เล่ม 2 ตอนที่ 148 ลมหายใจ

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

“ซือถิง! หยุดเดี๋ยวนี้!”

อาจารย์ท่านหนึ่งเก้าไปข้างหน้าเพื่อขวางทางเขาอย่างรวดเร็ว

“ที่นั่นอันตรายมาก เจ้าจะไปได้อย่างไร!”

ใบหน้าของซือถิงเยือกเย็นราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง

ครั้นเมื่ออาจารย์เห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่สักพัก ทว่ายังยืนยันที่จะขัดขวางเขาต่อไป “ ตอนนี้สัตว์อสูรระดับสูงกำลังต่อสู้กัน บรรพตวั่นหลิงทั้งหมดกำลังเกิดความโกลาหล! หากเจ้าไปตอนนี้! ก็เท่ากับว่าเข้าไปตาย! แล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังมีผู้อาวุโสซุน! พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”

ทว่าซือถิงกลับพูดอย่างเย็นชา “ยังมีคนไม่ได้ออกมา”

“นี่ไม่ใช่เวลาห่วงผู้อื่น! หากยังยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ พวกเราจะออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้หรือไม่!”

เมื่ออาจารย์ที่อยู่ด้านหลังเห็นเหตุการณ์ จึงขมวดคิ้วถามด้วยความไม่พอใจ “ซือถิง เจ้าเป็นผู้ที่สงบสติอารมณ์อยู่เสมอ แต่วันนี้เจ้าเป็นอันใดไป?”

ปากของซือถิงขยับ พลางกัดกรามแน่น

ตู้ม!

เสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งป่า!

กระแสน้ำวนสีดำบนท้องฟ้าแตกสลายจนหมดสิ้น กระจัดกระจายกลายเป็นแสงสีดำมากมายนับไม่ถ้วน!

ในขณะเดียวกันนั้น มีเสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรทุกชนิดดังออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“รีบไป!”

อาจารย์ผู้นั้นไม่ลังเลอีกต่อไป พร้อมทั้งบีบไหล่ของซือถิง

อาจารย์หลายคนรวมพลังกันบังคับให้พวกเขาออกจากที่นี่

ทันทีที่พวกเขาหันหลังจากไปได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น!

หัวใจของซือถิงเต้นรัว! เมื่อเขาหันกลับไปมอง กลับเห็นว่าภูเขาทั้งหมดพังทลาย!

……

การต่อสู้ของเสวียเสวี่ยกับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาดุเดือดมาก รุนแรงจนทำให้ภูเขาทั้งลูกพังทลาย

ทว่าถ้าหากมีคนเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ เป็นการบดขยี้ของฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์

นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง มันไม่มีแม้พลังที่จะตอบโต้

หลังจากที่โจมตีกันหลายครั้ง ร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล

เกล็ดที่สวยงามและแข็งแกร่งเกือบจะถูกดึงออกมาจนหมด อีกทั้งยังมีรูเลือดหลายรูที่ช่องท้อง เลือดไหลออกมาอย่างมากมาย แม้แต่หัวก็ถูกตีจนแตก เลือดไหลเป็นทางดูน่าอนาถยิ่งนัก

ในตอนนี้ความเย่อหยิ่งได้หายวับไปกับตา เหลือเพียงความเสียใจและความหวัดกลัวในแววตาของมัน

มันเสียใจยิ่ง!

ตั้งแต่ต่อสู้กับเสวียเสวี่ยครั้งที่แล้ว ร่างกายของมันถูกถล่มอย่างยับเยิน มันไม่อาจลืมเลือนและมีความโกรธแค้นอยู่ในใจเสมอ

บรรพตวั่นหลิงแห่งนี้เป็นพื้นที่ของมัน แล้วมันจะปล่อยให้ผู้อื่นทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันฝึกฝนอย่างหนัก จนสามารถทะลวงระดับหกสู่ระดับเจ็ด!

เมื่อวันนี้ได้เจอกันอีกครั้ง มันคิดที่จะลบล้างความอับอาย แต่มันไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้จะพัฒนาไปมากถึงเพียงนี้!

ครั้งที่แล้วมันสามารถต่อสู้ได้หลายสิบกระบวนท่า ทว่าในครั้งนี้มันกลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!

ประเด็นสำคัญ ยังมีสัตว์อสูรอยู่ต่อหน้ามากมายในบรรพตวั่นหลิง!

ทว่าตอนนี้กลับไม่เหลือสักตัว!

ฟรึบ!

เสวียเสวี่ยกัดหางของมัน พร้อมทั้งโยนมันออกไปอย่างดุร้าย!

เลือดของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาไหลเป็นทางยาวอยู่บนพื้น จนสุดท้ายมันได้กระแทกเข้ากับกองหิน ร่างของมันเต็มไปด้วยฝุ่นและเลือด

มันหายใจเฮือกสุดท้าย ขยับเขยื้อนไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายในอีกไม่ช้า

เสวียเสวี่ยจ้องมองมันด้วยสายตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ตั้งแต่ต้นจนจบ มันไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในสายตา แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกล้างแค้น!

และยังต้องการฆ่าฉู่หลิวเยว่…

ไม่ตีมันแล้วจะตีผู้ใด!?

ในขณะที่มันกำลังสั่งสอน ทันใดนั้นมันกลับหยุดชะงัก พร้อมทั้งหันกลับไปมอง

มีระลอกคลื่นโปร่งใสปรากฏขึ้นในอากาศธาตุที่ว่างเปล่า

ทันใดนั้นร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้น และเดินออกมา

นั่นคือหรงซิว!

และเขากำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนของเขา ผู้นั้นคือฉู่หลิวเยว่

ครั้นเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของฉู่หลิวเยว่ และบาดแผลที่น่าตกใจ เสวียเสวี่ยกลับรู้สึกผิดและสงสาร

มันรีบวิ่งเข้ามาเพื่อมองนางใกล้ๆ

หรงซิวเหลือบมองทางมันเล็กน้อย

ฝีเท้าของเสวียเสวี่ยหยุดชะงัก พลางก้มหัวลงด้วยความสำนึกผิด

ฉับพลันฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้น และตระหนักได้ว่าพวกเขาได้ออกมาจากกระแสน้ำวนสีดำแล้ว

นางมองไปยังหรงซิวด้วยความตกตะลึง

เขา…ทำมันได้จริงๆ?!

พลังของเขาคือสิ่งใดกันแน่!?

เมื่อรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างๆ นางจึงหันไปมอง และพบเสวียเสวี่ย

จากนั้นจึงเห็นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหานอนอยู่ในกองหินที่อยู่ไม่ไกลโดยไม่รู้ว่ามันยังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว

ร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสวียเสวี่ยโหดเหี้ยมเพียงใด

ฉู่หลิวเยว่กำลังจะปริปาก

เสวียเสวี่ย…ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

มันสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับเจ็ดได้โดยที่มันไม่ได้รับบาดเจ็บ!?

“เมื่อเรื่องนี้จบลง จะต้องกลับไปรับโทษ”

หรงซิวกล่าวอย่างนิ่งเฉย

เสวียเสวี่ย คร่ำครวญด้วยเสียงต่ำ พลางก้มหน้าลง

ฉู่หลิวเยว่ดึงเสื้อตรงหน้าของหรงซิว

“เจ้าจะลงโทษเสวียเสวี่ยได้อย่างไร?”

นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตัวนั้นมันก็เป็นคนเก็บกวาด!

หรงซิวหรี่ตาลง

“เจ้าอยู่กับมันมากเกินไป และบนร่างกายของเจ้าได้เต็มไปด้วยลมหายใจของมัน นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตนนั้นมีความแค้นต่อมัน เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมันที่อยู่บนตัวเจ้า จึงเกิดเรื่องนี้กับเจ้า”

ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงเมื่อได้ยิน

ที่แท้…เหตุผลก็เป็นเช่นนี้!?

ในตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี

นางเคยสงสัยว่าเหตุใดนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตัวนี้จึงเกลียดชังนางโดยที่ไม่มีสาเหตุ ที่แท้เหตุผลก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

“ช่างมันเถอะ เสวียเสวี่ยไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”

ในใจของฉู่หลิวเยว่ชอบเสวียเสวี่ยมาก แม้จะทำให้เกิดเรื่องนี้แต่หลังจากที่ครุ่นคิดก็ไม่สามารถโทษเสวียเสวี่ยได้

ทว่าเมื่อเสวียเสวี่ยได้ยินเช่นนั้น มันกลับยิ่งรู้สึกละอายใจและโทษตัวเองมากขึ้น

“แต่ว่าข้าอยู่กับเสวียเสวี่ยเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และมันไม่ใช่สัตว์อสูรของข้า บนร่างกายของข้าจะมีลมหายใจของมันได้อย่างไร?”

ฉู่หลิวเยว่บ่นพึมพำด้วยความสงสัย

ถึงแม้ว่าจะมี แต่ก็ควรจะบางเบา ซึ่งไม่น่าจะทำให้เกิดเจตนาฆ่าจากนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาได้

เสวียเสวี่ยตัวแข็งทื่อ

แววตาของหรงซิวจมดิ่ง และดูเหมือนว่าจะมีชั้นหมอกบางๆ ปกคลุมที่ดวงตาของเขา ทำให้ตาเขาพร่ามัว จากนั้นจึงเอ่ยแผ่วเบาว่า “… อาจเป็นเพราะพวกเราอยู่ด้วยกันนานเกินไป ดังนั้นในภายภาคหน้าพวกเราพยายามอย่าเจอกันอีก”

เสวียเสวี่ยเงยหน้าด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกขายเช่นนี้!

ในคืนนั้น มันนำพลังของหรงซิวมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงถ่ายเทพลังเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างเชื่องช้า เพื่อซ่อมแซมเส้นเลือดเดิมของนาง แต่กลับไม่ได้รับความดีความชอบในการทำงานหนัก!

เหตุใดตอนนี้จึงโกรธสัตว์อสูร?!

ลมหายใจในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ เป็นของมันที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นของหรงซิว!

มันกับหรงซิวมีความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับทาสรับใช้ ลมหายใจก็เหมือนกัน มันยอมรับความผิดเรื่องนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา แต่เขายังเข้าใจผิดเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่มาก!

ในขณะที่เสวียเสวี่ยกำลังจะประท้วง กลับเห็นแววตาที่เย็นชาของหรงซิว จึงหยุดชะงักในทันที

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ทว่าไม่ได้สอบถามมากนัก นางมองไปรอบๆ จึงพบว่าภูเขาที่เคยสูงชัน แต่ในตอนนี้กลับราบเป็นหน้ากลอง

นางถอนหายใจ

สัตว์อสูรระดับสูงต่อสู้กัน ช่างเป็นพลังที่น่าทึ่งมาก

หรงซิวหาพื้นที่สะอาด จากนั้นวางนางลง ใช้มือข้างหนึ่งจับที่หัวใจของนาง พร้อมทั้งถ่ายเทพลัง

ฉู่หลิงเยว่ส่ายหน้า “ข้าบาดเจ็บที่ผิวหนัง ไม่ต้อง…”

หรงซิวใช้มืออีกข้างปิดตาของนางเบาๆ

“เจ้าพักผ่อนเถิด เมื่อทำความสะอาดแล้วพวกเราค่อยไป”

ในขณะที่ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ยังมืดมิด นางจึงอดถามไม่ได้ “…ทำความสะอาดอันใด?”

หรงซิวยิ้มมุมปาก

“ปกติก็…ควรจะทำความสะอาด”