ตอนที่ 127 : เจรจา
“งั้นนี่ก็เป็นความจริงทั้งหมด” หวังเย่ากระจ่างทันที เมื่อรู้แบบนี้เขาแทบจะหัวเราะออกมา
ตอนนั้นเองหางตาของเขาก็เห็นเงาเงาหนึ่ง นั่นก็คือเย่ฉิวเกา นี่เขาแอบซุ่มอยู่ที่นี่มาโดยตลอดงั้นหรือ หรือว่าอีกฝ่ายก็แอบตามหลงปู้หยู๋มาเช่นกัน ?
“เนื่องจากเย่ฉิวเกากับฮวงจินเทียนได้ข้อมูลของหลงปู้หยู๋ ถึงได้ตามมาที่นี่งั้นหรือ ? ” หวังเย่าตะลึงงันไปชั่วขณะ กล่าวก็คือในบรรดาทั้งสี่คนนี้ มีแค่เขาคนเดียวที่มาเพื่อทำการสำรวจ ส่วนอีกสามคนนั้น ต่างฝ่ายต่างก็วางแผนกันมา ?
“บ้าจริง นี่ฉันต้องมาพลอยซวยไปด้วยโดยไม่รู้ตัวงั้นหรือ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะนึกถึงแร่ไฟที่อยู่ใต้ภูเขาแกะ ฝูงแพรี่ด็อกนั้นเจอแร่นี่มานานแล้ว แล้วแร่ไฟนี่กับกิเลนไฟเกี่ยวข้องกันยังไง ?
ขณะที่หวังเย่าคิดอยู่นั้นเขาก็นึกถึงพล็อตนิยายออนไลน์ขึ้นมา เขาคิดว่ากิเลนไฟคงหลับอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว และเนื่องจากกิเลนเป็นสัตว์อสูรในตำนาน ร่างกายของมันจึงเต็มไปด้วยความลึกลับซึ่งทำให้ที่ที่มันนอนอยู่นั้นเกิดแร่ไฟขึ้นมา
ถ้าเป็นแบบนั้นงั้นที่มาทั้งหมดก็มาจากกิเลนไฟ
เมื่อคิดแบบนั้น หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะตรวจสอบกิเลนไฟตัวนั้นทันที ตอนนั้นเองในหัวเขาก็มีข้อมูลไหลเข้ามา
****
สายพันธุ์ : กิเลนไฟสวรรค์
ระดับ : ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
เลเวล : 85
สกิล : เนื่องจากโฮสต์ระดับต่ำเกินไป จึงไม่อาจรู้ได้
จุดอ่อน : เนื่องจากโฮสต์แข็งแกร่งไม่พอ จึงไม่อาจรู้ได้
****
หวังเย่าวิเคราะห์ทันที มังกรเพลิงที่เขาพบก่อนหน้านี้เลเวลแค่ 82 และอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เมื่อเทียบกับกิเลนไฟตรงหน้าแล้วดูเหมือนว่าจะด้อยกว่ามาก มันหมายความว่ากิเลนไฟนี่แกร่งกว่ามังกรเพลิงที่เขาเคยเจอมาเสียอีก
แต่ตอนที่เขาอ่านสถานะของมังกรเพลิงนั้น เขาก็ยังอ่านได้ แต่ตอนนี้เขากลับอ่านข้อมูลของกิเลนไฟไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะมีข้อจำกัด บางทีสิ่งที่เรียกว่าข้อจำกัดนั้นคงเข้าใจได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของหวังเย่าเอง
หวังเย่าคิดว่าระดับของกิเลนไฟนี้คงสูงเกินกว่าขอบเขตของเขา
“ฉันรู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ แกคงคิดว่าลูกของฉันอยู่ในกำมือแก ดังนั้นฉันเลยไม่กล้าฆ่าแกสินะ” ตอนนั้นเสียงของกิเลนไฟก็ดังขึ้นมาอีกรอบ “แกคิดถูกแล้ว แต่ถ้าแกไม่เจอกับปัญหาใหญ่ ฉันแนะนำว่าแกควรตายไปซะ ไม่อย่างนั้น แกคงแบกรับผลที่จะตามมาไม่ไหวหรอก”
คำขู่นี้ผิดกับคำขู่ของมังกรก่อนหน้านี้ มันทำให้หวังเย่ารู้สึกอึดอัดใจ กิเลนไฟนี่ไม่คิดจะเจรจากับใคร นี่ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ที่อ่อนแอเลย
แต่หลงปู้หยู๋จะยอมตายได้ยังไง ?
นี่คือสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หวังเย่ารู้สึกขนลุกขึ้นมา เขากังวลว่าจะเกิดเรื่องที่แย่กว่านี้ขึ้น กิเลนไฟตัวนี้สามารถเรียกระดมสัตว์อสูรได้ หากว่ามันพาฝูงอสูรบุกโจมตีเมือง…ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของเมืองก็คือเสียหายอย่างหนัก ส่วนที่แย่ที่สุดคือ เมืองล่มสลาย ทุกคนตายและไม่อาจจะหนีรอดไปได้
“หลงปู้หยู๋เป็นเด็กกำพร้า ความรุ่งโรจน์ของเขา ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถของตัวเขาเอง อีกส่วนก็มาจากความโชคดี แม้ว่าความเย่อหยิ่งของเขาจะไม่ปรากฏออกมา แต่เพราะมันฝังลึกลงไปในกระดูก คนแบบนี้ไม่คิดถึงอะไรนอกจากตัวเอง” หวังเย่าพึมพำออกมา
หลงปู้หยู๋เงียบอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้นมา “ท่านไม่ต้องขู่ผมหรอก ผมเป็นเด็กกำพร้า ผมไม่มีเพื่อนหรือว่าครอบครัว ท่านใช้คำพูดพวกนั้นมาขู่ผมไม่ได้หรอก สำหรับความปลอดภัยของมนุษย์แล้ว พวกนั้นจะอยู่รึตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม”
กิเลนไฟหงุดหงิดขึ้นมาพร้อมกับจ้องไปที่หลงปู้หยู๋ด้วยสายตาอาฆาต ก่อนจะพูดขึ้น “ กิเลนไฟกลายพันธุ์นั่นไม่ใช่เด็กแล้ว การที่ถูกทำสัญญาแบบนั้นก็ทำให้ฉันเสียหน้ามากพออยู่แล้ว สิ่งที่แกต้องชดใช้ไม่ใช่แค่ฉันแต่ต้องชดใช้ให้เขาด้วย”
กิเลนไฟก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้มิติ
เมื่อเห็นว่ากิเลนไฟกำลังจะลงมือ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะกังวล เขาไม่คิดถึงความปลอดภัยของตัวเองอีกต่อไปและรีบตะโกนออกมา “ผมมีบางอย่างจะพูด”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลงปู้หยู๋, ฮวงจินเทียนและเย่ฉิวเกาต่างก็หันกลับมามอง
นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะหนี แต่หวังเย่าไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขากลับตะโกนขึ้นมาแทน
กิเลนไฟเหมือนได้ยินเสียงของหวังเย่า มันก้มหน้าลงมาดูโดยไม่พูดอะไร ราวกับอนุญาตให้หวังเย่าพูดต่อ
หวังเย่ากระแอมออกมาก่อนจะตะโกนขึ้น “สถานการณ์ตอนนี้ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ ท่านฟังผมก่อน”
กิเลนไฟเหมือนจะไม่ใส่ใจ มันคิดว่าอีกฝ่ายคงหาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอด
“เจ้าไม่สนใจจะหนีเอาตัวรอดแต่กลับอยากตายงั้นหรือ ? ” กิเลนไฟพูดขึ้นมา
หวังเย่าส่ายหน้า “ผมชื่อหวังเย่า นี่คือหลงปู้หยู๋ ผมกับเขาเพิ่งจะรู้จักกัน ดังนั้นถึงเขาตายไป ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม แต่ถ้าท่านบุกโจมตีมนุษย์ นั่นมันคงเกินไปหน่อย ผมไม่อาจจะมองข้ามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราได้”
“แล้วเจ้าเกี่ยวข้องอะไร ? ” กิเลนไฟยังทำท่าไม่ใส่ใจ
“แน่นอนว่าไม่เกี่ยว แต่ผมคิดว่าท่านคงไม่อยากจะฆ่าใคร ยังไงซะการฆ่ามนุษย์ทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องดีต่อท่านนัก และการฆ่าหลงปู้หยู๋ก็จะทำให้ลูกหลานท่านต้องตาย ทำไมถึงไม่ให้ผมเป็นคนกลางระหว่างท่านกับเขาล่ะ ? “ หวังเย่าพูดด้วยท่าทีจริงใจ
กิเลนไฟได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะไว้ชีวิตเขาก็ได้แต่เรื่องคงจบด้วยดีไม่ได้ ข้าจะให้เขาเป็นทาสรึไม่ก็ตัดมือตัดเท้า ถึงจะปล่อยเขาไป”
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น นี่มันต่างจากการตายทั้งเป็นตรงไหน เดาว่าหลงปู้หยู๋คงไม่ยินยอม
แน่นอนว่าตอนที่หวังเย่าพูดแบบนั้นออกมา หลงปู้หยู๋ก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะหันหลังให้ บ่งบอกว่าเขายืนกรานที่จะปฏิเสธ