หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์สืออวี้ก็ย้ายเข้าบ้านตัวเอง ถึงจะเหลือเวลาอีกสักระยะกว่าจะเรียนจบแล้วแต่งงาน แต่หน่วยงานที่เธอไปฝึกงานอยู่ใกล้บ้านเธอจึงย้ายไปก่อน
พี่รองกลับจากงานนิทรรศการการบินแล้ว ในที่สุดต้าอีก็ไม่ต้องฝันหัวเราะคิกคักอีกต่อไป เก็บข้าวของไปอยู่กับพี่รอง คาดว่าคงไม่กลับมาอีกหลายวัน
เสี่ยวเชี่ยนพอคิดว่าหลังเลิกงานต้องกลับไปเจอบ้านที่เงียบเหงาในใจก็ห่อเ**่ยว ตอนทำรายการจึงยิ่งออกแรงวาดอย่างหนักหน่วง
ผู้กำกับเห็นเหม่ยเหวยช่วงนี้วาดรูปอย่างบ้าคลั่ง หันไปมองโทรศัพท์ที่มีผู้ฟังกำลังถือสายรออยู่ อดไม่ได้ที่จะสงสารผู้ฟังคนนี้
ก่อนที่จะโอนสายผู้ฟังให้เหม่ยเหวย ผู้กำกับจะคัดกรองคำถามจากผู้ฟัง เอาคำถามเขียนใส่กระดาษเพื่อให้พิธีกรได้มีเวลาเตรียมตัว หากเป็นคำถามที่ค่อนข้างล่อแหลมก็จะไม่โอนสายเข้าไป
แต่ไหนแต่ไรเหม่ยเหวยไม่เคยใช้กระดาษสคริปต์ที่ผู้กำกับทำให้ เธอสามารถรับมือกับสถานการณ์ตอนนั้นได้เลย เพียงแต่ผู้กำกับชินแล้วกับการทำงานแบบนี้ ต่อให้เหม่ยเหวยไม่ใช้เขาก็จดออกมาตามความเคยชินอยู่ดี
ผู้ฟังคนต่อไปเป็นบุคคลที่สามที่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวคนอื่น เธออยากระบายที่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมเลิกกับเมีย ปัญหาที่ผิดศีลธรรมแบบนี้เมื่อมาเจอกับเหม่ยเหวยตอนที่อารมณ์ไม่ดีแค่คิดดูก็รู้ว่าต้องโดนฉะกลับไปแน่ อีกทั้งยังต้องโดนแบบจัดเต็ม
ผู้กำกับเห็นเหม่ยเหวยวาดหมาฮัสกี้ลิ้นจุกปากตาเหลือกอย่างออกแรงแล้วจึงโอนสายที่ต้องเตรียมตัวรับกระสุนนี้เข้าไป
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้ฟัง
“เหม่ยเหวย ช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีมากเลย ฉันถูกรังแก…เขารับปากว่าจะมาแต่งกับฉัน แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมหย่ากับผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งแก่นั่น ฮือๆๆ…”
แม่ง ก่อนไปอวี๋หมิงหลางยังรับปากอยู่เลยว่ากลับมาจะพาไปว่ายน้ำ แล้วนี่อะไรหายหัวไปเกือบเดือนแล้ว ถ้ายังไม่กลับมาอีกน้ำทะเลคงเย็นหมดแล้ว ยอมเชื่อว่าโลกนี้มีผีดีกว่าเชื่อคำพูดของผู้ชาย
ภูตในใจเสี่ยวเชี่ยนบ่นอวี๋หมิงหลาง
“โทรไปก็ไม่รับ ส่งข้อความก็ไม่ตอบ ฮือๆ ฉันควรทำไงดี” ผู้ฟังร้องไห้เหมือนสูญเสียโลกใบหนึ่งไป
“เขารับปากฉันเอาไว้บอกว่าจะหย่า เขาสัญญากับฉันไว้ เขาไม่ได้รักเมียตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจเขา ไม่รักเขา ให้อะไรเขาไม่ได้สักอย่าง ฉันรักเขานะ ฉันรักเขา”
เสี่ยวเชี่ยนส่งเสียง หึ ออกมาหลายที เพื่อแสดงออกว่าฟังอยู่
“เขารับปากว่าจะหย่า แต่ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้แล้ว ฉันไปหาเมียเขาที่บ้านก็ถูกต่อว่าหาว่าฉันทำไม่ถูก เขาโหดร้ายมากทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันมีสิทธิ์ที่จะรัก ฉันอยากแสดงความรักของฉัน เขาทำไม่ได้อย่างที่ฉันทำฉันเลยด่าเขาแล้วจะทำไมล่ะ นี่มันเป็นสิทธิ์ของฉัน เขาไม่มีความอดทนเลยสักนิด ไม่เหมาะจะเป็นเมียของผู้ชายคนนั้น ฉันเสียอะไรไปตั้งมากก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง”
ผู้ฟังไม่รอเสี่ยวเชี่ยนตอบคำถาม แถมยังเรียกชื่อในวงการของเสี่ยวเชี่ยนถึงสองครั้ง
ผู้กำกับกางมือออกห้านิ้วให้เสี่ยวเชี่ยน ความหมายคือเกินเวลาแล้ว ตามกฎถ้าเกินสามนาทีจะถูกตัดสายทิ้ง แต่เหม่ยเหวยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ผู้กำกับจึงไม่กล้าตัดสินใจ จึงได้ทำสัญญาณมือถามเสี่ยวเชี่ยนว่าจะให้ตัดสายหรือรอตอบคำถามให้เสร็จก่อน?
เหม่ยเหวยยิ้ม?
ผู้กำกับรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่รอยยิ้มของเหม่ยเหวยทำให้ผู้กำกับถึงกับเหม่อลอย
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่ารอยยิ้มบาดใจเป็นยังไง ถึงเหม่ยเหวยจะยิ้มให้เพื่อนร่วมงานบ้างเป็นบางครั้งตามมารยาท แต่ก็ไม่เหมือนกับรอยยิ้มในตอนนี้
รอยยิ้มนี้มาจากใจ เหมือนกับยิ้มมาจากก้นบึ้งหัวใจ เดิมก็สวยอยู่แล้ว พอยิ้มแบบนี้เหมือนทำให้ดอกไม้เบ่งบานในใจ แถมยังได้กลิ่นหอมคล้ายกับผลไม้—เอ๊ะ กลิ่นหอม?
ผู้กำกับหันไปตามกลิ่นแล้วก็ต้องตกใจสะดุ้งโหยง
ข้างหลังเธอไม่รู้มีผู้ชายมายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร
ผู้ชายร่างสูงดูดี
เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ อักษรPradaที่อยู่บนหน้าอกไม่ได้ดูเว่อร์วัง แต่แสดงให้เห็นถึงความมีราคาของมัน ขาเรียวยาวอยู่ในกางยีนส์ของแบรนด์เดียวกัน ในมือถือถุงที่ภายในบรรจุน้ำผลไม้สดปั่นสองแก้ว
กลิ่นผลไม้โชยมาจากตรงนี้ แก้วหนึ่งเป็นน้ำมะนาว ส่วนอีกแก้วเป็นน้ำแตงโมสีแดง
“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?” ผู้กำกับเห็นมีคนเข้ามาก็ตกใจ
เนื่องจากรายการพาสเวิร์ดหัวใจโด่งดังมาก ทำให้เหม่ยเหวยมีแฟนคลับจำนวนมากที่อยากมาเจอตัวจริงเธอ ผู้บริหารสั่งมาเป็นพิเศษว่า ระหว่างที่เหม่ยเหวยทำรายการให้คัดกรองคนที่เข้าออกอย่างละเอียด
แล้วนี่เป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้เธอคนไหนกันถึงเข้ามาได้
“คนสวย ผมเป็นคู่หมั้นเสียวเหม่ยครับ” อวี๋หมิงหลางหยิบแก้วน้ำมะนาววางบนโต๊ะผู้กำกับ
ส่วนน้ำแตงโมอีกแก้วยกชูให้เสี่ยวเชี่ยนดู เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาก็ยิ้มกว้างออกมาโดยอัตโนมัติ พอเห็นน้ำแตงโมใบหน้าก็ร้อนผ่าว
น้ำผลไม้อันสดใสบริสุทธิ์ถูกเธอกับอวี๋หมิงหลางตีความที่ไม่บริสุทธิ์ไปเสียแล้ว
ถึงปากเธอจะยิ้มไม่กว้าง แต่พอได้เห็นเขาก็เหมือนดอกไม้เบ่งบานทั้งโลก อารมณ์จากที่หม่นๆก็มีดวงอาทิตย์เข้ามาแทนที่
ผู้กำกับพอเห็นสองคนนี้ส่งสายตาต่อกันก็เข้าใจทันที เหม่ยเหวยสาวสวยแสนเย็นชาเห็นคู่หมั้นมาถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น
รอยยิ้มบาดใจนั้นไม่ได้ยิ้มให้เธอ แต่ยิ้มให้ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอ
นี่เป็นคู่ที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก แม้แต่บุคลิกก็เข้ากันได้ดี นางฟ้าจอมเย็นชากับเทพบุตรมาดเข้ม
แต่ผู้กำกับก็แอบคิดนะว่าคู่หมั้นเหม่ยเหวยทำงานอะไร?
เขาสวมเสื้อยืดแขนสั้นเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ ขนาดแขนยังมีเส้นขึ้นเผยให้เห็นถึงความกำยำ เต็มไปด้วยพลังและความสวยงาม ไม่เหมือนคนรับราชการหรือพนักงานออฟฟิศ แต่อาชีพอะไรที่มีกล้ามกับบุคลิกที่ดูดีแบบนี้?
ผู้กำกับที่ถูกร่างกายอวี๋หมิงหลางสะกดได้ลืมคิดเรื่องสำคัญไปเลยว่า เขาผ่านการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเดินถือน้ำผลไม้เข้ามาง่ายๆได้ยังไง ?
สำหรับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว การเข้ามาในสถานที่แบบนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย หลังจากกลับมาเรื่องแรกที่อวี๋หมิงหลางทำก็คือมาหาเสียวเหม่ยแสนน่ารักของเขา~
เห็นๆอยู่ว่ารอข้างนอกได้แต่เขาไม่
เพราะอยากให้เธอออกมาแล้วเจอเขาเลย
การเซอร์ไพร้ส์ของอวี๋หมิงหลางทำให้ความรู้สึกแย่ๆของเสี่ยวเชี่ยนหายไปหมดเกลี้ยง เธอทำมือบอกให้เขารอเดี๋ยว แล้วพุ่งความสนใจไปที่ผู้ฟังที่กำลังรอเธอตอบคำถามอยู่
ผู้ฟังได้ยินแต่เสียงไม่รู้ว่าทางนี้เกิดอะไรขึ้น ทุกคนยังรู้สึกว่าแปลกๆ
ทำไมเหม่ยเหวยว่าผู้ฟังคนนี้พูดนานจัง? ไหนว่าให้เวลาบรรยายแค่สามนาทีไง? นี่มันสามนาทีสองรอบแล้วนะ
“ฉันเข้าใจปัญหาของผู้ฟังท่านนี้แล้วนะคะ ฉันขอยังไม่แสดงความคิดเห็นอะไร วันนี้ฉันอยากเพิ่มช่วงพิเศษให้ผู้ฟังท่านอื่นได้เข้ามาร่วมพูดคุย พวกเราพักฟังโฆษณากันก่อนแล้วเราจะโอนสายผู้ฟังอีกท่านเข้ามา เดี๋ยวเรามาดูกันนะคะว่าผู้ฟังท่านอื่นจะตอบคำถามนี้อย่างไรค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนตัดเข้าโฆษณาแล้วจึงเดินออกมาจากห้อง
พอเปิดประตูเธอก็ถูกอวี๋หมิงหลางเข้าสวมกอด นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เจอกันคราวก่อนเธอยังสวมเสื้อแขนยาวอยู่เลย ตอนนี้เป็นหน้าร้อนแล้ว อวี๋หมิงหลางอุ้มเสี่ยวเชี่ยนหมุนไปมาแล้วก้มลงจูบปากเธอ เบบี๋ ผมกลับมาแล้ว~