ตอนที่ 126 : กิเลนไฟสวรรค์
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เป็นไปได้ไหมว่าใต้ภูเขาแกะนั้นมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่ที่นั่น ?
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงแร่ไฟที่เขาต้องการ หรือว่าจะมีสัตว์อสูรประเภทไฟอยู่ในนั้น สัตว์อสูรนั่นอาจจะอาศัยอยู่ที่นี่หรือไม่ก็มาฝึกฝน แต่กลับถูกหลงปู้หยู๋เข้าไปรบกวน ดังนั้นมันจึงหงุดหงิด
เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ หวังเย่าก็เห็นว่ากิเลนไฟกลายพันธุ์ของหลงปู้หยู๋มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดปกติ มันดูเกรี้ยวกราดและตื่นตัว…กว่าปกติเป็นอย่างมาก
เขา…ไม่เห็นท่าทางหวาดกลัวของมันเลย
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็อึ้งไปสักพัก หรือว่าสัตว์อสูรตัวนั้นเกี่ยวข้องกับกิเลนไฟกลายพันธุ์ ? เป็นพ่อ หรือเป็นแม่มันของมันอย่างนั้นหรือ ?
กิเลนไฟกลายพันธุ์เป็นสัตว์อสูรธาตุไฟ เหตุผลที่หลงปู้หยู๋มาที่นี่ คงไม่ใช่เพื่อการสำรวจ แต่เป็นเพราะมีเป้าหมายอื่น ยกตัวอย่างเช่น แร่ไฟที่มีพลังไฟซึ่งจะเพิ่มพลังให้กับกิเลนไฟกลายพันธุ์ได้ หรือบางทีเขาอาจจะมาที่นี่เพื่อเอาของบางอย่างก็เป็นได้
ตอนนั้นแสงสีแดงบนภูเขาแกะก็ได้ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีแดงนี้แผ่ออกมาไกลกว่าเดิม
จากนั้นพื้นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับว่าจะแตกออก หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะมองไปที่พื้นด้วยสีหน้าตกตะลึง เขาพบว่าเกิดรอยแตกขึ้นก่อนจะลามออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานแผ่นดินก็เริ่มแยกออกจากกัน
“นี่…อันตราย ! ” หวังเย่าไม่อาจจะอธิบายอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้ ความคิดเดียวของเขาก็คือต้องออกไปจากที่นี่ เพราะสัตว์อสูรที่น่ากลัวกำลังจะขึ้นมาจากใต้ดิน
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่พื้นและพบว่าลึกลงไปกว่า 100 เมตรนั้นมีแสงสีแดงส่องประกายออกมา ถ้าเดาไม่ผิดมันคงจะเป็นแร่ไฟ
“นายท่าน หนีไป “ เจ้าขาวที่อยู่ข้างๆหันขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ก่อนรีบส่งข้อความบอกหวังเย่าทันที
หวังเย่าเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่า หลงปู้หยู๋ได้สั่งการให้กิเลนไฟกลายพันธุ์บินออกไปจากที่นี่ อีกฝ่ายเหมือนจะต่อต้าน แต่เพราะพลังของสัญญานั้นกิเลนไฟกลายพันธุ์จึงได้แต่ต้องทำตาม ไม่งั้นแล้วตราบใดที่หลงปู้หยู๋คิด เขาก็สามารถทำลายวิญญาณของกิเลนไฟกลายพันธุ์ได้
แน่นอนว่าหากยังเหลือทางเลือก หลงปู้หยู๋คงไม่คิดจะฆ่าอสูรของตัวเอง ยังไงซะเขาก็พยายามอย่างหนักและใช้ทรัพยากรไปมากกว่าจะได้กิเลนไฟตัวนี้มา
แม้แต่หลงปู้หยู๋ก็ยังหนี หวังเย่าก็ไม่มีเหตุผลจะต้องอยู่ต่อ เขาไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่อะไรต่อหน้าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งพวกนี้ แม้ว่าเขาจะมีระบบ แต่การเติบโตของเขาก็ยังต้องใช้เวลา ตอนนี้หวังเย่าอาจจะถือว่าน่าทึ่ง แต่มันยังห่างไกลกับคำว่าแข็งแกร่ง
หวังเย่าสบถออกมา ก่อนจะหันหลังหนี ฮวงจินเทียนเห็นแบบนั้นยังจะพูดอะไรอีก แม้ว่าเขาจะไม่คิดมากเท่ากับหวังเย่า แต่ก็ใช่ว่าเขาจะโง่
อย่ามาล้อเล่นน่า พื้นดินแตกออกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นดินไหว ก็คงมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวกำลังฝ่าออกมาจากใต้ดิน สามารถทำให้แผ่นดินไหวได้รุนแรงแบบนี้เดาว่าแม้แต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะจัดการกับมันได้ สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาคงได้แต่หนี
ทั้งสามคนรีบหนีทันที ผ่านไปไม่นานพวกเขาก็หนีกันมาได้กว่า 10 ไมล์แล้ว ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง ก่อนจะพบกับกิเลนไฟตัวใหญ่ทะยานขึ้นมาบนท้องฟ้า ตัวของมันสูงเท่ากับตึก 100 ชั้น กีบเท้าทั้งสี่ของมันมีไฟลุกไหม้ จากนั้นมันก็เปล่งเสียงคำรามออกมา
“อย่างน้อยก็ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง” หวังเย่าได้สติกลับมา แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วที่จะตรวจสอบสถานะของกิเลนไฟ เพราะตอนนี้เขาทำได้แค่หนี
“พวกโจรชั้นต่ำ แกกล้าขโมยลูกหลานของฉันไปแล้วยังมีหน้ามารบกวนการฝึกฝนของฉันอีกเรอะ หาที่ตายชัด ๆ ” กิเลนไฟตวาดออกมา เสียงของมันดังสนั่นจนทำให้หวังเย่าใจสั่น
“ถ้ากิเลนไฟนี่เห็นฉัน ต้องแย่แน่ ๆ ทางหนีทางเดียวก็คือต้องลงใต้ดิน” หวังเย่าหยุดและสั่งให้เจ้าขาวใช้โอกาสนั้นขุดรู ก่อนจะลงไปซ่อนตัว เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพบว่ากิเลนไฟกำลังไล่ตามหลงปู้หยู๋อยู่
หลงปู้หยู๋สีหน้าบิดเบี้ยวไปแต่เขาก็ไม่ได้ลนลาน เขายังดูเยือกเย็นดังเดิม เขาจับบังเหียนบนตัวกิเลนไฟกลายพันธุ์และตะโกนออกมา “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผม หลงปู้หยู๋ ในเมื่อเรื่องพัฒนามาถึงระดับนี้แล้ว ผมคิดว่าท่านคงรู้ว่าต้องทำยังไง ? ”
“เจ้าโจรกระจอก นี่แกคิดจะข่มขู่ข้างั้นหรือ ? ” กิเลนไฟพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“คำพูดอาจจะไม่น่าฟังไปบ้าง แต่มันเป็นเรื่องจริง นี่เป็นทางรอดเดียวของผม หากท่านยังยืนยันที่จะฆ่าผม งั้นก็ลงมือได้เลย แต่การกระทำก็ไม่ไวเท่ากับความคิด ตราบใดที่ผมคิด พลังของสัญญาก็จะฆ่ามันทันที ดังนั้นท่านลองตรองดูดี ๆ ทำไมพวกเราไม่มาพูดคุยกันดี ๆ ล่ะ” หลงปู้หยู๋ตอบกลับอย่างใจเย็น
ได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็เริ่มเข้าใจบ้างแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยถามหลงปู้หยู๋ว่าได้กิเลนไฟกลายพันธุ์มายังไง ความหมายของคำถามนั้น ยังรวมไปถึงสถานที่ที่ได้มา แต่หลงปู้หยู๋กลับไม่คิดจะตอบคำถามเขา
ดูตอนนี้สิ ไม่แปลกเลยที่เขาไม่คิดจะตอบคำถามนี้ หวังเย่าคิดไม่ถึงเลยว่าที่ที่อีกฝ่ายได้กิเลนไฟกลายพันธุ์มาจะเป็นที่นี่
“จริงสิ ด้วยความแข็งแกร่งของหลงปู้หยู๋แล้ว เขาสามารถสำรวจมิติ 4 ดาวได้ เพราะสิ่งมีชีวิตในมิติ 3 ดาวนั้นไม่สามารถเป็นภัยต่อเขาได้ ยังไงซะกิเลนไฟกลายพันธุ์ก็อยู่ระดับสวรรค์เลเวล 47 ”
แค่เสี้ยววินาทีหวังเย่าก็เข้าใจอะไรมากขึ้น อันที่จริงมันก็ไม่ได้ยากอะไร ตราบใดที่รู้ข้อมูลสำคัญบางส่วนก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้
มิน่าล่ะ หลงปู้หยู๋ถึงเลือกที่จะมาที่นี่
เนื่องจากหลายคนรู้ว่าเขาได้พบเจอกับเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นท้าทายมามาก จนทำให้เขาค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์จนประสบความสำเร็จขึ้นมาจนทุกวันนี้ ดังนั้นทุกการเคลื่อนไหวของเขาจึงมีหลายคนจับตามองและบางคนถึงขั้นกับแอบคอยติดตามเขามาที่นี้
สิ่งนี้จึงทำให้หลงปู้หยู๋ระวังตัว และเขายิ่งระวังตัวมากขึ้นไปอีกหลังจากได้ไข่ของกิเลนไฟที่ใต้ภูเขาแกะมา ตอนที่มามิติเทือกเขาหินโม่ในครั้งแรก จากนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย เขาอยากกลับมาที่นี่อีกแต่ก็กลัวว่าคนอื่น ๆ จะตามมา ดังนั้นเขาจึงเลือกยืมตัวตนของผู้ตรวจสอบ และใช้ข้ออ้างในการสำรวจมิติ 3 ดาวเพื่อได้ตำแหน่งผู้ตรวจสอบ 1 ดาว โดยอ้างสิ่งนี้เพื่อที่จะหาโอกาศเข้ามา
แต่ฮวงจินเทียนเหมือนจะรู้เบาะแสของหลงปู้หยู๋ ดังนั้นเขาจึงใช้ข้ออ้างเดียวกันในการมาที่นี่ การที่เขาไม่ปรากฏตัวขึ้นมาแต่แรกนั้นคงเพราะโดนเย่ฉิวเกาแอบตาม
แต่ฮวงจินเทียนก็สลัดเย่ฉิวเกาหลุดตอนที่เกือบมาถึงภูเขาแกะ
ดังนั้นตอนที่หวังเย่าปรากฏตัว ฮวงจินเทียนจึงแปลกใจเป็นอย่างมาก เขานึกว่าหวังเย่าแอบตามหลงปู้หยู๋มาเหมือนกันกับเขา ฉะนั้นท่าทีของฮวงจินเทียนที่มีต่อหวังเย่าจึงเปลี่ยนไป