ตอนที่ 131 รั่วปิงแก้แค้นอย่างสะใจ หนานกงเยี่ยทดสอบความจริงใจ

เดิมพันเสน่หา

เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปใกล้ลั่วเฮิ่งทีละก้าว แววตาของเธอเย็นยะเยือกเหมือนมีด “หาว่าฉันเป็นนางปีศาจ ทำไมแกไม่บอกว่าตัวเองเป็นปีศาจละ ตอนนั้นตระกูลเจียงของฉันดีกับนายมาก พ่อของฉันเลื่อนตำแหน่งให้นายจากลูกจ้างธรรมดากลายเป็นผู้ช่วย แต่แกกลับเนรคุณ วางแผนฆ่าพ่อของฉัน ฮุบสมบัติตระกูลเจียง ทั้งยังอยากข่มขืนฉันอีก แกมันสมควรตาย!”

“แก…แกอย่าเข้ามา!” ลั่วเฮิ่งถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหลิ่งรั่วปิงน่ากลัวแค่ไหน เปลือกนอกที่สวยงามเหมือนนางฟ้า แต่ข้างในเธอกลับเป็นวิญญาณร้ายกระหายเลือด

ลั่วเฮิ่งยิ่งกลัวมากขึ้นเท่าไหร่ รอยยิ้มของเหลิ่งรั่วปิงก็ยิ่งสวยมากขึ้นเท่านั้น “วันนี้ฉันจะส่งแกไปลงนรก!”

ลั่วเฮิ่งถอยหนีจนถึงสุดขอบของหน้าผาแล้ว ไม่สามารถถอยหลังได้อีก เขามองลงไปยังเหวลึก กลัวจนหมดแรง ขาทั้งสองข้างของเขาคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่อยากตาย เขายังอยากมีชีวิต ต่อให้มีชีวิตอีกห้าร้อยปีเขาก็ยังไม่พอ เขายังมีเงินมากมายที่ยังไม่ได้ใช้

จู่ๆ ลั่วเฮิ่งก้มศีรษะคำนับ เขาทำอยู่หลางครั้ง จนหน้าผากของเขาถลอก “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว เธอปล่อยฉันเถอะ ฉันไม่อยากตาย”

หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงผ่านความเจ็บปวดมามากมายจนด้านชา แม้เขาจะก้มคำนับเธอจนหัวแตก เธอก็ไม่มีวันยอมใจอ่อน ในทางกลับกัน เหลิ่งรั่วปิงยิ้มได้สวยมากกว่าเดิม ทว่านัยน์ตาของเธอซ่อนความอาฆาตเอาไว้ “ตอนนั้นฉันอ้อนวอนร้องขอชีวิตกับแกในกองเพลิง พวกแกเคยใจอ่อนสักนิดไหม” เธอก้าวไปด้านหน้าอีกหนึ่งก้าว “พวกแกไม่ใจอ่อนเลยสักนิด พวกแกมองดูฉันทุกข์ทรมานในกองไฟ ทั้งยังหัวเราะเหมือนปีศาจ!” เดินใกล้เข้าไปอีกหนึ่งก้าว “ดังนั้น อย่าหวังว่าฉันจะใจอ่อนให้แก”

ลั่วเฮิ่งหยุดคำนับ เขาเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด “เหลิ่งรั่วปิง ถ้าวันนี้แกฆ่าฉัน ต่อให้ฉันตายกลายเป็นผีฉันก็ไม่มีปล่อยแกไป!”

“ฮ่าๆๆ…” ราวกับเธอได้ยินเรื่องตลก “หลังจากที่แกตาย แกต้องลงไปชดใช้กรรมในนรก ไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาบนโลกหรอก หรือต่อให้แกขึ้นมาได้ มาโผล่ตรงหน้าฉัน ฉันก็ยินดีที่จะฆ่าแกอีกครั้ง”

“แก…” ลั่วเฮิ่งสั่นเทา ความหวาดกลัวทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ

เหลิ่งรั่วปิงยังคงขยับเข้าไปใกล้ลั่วเฮิ่ง ตอนนี้เธอยืนอยู่ห่างลั่วเฮิ่งแค่สามก้าว “แต่ว่า แกไม่มีวันตายเร็วขนาดนี้หรอก คนโลภอย่างแก ฉันจะปล่อยให้แกมีลมหายใจอีกสักพัก”

ลั่วเฮิ่งไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงต้องทำให้เขาตายทั้งเป็นแน่นอน ถึงยังไงก็ต้องตาย ทำไมต้องทรมานก่อนตายด้วย เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาจึงลุกขึ้น หมุนตัวเตรียมกระโดดลงไป

สายตาและมือของเหลิ่งรั่วปิงเร็วมาก ราวกับความไวของแสง เธอหยิบมีดบินออกมาจากข้อมือของลั่วเฮิ่ง แล้วแทงเข้าไปที่ขาของเขา

“อ๊ากกก” ลั่วเฮิ่งร้องด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงตรงริมหน้าผา “เหลิ่งรั่วปิง ในเมื่อแกจะฆ่าฉันก็ฆ่าให้ตายทีเดียวได้ไหม!”

“ฆ่าให้ตายทีเดียว?” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “แกอยากตายเร็วๆ แล้วตอนนั้นที่พวกแกวางยาพิษให้พ่อฉัน ปล่อยให้ท่านทุกข์ทรมานถึงสามปี แกยังคิดฝันอยากจะให้ฉันฆ่าแกให้ตายทีเดียว?” เธอหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เหวลึกขนาดนี้ แกตกลงไปคงแหลกสลายไปทั้งตัว ดังนั้นรอให้เลือดของแกไหลจนหมดตัวแล้วค่อยลงไปก็มีค่าเท่ากัน แกจะได้ค่อยๆ ลิ้มรสความตาย”

ลั่วเฮิ่งล้มลงนอนนั่งกับพื้น ตัวของเขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาทั้งสองข้างมองมาทางเหลิ่งรั่วปิงด้วยความหวาดกลัว ความรู้สึกนี้ไม่ดีเลยสักนิด

เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้รู้สึกสงสารเขาแม้แต่น้อย เธอพูดขึ้น “แกสบายใจได้ อีกไม่นานฉันจะส่งเมียกับลูกของแกไปอยู่ด้วย แกไม่มีวันเหงาหรอก จริงด้วย ฉันลืมบอกแกไป ลูกชายของแกรอแกอยู่ในนรกแล้ว”

ลั่วเฮิ่งเบิกตากว้าง “แก…เป็นฝีมือแก!”

“ใช่ เป็นฝีมือของฉันอีก อีกอย่างที่ลั่วซูเยียงเสียโฉม เจี่ยนชิวตกลงไปในสระจระเข้ทั้งหมดเป็นฝีมือของฉัน”

ลั่วเฮิ่งกัดฟันกรอดด้วยความแค้น ความสิ้นหวังค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เขารับรู้ถึงเลือดในร่างกายที่ไหลไม่หยุด ชีวิตของเขากำลังเดินไปนรกทีละก้าว ถูกต้องแล้ว เขารู้ตัวดี หลังจากที่เขาตายเขาต้องตกนรกแน่ๆ เพราะเขาเคยทำความชั่วเอาไว้มากมาย

ขณะที่เขากำลังจะหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง รอให้ความตายมาเยือน จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงก็ดึงมีดบินที่ขาออก ลั่วเฮิ่งตื่นขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ความหวาดกลัวกลับมาอีกครั้ง

“ตอนนี้แกตายได้แล้ว” พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงยกเท้าข้างขวาขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเตะลั่วเฮิ่งลงเหว

เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวของลั่วเฮิ่งดังก้องในเหวลึก ขณะที่ร่างกายตกลงไป เขาหวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ในที่สุดเขาก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ แต่น่าเสียดาย มนุษย์ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้ เขายังมีความลับอีกข้อหนึ่งที่ไม่ทันได้บอกกับเหลิ่งรั่วปิง

หนานกงเยี่ยมองดูทุกอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้ทำอะไร เขาไม่รู้สึกว่าเหลิ่งรั่วปิงโหดเหี้ยมแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขาสงสารเธอ เพราะยิ่งเวลานี้เธอโหดเหี้ยมมากแค่ไหน มันก็หมายความว่าสิ่งที่เธอเจอในอดีตโหดร้ายเท่านั้น

เดิมทีเขาจะรีบไปจัดการเรื่องที่บริษัท แต่ระหว่างทางพ่อบ้านที่คฤหาสน์โทรมา ปลายสายบอกว่าเหลิ่งรั่วปิงออกไปจากคฤหาสน์ อีกทั้งยังบอกป้ายทะเบียนรถแท็กซี่ที่เธอนั่งไปด้วย เขาจึงรีบโทรหาเธอ ทว่าเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงปิดเครื่อง เขาจึงรีบสั่งให้คนตรวจสอบ หลังจากที่ได้เบอร์โทรศัพท์ของคนขับแท็กซี่ จึงได้รู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงนั่งแท็กซี่มาจนถึงเชิงเขาของภูเขาเป่ยซาน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดาออกว่าเธอมาหาลั่วเฮิ่ง

หนานกงเยี่ยรีบขับรถตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ตรงริมหน้าผาเงียบๆ ลมบนหน้าผาทำให้ผมของเธอพริ้วไหว สีหน้าของเธอนิ่งสงบ

พ่อคะ พ่อเห็นไหมคะ หนูผลักศัตรูลงนรกด้วยมือตนเอง

*****

เหลิ่งรั่วปิงแก้แค้นด้วยความสะใจ เธอเดินลงจากภูเขาด้วยความใจเย็น แต่กลับเจอหนานกงเยี่ยที่เชิงเขา หนานกงเยี่ยสวมชุดสูทสีดำ เขาเหมือนกับราชาที่หยิ่งยโส ยืนพิงอยู่ที่รถด้วยความสง่างาม หนานกงเยี่ยมองมาที่เธอแล้วคลายยิ้มบางๆ

เหลิ่งรั่วปิงตกใจเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเขารู้อะไรมากแค่ไหน ด้วยเหตุนี้เธอจึงยืนนิ่งๆ ห่างจากเขาประมาณสิบก้าวโดยไม่ขยับและไม่พูดอะไร บางครั้งการเงียบก็ดีกว่าการลงมือทำ

หนานกงเยี่ยยิ้มอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไป ผมออกไปแค่แป๊ปเดียว คุณก็แอบหนีมาเที่ยวแล้ว ไม่ชอบขี้หน้าผมขนาดไหนเนี่ย ถึงไม่รอให้ผมกลับมาแล้วค่อยมาเที่ยวด้วยกัน?”

เหลิ่งรั่วปิงโล่งอก เธอคลายยิ้ม “คุณหนานกงงานรัดตัว มีเวลาว่างก็ต้องไปอยู่กับว่าที่เจ้าสาว แล้วฉันจะกล้าชวนคุณมาทำกิจกรรมที่น่าเบื่ออย่างปีนเขาได้ยังไงคะ”

สีหน้าท่าทางของเธอดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนคนที่เพิ่งฆ่าคนแม้แต่น้อย

หนานกงเยี่ยมองเธอเงียบๆ อยู่หลายวินาที จากนั้นยิ้มร่าแล้วกางแขนออก “มานี่”

เหลิ่งรั่วปิงทำเหมือนทุกครั้ง ทุกครั้งที่เขาทำเช่นนี้เธอก็จะเข้าไปซบ หลังจากที่ถูกเขากอดเอาไว้ เธอคิดว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขากลับไม่พูดแม้แต่คำเดียว หนานกงเยี่ยจูบเธอกะทันหัน จูบอยู่นานไม่ยอมปล่อย

จนกระทั่งทั้งสองแทบจะหายใจไม่ออก หนานกงเยี่ยจึงค่อยๆ ละริมฝีปาก เสียงของเขาแหบพร่า “อีกครึ่งเดือนก็ถึงว่าเกิดของผมแล้ว คุณจะอยู่ฉลองวันเกิดกับผมใช่ไหมครับ”

เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ที่อกของเขาด้วยความว่าง่าย มือเรียวลูบไปที่คอเสื้อของเขา “คุณแน่ใจว่าจะให้ฉันอยู่ร่วมฉลองด้วยจริงๆ หรอคะ”

“ขอแค่คุณต้องการก็ได้หมดครับ”

เหลิ่งรั่วปิงหลับตาลงแล้วเงียบ เธอไม่ต้องการ เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังระหว่างหนานกงเยี่ยและอวี้หลานซี

เรื่องเข้าใจผิดของทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วด้วยความผิดหวัง เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้รักเขา อีกทั้งอีกไม่นานเธอก็จะไปจากเขา จู่ๆ เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่หนานกงเยี่ยพยายามอดทนเอาไว้ เขาพยายามพูดด้วยความใจเย็น “ผมส่งคุณกลับวิลล่าหย่าเก๋อ”

หลังจากกลับมาถึงวิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยกินมื้อค่ำเสร็จก็ออกไปทันที

เขาไปไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ

ตอนนี้เขารู้สึกแย่มาก ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ไม่สามารถรั้งเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ได้

มองดูหนานกงเยี่ยดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า อวี้ไป่หันขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นอะไรอีกแล้ว ช่วงนี้แกดื่มเหล้าบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทะเลาะกับเหลิ่งรั่วปิงอีกแล้ว?”

สีหน้าของหนานกงเยี่ยเศร้าหมอง แววตาของเขาโดดเดี่ยว “แกว่า ทำไมหัวใจของผู้หญิงถึงได้มายากจังวะ”

อวี้ไป่หันพยักหน้า “เรื่องนี้ฉันรู้ หัวใจของผู้หญิงก็เหมือนเข็มในมหาสมุทร เป็นอะไรที่ได้มายากมาก ร่างกายของพวกเธอสามารถใช้เงินทองหรืออำนาจในการได้มา แต่กลับไม่สามารถได้หัวใจของพวกเธอง่ายๆ แต่หนานกงเยี่ย แกจัดอยู่ในประเภทหาเรื่องปวดหัวให้ตัวเอง ใช่ว่าแกไม่มีผู้หญิงมารักสักหน่อย หลานซีรักแกมากนะเว้ย แกไม่เห็นค่าของเธอ แต่กลับต้องการหัวใจของเหลิ่งรั่วปิง เห้อ หมดหนทางจริงๆ”

หนานกงเยี่ยหัวเราะเยาะตนเอง “ฉันหาเรื่องให้ตัวเองจริงๆ ฉันอยากรู้นัก ถ้าฉันมีผู้หญิงคนอื่น เธอจะเจ็บไหม” ผู้หญิงคนนั้นนิ่งเกินไป เธอนิ่งจนทำให้เขาแทบบ้า จู่ๆ เขาก็อยากให้เธอรู้สึกเจ็บปวด เขาอยากรู้ว่าถ้าตนปล่อยเธอไปจริงๆ เธอจะเสียใจไหม

อวี้ไป่หันหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดูสิ หาผู้หญิงมาสักคน แล้วคอยดูว่าเหลิ่งรั่วปิงจะหึงไหม ดูว่าเธอจะแย่งแกกับผู้หญิงคนนั้นไหม”

หึง? คำพูดนี้เตือนสติหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงหึงเป็นไหม น่าจะหึงเป็น คราวที่แล้วตอนอยู่บนเรือยอร์ชเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังหึง ความรู้สึกนั้นมันดีมาก การที่เธอหึงแปลว่าเธอชอบเขาใช่ไหม แต่เธอไม่ยอมรับ?

จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็หัวเราะออกมา “วิธีนี้ของแกดีมาก ไปหาผู้หญิงมาให้ฉันคนหนึ่ง”

“อะไรนะ” อวี้ไป่หันมองหนานกงเยี่ยด้วยความตกใจ “แกเอาจริง?”

“ไม่ต้องพูดมาก บอกให้แกหาก็หามาสิ! พอหาได้ก็เก็บเอาไว้ใช้ที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ” พูดจบ หนานกงเยี่ยดื่มเหล้าอีกหนึ่งแก้ว แล้วออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ

หนานกงเยี่ยขับรถกลับวิลล่าหย่าเก๋อด้วยตนเอง ตอนอยู่บนรถเขารับสายอวี้หลานซี “เยี่ย ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณยังไม่กลับมาคะ”

“วันนี้ผมไม่กลับบ้าน ให้ก่วนอวี้อยู่กับคุณแล้วกัน มีเรื่องอะไรก็สั่งให้เขาไปทำ”

เสียงของอวี้หลานซีแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าทันที “คุณไปไหนคะ กลับวิลล่าหย่าเก๋ออีกแล้วหรอคะ”

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “หลานซี คุณยุ่งกับชีวิตของผมมากไปแล้ว”

อวี้หลานซีพูดเสียงสะอื้น “เยี่ย ฉันแค่เป็นห่วงคุณ…”

หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “ครับๆ ผมรู้แล้ว คุณเองก็พักผ่อนด้วย” พูดจบ หนานกงเยี่ยก็รีบวางสาย น้ำตาของผู้หญิงทำให้เขาหงุดหงิด

เพราะดื่มเหล้าเข้าไปไม่น้อย ทั้งยังหงุดหงิดเพราะเสียงร้องไห้ของอวี้หลานซี หนานกงเยี่ยจึงควบคุมรถได้ไม่ดี พุ่งชนรถบรรทุกขนาดเล็ก

ปึ้ง! เสียงของแข็งชนกันดังขึ้น กระจกหน้ารถแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวของหนานกงเยี่ยพุ่งออกมาจากกระจกหน้า ล้มลงกับพื้นอย่างแรง

รถบรรทุกถูกชน จึงหยุดจอดอย่างรวดเร็ว คนขับรถเดินลงจากรถกำลังจะโวยวาย แต่เมื่อเห็นว่าคนบนพื้นที่นอนเลือดอาบคือหนานกงเยี่ย ขาของเขาอ่อนฮวบลงทันที “คุณ…คุณชายเยี่ย ผมสมควรตาย ผมชนรถของคุณ ผม…”