใจพลางบอกว่านางเองก็ไม่เคยนั่งมาก่อน เป็นลูกเขยที่ขับมาส่ง นางแค่ไปดูแลลูกสาวช่วงอยู่ไฟเองไม่ใช่เหรอ? มันเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแม่ควรทำอยู่แล้ว

หากแต่ลูกเขยเป็นคนกตัญญูมาก แม้นางจะไม่ได้บอกว่าได้เงินมาเท่าไหร่ แต่แค่เห็นไก่ 2 ตัวกับสตรอเบอรรี่สดอีกตะกร้าที่ได้กลับมา อีกทั้งคุณแม่ซูที่ไปอยู่ที่นั่นได้หนึ่งเดือนจนดูเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล นั่นก็ทำให้คนเห็นรู้สึกอิจฉาตาร้อนแล้ว!

นางมีผมหงอกน้อยลงมาก ผิวพรรณก็มีเลือดฝาดดูสุขภาพดี ดูก็รู้ว่าคงเป็นเพราะได้อยู่ดีกินดีที่นั่น!

“ของกินดี ๆ ไม่ใช่ของฉันหรอก เจี้ยนอวิ๋นรักภรรยามากเลยอยากให้ได้กินซุปไก่ แต่ตานหงจะกินคนเดียวหมดได้ยังไงล่ะ? เห็นแล้วก็เสียดายของเลยอดจะช่วยกินที่เหลือไม่ได้น่ะ” นางบอก

นอกจากพวกเขาแล้ว สะใภ้ใหญ่ซูที่ได้ยินเรื่องนี้ก็นึกอิจฉาเช่นกัน

น้องสามีกลับกินไก่ถึงวันละตัวอย่างนั้นเหรอ ตัวหล่อนเองได้กินไก่แค่ 2 ตัวก็นับว่าดีกว่าคนในหมู่บ้านมากแล้วแท้ ๆ!

อีกทั้งคงจะจริงอย่างที่แม่สามีบอกว่าน้องสามีกินไม่หมด ดูสิว่านางดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นมากกว่าเดือนก่อนแค่ไหน? ส่วนน้องเขยก็ขึ้นชื่อเรื่องช่างเอาใจใส่ภรรยาเป็นที่สุด

อย่าว่าแต่ไก่วันละตัวเลย ต่อให้กิน 2 ตัวต่อวันเขาก็คงไม่มีปัญหา

สุดท้ายจึงได้แต่ทำใจว่าตนคงไม่มีวาสนามีชีวิตสุขสบายอย่างน้องสามี

คุณแม่ซูว่าจบก็ปล่อยให้พวกเขานึกอิจฉากันไป ก่อนกลับเข้าบ้านพร้อมสะใภ้ใหญ่ซู

ทันทีที่พ้นประตูบ้านนางก็ถามขึ้น “ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง?”

“ฉันให้ต้าเป่าจดบัญชีไว้อย่างละเอียดแล้วค่ะคุณแม่ รอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะให้เขาเอามาให้ดู” เธอกระตือรือร้นขึ้นทันตาด้วยรู้ว่าแม่สามีจะตรวจสอบบัญชี

เธอไม่กลัวว่าจะโดนนางจับผิดเพราะครั้งนี้มั่นใจมาก

คุณแม่ซูเรียกซูต้าเป่ามาแจกแจงให้ฟัง

เขาจึงอธิบายให้นางฟัง

ทั้งจำนวนไข่ที่เก็บได้แต่ละวัน และส่วนที่แบ่งให้น้าคนรองไปขาย

นางรู้ว่าปกติไก่ออกไข่ได้เท่าไร จึงนึกพอใจหลังได้ยินสิ่งที่หลานชายรายงาน ก่อนบอกกับลูกสะใภ้ที่กำลังลุ้นระทึก “เธอเอาพ่อไก่ตัวนี้ไปตุ๋นกินคืนนี้แล้วกัน”

“ค่ะ คุณแม่!” อีกฝ่ายขานรับอย่างซาบซึ้งระคนยินดี ด้วยรู้ว่าผ่านบททดสอบแล้ว!

“เย้ ผมจะได้กินไก่แล้ว ๆ!” ซูต้าเป่าเองก็มีความสุขเช่นกัน ส่วนซูเอ้อร์เป่ากับซูซานหยาเพิ่งกลับจากการออกไปเล่น เมื่อได้ยินว่าคุณย่ากลับมาแล้วพร้อมกับไก่และสตรอเบอรรี่ก็รีบกลับบ้านทันที!

เมื่อพวกเขากลับมาถึงและได้ยินคำของพี่คนโต ทั้งสองก็พลันมีความสุขขึ้นมา

“พวกเธอก็ใจเย็นกันหน่อยเถอะ” คุณแม่ซูปราม

สิ้นคำของนาง เด็ก ๆ ก็เงียบลง

คุณแม่ซูเดินไปหยิบสตรอเบอรี่จำนวนหนึ่งมาให้พวกเขาคนละกำมือ ส่วนที่เหลือนางก็เก็บใส่ตู้ลงกลอนไว้สำหรับกินในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็เดินออกจากบ้านพร้อมกับสตรอเบอรี่อีกส่วน

เมื่อนางกลับมาอีกครั้ง สตรอเบอรี่ก็หมดเกลี้ยง ตระกูลซูมีญาติพี่น้องเยอะ สะใภ้ใหญ่ซูรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้จึงไม่ได้ทักท้วงอะไร ถึงอย่างไรมันก็เป็นการตัดสินใจของแม่สามีหล่อน

หล่อนรู้ว่ามันเป็นเพราะเรื่องนี้ ถึงไม่ค่อยได้ยินญาติพี่น้องคนไหนนินทาว่าร้ายซูจิ้นจวินแม้เขาจะนิสัยไม่เอาไหน เห็นได้ชัดว่าแม่สามีจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างดี

อีกอย่างหนึ่งมันก็แค่สตรอเบอรี่ ตราบใดที่ไม่ใช่เนื้อ หล่อนก็คร้านจะเอามาใส่ใจ

สำหรับหล่อนแล้วเนื้อถือเป็นของล้ำค่า

ซูจิ้นจวินกลับมาในเย็นวันนั้น กลิ่นหอมน่ารับประทานของไก่ตุ๋นจากทางหลังบ้านลอยมาแตะจมูกเขาทันที

“แม่ วันนี้ตุ๋นไก่กินเหรอครับ?” เขาถามด้วยสายตาเป็นประกาย

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณแม่ซูคงไม่คิดจะพูดดี ๆ กับเขา แต่เมื่อได้ยินว่าเขาตั้งใจทำงานและไม่ทำให้นางขายหน้าในช่วงที่ไปดูแลลูกสาว นางก็มีท่าทีเปลี่ยนไป

นางจึงเอ่ย “แกเองก็ทำงานหนัก คืนนี้ก็มากินให้หนำใจแล้วกัน”

ฝ่ายซูจิ้นจวินก็ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น ด้วยแม่ไม่ได้ใส่ใจเขาขนาดนี้มานานแล้ว!

หากแต่นางก็กล่าวเตือนสติ “แต่ต่อไปแกก็ต้องตั้งใจทำงานที่นั่นนะ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังจะได้กินแบบนี้อีก เข้าใจไหม?”

“รู้แล้วครับ ผมไม่ทำให้แม่ขายหน้าหรอก ไม่เชื่อก็ไปถามดูได้เลย ผมซูจิ้นจวินไม่ต้องมีใครสั่งก็ทำงานนะครับ” เขาท้วงกลับ

นางไม่ได้สนใจเขาอีก ขณะนึกไปว่าหากไม่มีเจี้ยนอวิ๋นคอยเคี่ยวเข็ญ เจ้าลูกคนนี้จะมีชีวิตต่อไปยังไง?

แต่ไม่ว่าอย่างไร ครอบครัวซูก็ได้กินมื้อใหญ่กันในเย็นนี้

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แม่ซูถือว่ามีฝีมือไม่น้อยเลยนะคะ จัดการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างสงบเรียบร้อยได้ จิตใจมั่นคงแข็งแกร่งมาก

อีกไม่นานก็จะถึงหน้าสตรอเบอรี่แล้วสินะ

ไหหม่า(海馬)