เล่ม 2 ตอนที่ 149 ลงโทษ

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ด้านนอกบรรพตวั่นหลิง เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ของโรงเรียนเทียนลู่ รออยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ

บรรยากาศหยุดนิ่งทุกคนเงียบสนิทไม่พูดจา และความเงียบก็อึดอัดจนหายใจไม่ออก

ลูกศิษย์บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป แม้ว่าบางคนจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีการเลือดตกยางออกไม่น้อย

มองแวบแรกอาจจะดูไม่เสียหายเท่าไหร่นัก

เวลาค่อยๆ ร่วงเลยไป การรอคอยเริ่มยากที่จะทนไหว

บางครั้ง บางคนมองไปยังบรรพตวั่นหลิงด้วยใบหน้าที่ไม่มีความหวังความตื่นเต้นดังเช่นตอนก่อนจะเข้าไป ซึ่งตอนนี้มีเพียงความหวาดกลัว

ผู้ใดจะคิดเล่าว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ในบรรพตวั่นหลิง?

ดูเหมือนว่าตอนนี้ยังคงทำให้ใจสั่น

ทันใดนั้น เมื่อเสียงลมพัดมาก็มีร่างหลายร่างลอยออกจากป่าอย่างรวดเร็ว

ทุกคนมองออกไปเป็นตาเดียว

อาจารย์ที่อยู่ด้านหน้าสุดแสดงความดีใจออกมา

“ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา! ดูเหมือนว่าจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในบรรพตวั่นหลิง ตกลงมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ยังมีนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตนนั้นอีก ดูเหมือนว่าจะใช้กระบวนการสังหาร ช่างอันตรายเสียจริง! ดีที่พวกเจ้าออกมาได้ทันเวลา!”

พวกเขารออยู่ข้างนอก จึงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน ได้ยินเพียงเสียงดังสนั่นหวั่นไหวซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้น

อาจารย์สองท่านก้าวไปข้างหน้า พร้อมทั้งส่งเฉินหู่และมู่หงอวี๋ให้คนข้างๆดูแล

หนึ่งในนั้นถอนหายใจ “อย่าพูดถึงมันเลย ดูเหมือนนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตนนั้นจะบ้าคลั่ง จึงส่งสัตว์อสูรทั้งหมดในภูเขาไปล้อมรอบภูเขาไว้ มู่หงอวี๋กับคนอื่นๆ จึงหลบหนีออกมาได้อย่างยากลำบาก ต่อมาก็มีสัตว์อสูรระดับสูงอีกตัวหนึ่งปรากฏขึ้น และต่อสู้กับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา จนทำลายภูเขาทั้งลูกให้ราบเป็นหน้ากลอง! หากพวกเราช้าอีกนิด เกรงว่าเป็นเรื่องยากที่จะออกมา”

“อะไรนะ ยังมีสัตว์อสูรระดับสูงอีกหนึ่งตน?”

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงและหัวใจก็เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

“ผู้อาวุโสซุนบอกว่า ที่นี่คือพื้นที่ควบคุมของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาไม่ใช่หรือ? แล้วสัตว์อสูรระดับสูงที่ปรากฏขึ้นในภายหลังคืออะไร? เหตุใดจึงกล้าต่อสู้กับมันตัวต่อตัว?”

“พวกเราก็เห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่พลังของมันแข็งแกร่งมาก ทรงพลังกว่านาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตัวนั้นเสียอีก”

ทุกคนต่างพูดไม่ออก

นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาคือสัตว์อสูรระดับเจ็ดมีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่า…คืออะไร?

ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏในตำนานเท่านั้น!

ครั้งนี้พวกเขาโชคร้ายจริงๆที่มาเจอเรื่องไม่ดีในตอนนี้!

“ผู้อาวุโสซุนล่ะ? เขาไม่ได้กลับมาพร้อมกับพวกเจ้าหรือ?”

ไป๋เฉินกวาดสายตามองไปรอบๆ กลับไม่เห็นแม้เงาของผู้อาวุโสซุน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม

อาจารย์หลายท่านมีสีหน้าลำบากใจ ผ่านไปสักครู่จึงมีคนพูดขึ้นว่า : “ผู้อาวุโสซุนไปภูเขาเพียงลำพังเพื่อช่วยคน พวกเราก็ยังติดต่อกับเขาไม่ได้เช่นกัน”

“เป็นไปได้อย่างไร…มันไม่อันตรายเกินไปหรือ!?”

ไป๋เฉินขมวดคิ้ว ทันใดนั้นจึงเกิดแสงสว่างในใจของเขา

เดี๋ยวนะ!

ช่วยคน?

นอกจากมู่หงอวี๋และคนอื่นๆที่กลับมาแล้ว ยังมี…

“ฉู่หลิวเยว่กับกู้หมิงจูล่ะ!?”

“พวกเขาทั้งสองอยู่บนภูเขาลูกนั้น และอาจารย์ก็ไปที่นั่นเพื่อช่วยพวกเขา”

ซือถิงที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น

ทุกคนอยู่ในความเงียบ

ผู้อาวุโสซุนคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา!

เมื่อเขาเดินทางไปเพียงลำพังเช่นนี้ ก็เพียงแค่…

“ผู้อาวุโสซุน!”

อาจารย์ท่านหนึ่งเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ และประจวบเหมาะกับที่เห็นร่างที่คุ้นเคยเดินออกมาจากป่าจึงอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกไป

ทุกคนรีบหันไปมอง

ไป๋เฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าเมื่อเห็นมีเลือดบนร่างกายของผู้อาวุโสซุน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที พร้อมทั้งรีบก้าวออกไปข้างหน้า

“ผู้อาวุโสซุน! ท่านบาดเจ็บ?!”

ผู้อาวุโสซุนโบกมือ “แค่บาดเจ็บเล็กน้อย”

ไป๋เฉินมองเขาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

ผู้อาวุโสซุนกลับมาเพียงคนเดียว!

“ผู้อาวุโสซุน…ฉู่หลิวเย่…กู้หมิงจู…”

ผู้อาวุโสซุนส่ายหน้าอย่างเหนื่อยล้า พลางถอนหายใจยาวๆ

“เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ จึงไปช่วยพวกนางไม่ทัน…พวกนางถูกดูดเข้าไปในกระบวนการสังหารของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา…”

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากผู้อาวุโสซุน ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียงัน

ในเมื่อผู้อาวุโสซุนพูดเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้น การตายของทั้งสอง อาจจะเป็นเรื่องจริง

ตกอยู่ในเงื้อมมือของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา พวกนางจะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร?

มู่หงอวี๋ลุกขึ้นยืนทันที “ข้าไม่เชื่อ! หากมีชีวิตอยู่ก็ต้องเห็นคน หากตายแล้วก็ต้องเห็นศพ! ข้าจะไปหานาง!”

ครั้นเมื่อพูดจบ นางจึงสาวเท้าเก้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ทว่านางกลับเดินได้เพียงแค่สองก้าว ดวงตาของนางก็มืดสนิทและเป็นลมล้มพับไป

อาจารย์ท่านหนึ่งที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปตรวจสอบทันที “ อาการบาดเจ็บของนางทั้งภายนอกและภายในหนักมาก อีกทั้งยังเสียเลือดมาก สามารถประคับประคองได้จนถึงตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก นางจึงเป็นลมหมดสติไป ผู้อาวุโสซุนไม่ต้องเป็นกังวล เพียงแค่ให้ยากับนางสักหน่อย พักผ่อนให้มาก นางก็จะดีขึ้น”

ผู้อาวุโสซุนพยักหน้า แต่เขากลับยังมีท่าทีมึนงง

เขายังคงโทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยชีวิตทั้งสองไว้ได้

“…ก่อนออกมา ข้าควรตรวจสอบให้ชัดเจน…”

ถ้าหากเขาทำความเข้าใจอีกนิด และสังเกตว่าสถานการณ์ในบรรพตวั่นหลิงเปลี่ยนไป เขาจะไม่พาลูกศิษย์จำนวนมากมาที่นี่อย่างแน่นอน และจะไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเช่นนี้

เป็นการล่าสัตว์ที่น่าสลดใจที่สุดของสำนักเทียนลู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!

“ผู้อาวุโสซุน ท่านอย่าโทษตัวเองจนเกินไป เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดคิด ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรกับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา ครั้งนี้มันสิ้นสติไปเสียแล้ว…”

ไป๋เฉินพูดปลอบใจ ทว่าเขากลับอดที่จะเสียใจไม่ได้

เขาดูแลฉู่หลิวเยว่อย่างดีมาตลอด และเขายังรับผิดชอบในการสอบเข้าเรียนครั้งแรกของนาง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่อาจารย์ของนาง แต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นห่วงนางมากเช่นกัน

แต่คิดไม่ถึง…

“ผู้อาวุโสซุน ขณะนี้บรรพตวั่นหลิงอยู่ในความวุ่นวาย พวกเรารีบกลับโรงเรียนกันเถิด!”

ในที่สุดอาจารย์ท่านหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

ทำไมผู้อาวุโสซุนจะไม่รู้ว่าเวลานี้ควรทำอะไร?

กระนั้น…

เขาจะกลับไปรายงานกับอาจารย์ว่าอย่างไร?

แม้จะเป็นเพียงความเห็นแก่ตัว แต่เขาก็ไม่อยากเห็นฉู่หลิวเยว่ตายที่นี่

หลังจากที่เงียบไปสักพัก เขาจึงหลับตาลงแล้วพูดว่า “ประกาศ ทุกคนกลับโรงเรียนเทียนลู่ทันที!”

เหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ต่างทยอยออกไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่เฉินหู่และมู่หงอวี๋ก็ถูกพาตัวไปทั้งๆที่หมดสติ

ทุกคนค่อยๆจากไป

ซือถิงเดินไปหาผู้อาวุโสซุน และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามออกมาว่า “ท่านอาจารย์ สิ่งที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”

ผู้อาวุโสซุนมองเขาด้วยแววตาที่ซับซ้อน

อันที่จริงเขามองเห็นจิตใจของซือถิงอย่างชัดเจน

ทว่า…

เขากับถอนหายใจยาวๆ พลางตบไหล่ซือถิงเบาๆ

แสงสว่างสุดท้ายในแววตาของซือถิงค่อยๆหรี่ลง

“กู้หมิงเฟิง ไปกันเถอะ”

อาจารย์ท่านนึงเห็นกู้หมิงเฟิงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนจึงเอ่ยปากพูด

กู้หมิงเฟิงมองลึกเข้าไปยังภูเขาลูกนั้น

ยอดเขาสูงที่เคยตั้งตระหง่านได้หายไป ถึงแม้จะยืนอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนว่าเขายังคงรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่รุนแรงเมื่อภูเขาถล่มลงมา

พวกเขาตกลงกันว่าจะมาเจอกันด้านนอกภูเขา ทว่ายามนี้ แม้แต่ภูเขาก็ไม่มีแล้ว

บางทีในชีวิตนี้ เขาอาจจะไม่ได้เห็นดวงตาที่ใสสะอาดและเต็มไปด้วยความเชื่อใจอีกต่อไปแล้ว

อาจารย์ท่านนั้นเดินมาหาเขา “อาจารย์รู้ว่าเจ้าเสียใจที่ท่านพี่ของเจ้าประสบอุบัติเหตุ แต่เรื่องนี้จบลงแล้ว…”

กู้หมิงเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหันหลังกลับไปพร้อมอาจารย์

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าร่างของทุกๆคนก็ค่อยๆหายไปในที่สุด

มีเพียงภูเขาและป่าทึบเท่านั้น ที่เงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจภายใต้แสงอาทิตย์ที่สะท้อนเข้ามา

ลำธารเล็กๆ แผ่ขยายจาภูเขาไหลลงสู่เบื้องล่าง เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องตกกระทบน้ำทำให้เกิดแสงระยิบระยับ

ลำธารดูเหมือนจะถูกย้อมเป็นสีแดงเล็กน้อย ซึ่งดูสวยงามเป็นพิเศษ

จากนั้นสีแดงก็ค่อยๆเข้มขึ้น จนเกือบจะกลายเป็นแม่น้ำสีเลือด!

ทันใดนั้นศพสัตว์อสูรเนตรทองหนึ่งตนปรากฏขึ้น