“ซือถิง! หยุดเดี๋ยวนี้!”
อาจารย์ท่านหนึ่งเก้าไปข้างหน้าเพื่อขวางทางเขาอย่างรวดเร็ว
“ที่นั่นอันตรายมาก เจ้าจะไปได้อย่างไร!”
ใบหน้าของซือถิงเยือกเย็นราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง
ครั้นเมื่ออาจารย์เห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่สักพัก ทว่ายังยืนยันที่จะขัดขวางเขาต่อไป “ ตอนนี้สัตว์อสูรระดับสูงกำลังต่อสู้กัน บรรพตวั่นหลิงทั้งหมดกำลังเกิดความโกลาหล! หากเจ้าไปตอนนี้! ก็เท่ากับว่าเข้าไปตาย! แล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังมีผู้อาวุโสซุน! พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
ทว่าซือถิงกลับพูดอย่างเย็นชา “ยังมีคนไม่ได้ออกมา”
“นี่ไม่ใช่เวลาห่วงผู้อื่น! หากยังยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ พวกเราจะออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้หรือไม่!”
เมื่ออาจารย์ที่อยู่ด้านหลังเห็นเหตุการณ์ จึงขมวดคิ้วถามด้วยความไม่พอใจ “ซือถิง เจ้าเป็นผู้ที่สงบสติอารมณ์อยู่เสมอ แต่วันนี้เจ้าเป็นอันใดไป?”
ปากของซือถิงขยับ พลางกัดกรามแน่น
ตู้ม!
เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า!
กระแสน้ำวนสีดำบนท้องฟ้าแตกสลายจนหมดสิ้น กระจัดกระจายกลายเป็นแสงสีดำมากมายนับไม่ถ้วน!
ในขณะเดียวกันนั้น มีเสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรทุกชนิดดังออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“รีบไป!”
อาจารย์ผู้นั้นไม่ลังเลอีกต่อไป พร้อมทั้งบีบไหล่ของซือถิง
อาจารย์หลายคนรวมพลังกันบังคับให้พวกเขาออกจากที่นี่
ทันทีที่พวกเขาหันหลังจากไปได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น!
หัวใจของซือถิงเต้นรัว! เมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับเห็นว่าภูเขาทั้งหมดพังทลาย!
……
การต่อสู้ของเสวียเสวี่ยกับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาดุเดือดมาก รุนแรงจนทำให้ภูเขาทั้งลูกพังทลาย
ทว่าถ้าหากมีคนเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เป็นการบดขยี้ของฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง มันไม่มีแม้พลังที่จะตอบโต้
หลังจากที่โจมตีกันหลายครั้ง ร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล
เกล็ดที่สวยงามและแข็งแกร่งเกือบจะถูกดึงออกมาจนหมด อีกทั้งยังมีรูเลือดหลายรูที่ช่องท้อง เลือดไหลออกมาอย่างมากมาย แม้แต่หัวก็ถูกตีจนแตก เลือดไหลเป็นทางดูน่าอนาถยิ่งนัก
ในตอนนี้ความเย่อหยิ่งได้หายวับไปกับตา เหลือเพียงความเสียใจและความหวัดกลัวในแววตาของมัน
มันเสียใจยิ่ง!
ตั้งแต่ต่อสู้กับเสวียเสวี่ยครั้งที่แล้ว ร่างกายของมันถูกถล่มอย่างยับเยิน มันไม่อาจลืมเลือนและมีความโกรธแค้นอยู่ในใจเสมอ
บรรพตวั่นหลิงแห่งนี้เป็นพื้นที่ของมัน แล้วมันจะปล่อยให้ผู้อื่นทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันฝึกฝนอย่างหนัก จนสามารถทะลวงระดับหกสู่ระดับเจ็ด!
เมื่อวันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง มันคิดที่จะลบล้างความอับอาย แต่มันไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะพัฒนาไปมากถึงเพียงนี้!
ครั้งที่แล้วมันสามารถต่อสู้ได้หลายสิบกระบวนท่า ทว่าในครั้งนี้มันกลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!
ประเด็นสำคัญ ยังมีสัตว์อสูรอยู่ต่อหน้ามากมายในบรรพตวั่นหลิง!
ทว่าตอนนี้กลับไม่เหลือสักตัว!
ฟรึบ!
เสวียเสวี่ยกัดหางของมัน พร้อมทั้งโยนมันออกไปอย่างดุร้าย!
เลือดของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาไหลเป็นทางยาวอยู่บนพื้น จนสุดท้ายมันได้กระแทกเข้ากับกองหิน ร่างของมันเต็มไปด้วยฝุ่นและเลือด
มันหายใจเฮือกสุดท้าย ขยับเขยื้อนไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในอีกไม่ช้า
เสวียเสวี่ยจ้องมองมันด้วยสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในสายตา แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกล้างแค้น!
และยังต้องการฆ่าฉู่หลิวเยว่…
ไม่ตีมันแล้วจะตีผู้ใด!?
ในขณะที่มันกำลังสั่งสอน ทันใดนั้นมันกลับหยุดชะงัก พร้อมทั้งหันกลับไปมอง
มีระลอกคลื่นโปร่งใสปรากฏขึ้นในอากาศธาตุที่ว่างเปล่า
ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้น และเดินออกมา
นั่นคือหรงซิว!
และเขากำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนของเขา ผู้นั้นคือฉู่หลิวเยว่
ครั้นเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของฉู่หลิวเยว่ และบาดแผลที่น่าตกใจ เสวียเสวี่ยกลับรู้สึกผิดและสงสาร
มันรีบวิ่งเข้ามาเพื่อมองนางใกล้ๆ
หรงซิวเหลือบมองทางมันเล็กน้อย
ฝีเท้าของเสวียเสวี่ยหยุดชะงัก พลางก้มหัวลงด้วยความสำนึกผิด
ฉับพลันฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น และตระหนักได้ว่าพวกเขาได้ออกมาจากกระแสน้ำวนสีดำแล้ว
นางมองไปยังหรงซิวด้วยความตกตะลึง
เขา…ทำมันได้จริงๆ?!
พลังของเขาคือสิ่งใดกันแน่!?
เมื่อรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างๆ นางจึงหันไปมอง และพบเสวียเสวี่ย
จากนั้นจึงเห็นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหานอนอยู่ในกองหินที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่รู้ว่ามันยังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว
ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสวียเสวี่ยโหดเหี้ยมเพียงใด
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะปริปาก
เสวียเสวี่ย…ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
มันสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับเจ็ดได้โดยที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บ!?
“เมื่อเรื่องนี้จบลง จะต้องกลับไปรับโทษ”
หรงซิวกล่าวอย่างนิ่งเฉย
เสวียเสวี่ย คร่ำครวญด้วยเสียงต่ำ พลางก้มหน้าลง
ฉู่หลิวเยว่ดึงเสื้อตรงหน้าของหรงซิว
“เจ้าจะลงโทษเสวียเสวี่ยได้อย่างไร?”
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตัวนั้นมันก็เป็นคนเก็บกวาด!
หรงซิวหรี่ตาลง
“เจ้าอยู่กับมันมากเกินไป และบนร่างกายของเจ้าได้เต็มไปด้วยลมหายใจของมัน นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตนนั้นมีความแค้นต่อมัน เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมันที่อยู่บนตัวเจ้า จึงเกิดเรื่องนี้กับเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงเมื่อได้ยิน
ที่แท้…เหตุผลก็เป็นเช่นนี้!?
ในตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี
นางเคยสงสัยว่าเหตุใดนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตัวนี้จึงเกลียดชังนางโดยที่ไม่มีสาเหตุ ที่แท้เหตุผลก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
“ช่างมันเถอะ เสวียเสวี่ยไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”
ในใจของฉู่หลิวเยว่ชอบเสวียเสวี่ยมาก แม้จะทำให้เกิดเรื่องนี้แต่หลังจากที่ครุ่นคิดก็ไม่สามารถโทษเสวียเสวี่ยได้
ทว่าเมื่อเสวียเสวี่ยได้ยินเช่นนั้น มันกลับยิ่งรู้สึกละอายใจและโทษตัวเองมากขึ้น
“แต่ว่าข้าอยู่กับเสวียเสวี่ยเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และมันไม่ใช่สัตว์อสูรของข้า บนร่างกายของข้าจะมีลมหายใจของมันได้อย่างไร?”
ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำด้วยความสงสัย
ถึงแม้ว่าจะมี แต่ก็ควรจะบางเบา ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดเจตนาฆ่าจากนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาได้
เสวียเสวี่ยตัวแข็งทื่อ
แววตาของหรงซิวจมดิ่ง และดูเหมือนว่าจะมีชั้นหมอกบางๆ ปกคลุมที่ดวงตาของเขา ทำให้ตาเขาพร่ามัว จากนั้นจึงเอ่ยแผ่วเบาว่า “… อาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป ดังนั้นในภายภาคหน้าพวกเราพยายามอย่าเจอกันอีก”
เสวียเสวี่ยเงยหน้าด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกขายเช่นนี้!
ในคืนนั้น มันนำพลังของหรงซิวมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงถ่ายเทพลังเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างเชื่องช้า เพื่อซ่อมแซมเส้นเลือดเดิมของนาง แต่กลับไม่ได้รับความดีความชอบในการทำงานหนัก!
เหตุใดตอนนี้จึงโกรธสัตว์อสูร?!
ลมหายใจในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ เป็นของมันที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นของหรงซิว!
มันกับหรงซิวมีความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับทาสรับใช้ ลมหายใจก็เหมือนกัน มันยอมรับความผิดเรื่องนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา แต่เขายังเข้าใจผิดเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่มาก!
ในขณะที่เสวียเสวี่ยกำลังจะประท้วง กลับเห็นแววตาที่เย็นชาของหรงซิว จึงหยุดชะงักในทันที
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ทว่าไม่ได้สอบถามมากนัก นางมองไปรอบๆ จึงพบว่าภูเขาที่เคยสูงชัน แต่ในตอนนี้กลับราบเป็นหน้ากลอง
นางถอนหายใจ
สัตว์อสูรระดับสูงต่อสู้กัน ช่างเป็นพลังที่น่าทึ่งมาก
หรงซิวหาพื้นที่สะอาด จากนั้นวางนางลง ใช้มือข้างหนึ่งจับที่หัวใจของนาง พร้อมทั้งถ่ายเทพลัง
ฉู่หลิงเยว่ส่ายหน้า “ข้าบาดเจ็บที่ผิวหนัง ไม่ต้อง…”
หรงซิวใช้มืออีกข้างปิดตาของนางเบาๆ
“เจ้าพักผ่อนเถิด เมื่อทำความสะอาดแล้วพวกเราค่อยไป”
ในขณะที่ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ยังมืดมิด นางจึงอดถามไม่ได้ “…ทำความสะอาดอันใด?”
หรงซิวยิ้มมุมปาก
“ปกติก็…ควรจะทำความสะอาด”