เซียวเฉิงซานก็ตกใจ จึงกล่าวยืนยัน “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหลัวไห่ตี้ไปที่ไหนแล้ว เขาไม่ใช่เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบเสียหน่อย ขาก็อยู่บนตัวเขา เขาจะไปไหนเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย! “
เซียวจิ้งยี่กุมไม้เท้า โมโหที่เขาเป็นคนไม่ได้ความ “ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามพี่น้องสกุลหลัวเข้ามาในหมู่บ้านสกุลเซียว เจ้ารู้ทั้งรู้ยังทำเป็นหูทวนลม ตอนนี้คนหายไปจากบ้านของเจ้า หากหาคนไม่พบ ต่อให้เจ้ามีปากอีกกี่ปากก็ไม่อาจแก้ตัวได้! “
เซียวเฉิงซานเห็นว่าหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่แค่ขู่เท่านั้น ก็ลุกลี้ลุกลนทันที “หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ หลัวไห่ตี้ยืนกรานจะมาบ้านข้าให้ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย! “
หลัวไห่เทียนหัวเราะอย่างเย็นเยียบ “บ้านเจ้ามีสุราหมักชั้นเลิศหรือมีอาหารโอชารสกัน? น้องชายข้ายืนกรานจะมาบ้านเจ้าเอง เจ้ายังมียางอายบ้างหรือไม่? “
“ข้าจะหลอกเจ้าทำไม น้องชายเจ้ายืนกรานจะมาบ้านข้าเองจริงๆ ! ” เซียวเฉิงซานพูดความจริงออกมา “เพราะหลัวไห่ตี้หมายตาภรรยาเซียวยวี่ บอกว่าจะขึ้นเตียงภรรยาเซียวยวี่ แต่ก็กลัวท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะไล่เขาไป ดังนั้นจึงขอร้องให้ข้ารับเขาให้อยู่ด้วย! ”
เสียง “ตึง” ดังขึ้น กลุ่มคนกระจัดกระจาย
เซียวจิ้งยี่ปาไม้เท้าออกไป ฟาดใส่ตัวเซียวเฉิงซาน “เซียวเฉิงซาน เจ้าคนเหลือขอ เจ้าพูดอีกครั้ง หลัวไห่ตี้มาทำอะไรที่หมู่บ้านสกุลเซียว! ”
เซียวจิ้งยี่เคยเรียนหนังสือมาบ้าง เขาภาคภูมิใจมาตลอดที่ตัวเองเป็นคนเรียนหนังสือ ดังนั้นตอนเอ่ยวาจาจึงค่อนข้างสุภาพ ครั้งนี้เขาตกตะลึงเพราะวาจาของเซียวเฉิงซาน จะยังสุภาพอยู่ได้อย่างไร จึงด่าเซียวเฉิงซานเป็นคนเหลือขอทันที!
เซียวจิ้งยี่ปาไม้เท้าใส่ตัวเซียวเฉิงซาน ฟาดจนเซียวเฉิงซานโอดโอย แต่กลับไม่กล้าโวยวายเสียงดัง หากเป็นคนอื่นเขาต้องโต้ตอบแน่! แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เซียวเฉิงซานยังรู้จักเลือกปฏิบัติ
“เจ้าคนน่ารังเกียจยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน! ” เซียวจิ้งยี่ชี้จมูกเซียวเฉิงซานพร้อมด่าว่าเขาเทียบสัตว์เดรัจฉานไม่ได้ “พวกเจ้า พวกเจ้าไม่ได้ข่มเหงรังแกภรรยาเซียวยวี่ใช่หรือไม่? ”
เซียวเฉิงซานจะกล้าพูดได้อย่างไรว่าพวกเขาเคยไปมาแล้วหนหนึ่ง เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองโดนตีไม่ใช่หรือ
จึงรีบกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้าน เปล่า เปล่า เปล่า พวกเราก็กล้าเพียงแค่พูดเท่านั้น จะกล้าทำจริงได้อย่างไร! ”
พอได้ยินว่าไม่ได้ทำอะไรภรรยาเซียวยวี่ เพลิงโทสะของเซียวจิ้งยี่จึงเบาลงบ้าง หันขวับไปจ้องหลัวไห่เทียนด้วยแววตาดุดัน “พี่น้องของเจ้าคิดว่าคนหมู่บ้านสกุลเซียวโดนรังแกได้ง่ายๆ สินะ ถึงขั้นคิดจะมาข่มเหงรังแกคนหมู่บ้านสกุลเซียวของเรา เขามีมือมีเท้า ไปที่ไหน เกี่ยวอะไรกับหมู่บ้านสกุลเซียวของเราด้วย! ”
หลัวไห่เทียนได้ฟังดังนั้น นึกว่าเซียวจิ้งยี่ไม่สนใจน้องชายตนเองแล้ว กำลังจะกล่าวอะไร ก็ได้ยินเซียวจิ้งยี่โบกมือทีหนึ่งพร้อมกล่าว “ไปค้นหาโดยละเอียด หาตัวเจ้าสารเลวหลัวไห่ตี้ให้พบ หลังจากหาตัวพบ ก็มัดตัวส่งไปที่หมู่บ้านสกุลหลัว! ”
เซียวจิ้งยี่จ้องหลัวไห่เทียนด้วยอารมณ์โมโหเกรี้ยวกราด “ในเมื่อพวกเจ้าสองพี่น้องสกุลหลัวทำหูทวนลมใส่วาจาของตาแก่อย่างข้า เช่นนั้นพวกเราก็จะไปหมู่บ้านสกุลหลัว ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านสกุลหลัวของพวกเจ้าให้ช่วยตัดสิน คนหมู่บ้านสกุลเซียวของพวกเรา ให้หมู่บ้านสกุลหลัวของพวกเจ้าสามารถข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบตั้งแต่เมื่อใดกัน! ”
หากไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน ย่อมต้องถูกขังในศาลบรรพชนสองวันแน่ หลัวไห่เทียนไม่พอใจแต่ไม่กล้าปริปาก เวลานี้การตามหาน้องชายถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขอเพียงน้องชายปลอดภัยดี เช่นนั้นก็ช่างเถอะ
เซียวจิ้งยี่พาบุรุษสิบกว่าคนในหมู่บ้านออกตามหาในหมู่บ้านสกุลเซียวโดยละเอียด ด้วยเกรงว่าหลัวไห่ตี้จะหลบซ่อนอยู่ในซอกมุมไหน รอจังหวะหาโอกาสออกมาก่อเรื่อง หาในหมู่บ้านเสร็จ จึงไปตามหาในผืนป่าหลังหมู่บ้าน
ค้นหาอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็พบหลัวไห่ตี้ที่หิวจนใกล้หมดสติอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่ถูกปิดปากทางเข้าถ้ำไว้
ถูกมัดไว้สามวัน หิวมาสามวัน หลัวไห่ตี้ยังถูกมัดแขนขาไว้ นอนอยู่บนพื้นโอดโอยพลางทอดถอนใจ
หินก้อนใหญ่ถูกยกออก ภายในถ้ำมืดมิดมีแสงสว่างลอดเข้ามา หลัวไห่ตี้ตะโกนด้วยน้ำเสียงอู้อี้
ด้านนอกมีคนตะโกนเสียงดัง “หลัวไห่ตี้อยู่ในนี้! “
เมื่อนำตัวหลัวไห่ตี้ออกมา หลังจากป้อนน้ำและอาหารแล้ว สภาพร่างกายของหลัวไห่ตี้จึงค่อยๆ ฟื้นกลับมา คนที่อยู่ในถ้ำนำของสิ่งหนึ่งออกมาให้เซียวจิ้งยี่ดู
นั่นคือผ้าเก่าที่ถูกกระชากจนขาด
หลัวไห่เทียนหันขวับไปมองบนตัวเซียวเฉิงซานด้วยสายตาแหลมคม และแล้ว ก็เห็นว่าตรงชายเสื้อมีรอยขาดไปมุมหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าถูกกระชากจนขาด
“เจ้ายังจะบอกว่าไม่ใช่เจ้าอีก! ” หลัวไห่เทียนเดินขึ้นหน้า ปล่อยหมัดใส่เซียวเฉิงซานจนวิงเวียนศีรษะ
ผ้าขาดนั่นมาจากเสื้อบนตัวเซียวเฉิงซานจริง ต่อให้มีปากอีกกี่ปากก็ไม่อาจแก้ตัวได้
เซียวจิ้งยี่ทำสีหน้าถมึงทึง ขมวดคิ้วเป็นปมไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
เรื่องนี้คนหมู่บ้านสกุลเซียวเป็นฝ่ายผิด ไม่ง่ายเลยกว่าหลัวไห่ตี้จะฟื้นพลังกลับมาได้บ้าง พอได้ยินว่าเซียวเฉิงซานจับตัวเองมัดไว้ ก็โมโหจนเดินขึ้นหน้าไปเตะสองที “สารเลว ข้าพาเจ้าไปกินเนื้อ เจ้ากลับทำกับข้าเช่นนี้! “
เซียวเฉิงซานถูกตีก็คิดจะโต้ตอบ “เจ้าน่ะสิสารเลว เจ้าล่วงเกินใครเข้าถึงถูกจับขัง เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย! “
ทั้งสองคนลงไม้ลงมือกันเหมือนสุนัขกัดกันก็มิปาน
ถึงอย่างไรหลัวไห่ตี้ก็เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา เหนื่อยจนไม่มีแรงแม้แต่น้อย เพียงครู่เดียวเซียวเฉิงซานก็ได้เปรียบ หลัวไห่เทียนเห็นน้องชายของตนเองเสียเปรียบ จึงพุ่งพรวดเข้าไป จับเซียวเฉิงซานได้ก็ซ้อมทันที
ผ่านไปไม่นาน บนใบหน้าทั้งสามคนต่างมีสีสันดูไม่จืด ขาของเซียวเฉิงซานถูกหลัวไห่เทียนตีจนหัก หนังศีรษะของหลัวไห่ตี้ก็โดนเซียวเฉิงซานกระชากออกไปจุดหนึ่ง เผยให้เห็นหนังชั้นในสีแดงสด
เซียวจิ้งยี่มองอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา อย่างไรเสียก็ล้วนไม่ใช่คนดี ปล่อยให้พวกเขากัดกันเองเหมือนสุนัข
เมื่อเห็นพวกเขาตีจนพอแล้ว เซียวจิ้งยี่จึงให้คนแยกพวกเขาออกจากกัน
พาตัวทั้งสามคนไปยังหมู่บ้านสกุลหลัวอย่างเอิกเกริก
หัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านสกุลหลัวอายุไล่เลี่ยกับเซียวจิ้งยี่ ต่างก็เป็นคนที่เกลียดชังความชั่วร้าย เมื่อได้ยินว่าคนของตัวเองไปยังหมู่บ้านสกุลเซียว ก็แสดงท่าทีว่าต่อไปจะควบคุมดูแลสองพี่น้องหลัวไห่เทียนให้ดี
หลัวไห่เทียนถูกขังในศาลบรรพชนหนึ่งวัน หลัวไห่ตี้โดนขังสามวัน ถือว่าลงโทษสถานเบา หากต่อไปกล้าออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีก จะโดนขับไล่ออกจากหมู่บ้านสกุลหลัว
เซียวจิ้งยี่เห็นดังนั้นจึงกลับไปด้วยความพึงพอใจ เจ้าเซียวเฉิงซานผู้นี้ก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากนัก ขาถูกตีจนหัก อย่างน้อยก็ลงจากเตียงไม่ได้ไปอีกสามเดือนกว่า เซียวจิ้งยี่ตักเตือนเขา “หากเจ้ากล้าคิดมิดีมิร้ายต่อภรรยาเซียวยวี่อีก ข้าก็จะไล่เจ้าออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวเสีย”
เซียวเฉิงซานรู้สึกถูกปรักปรำอย่างหนัก “หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่เกี่ยวกับข้าจริงๆ หลัวไห่ตี้คิดอยากข่มเหงรังแกภรรยาเซียวยวี่ ข้าเพียงแค่… เพียงแค่อำนวยความสะดวกให้เขาเล็กน้อยเท่านั้น! ”
เซียวจิ้งยี่โมโหถึงขีดสุด “หากเจ้ายังคลุกคลีกับเขา คิดเรื่องสกปรกโสมมอะไรออกมาอีก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! ”
เซียวเฉิงซานรีบพยักหน้า “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านวางใจได้ ต่อไปข้าไม่กล้าคลุกคลีกับเขาอีกแล้ว”
ทั้งสองคนหักหน้ากันแล้ว คาดว่าต่อไปคงไม่เที่ยวเล่นด้วยกันอีก
เมื่อเห็นขาของตัวเองที่ถูกหลัวไห่เทียนตีจนหัก เซียวเฉิงซานยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่ได้เป็นคนจับหลัวไห่ตี้ขังไว้จริงๆ อยู่ๆ ข้าจะขังเขาไว้ทำไมกัน! ”
เมื่อเซียวจิ้งยี่เห็นว่าเขาไม่รู้จักสำนักผิด “ยังอยากโดนตีอีกใช่หรือไม่? หากเจ้าไม่ใช่คนจับขังหรือข้าจะเป็นคนจับขังกัน? ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่เกี่ยวกับข้าเลยจริงๆ ข้านึกว่าเขากลับบ้านไปแล้ว ใครจะรู้ว่าสร้อยคอของเขาจะหล่นอยู่ที่บ้านข้า แล้วเสื้อของข้าโดนฉีกขาดได้อย่างไร เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ ! ”
เขาเกรงว่าเซียวจิ้งยี่จะไม่เชื่อเขา จึงสาบานด้วยวาจาหนักแน่น “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ากล้าสาบานด้วยบรรพบุรุษแปดรุ่นของข้า หากข้าจับหลัวไห่ตี้ไปขัง ก็ขอให้ข้าไร้ทายาท”
เซียวจิ้งยี่ถลึงตาพลางกล่าว “ไม่ใช่เจ้าจะเป็นใคร? นอกจากเจ้ายังมีใครรู้ว่าหลัวไห่ตี้มาหมู่บ้านสกุลเซียวอีก? ”
มีคนรู้จริงๆ ภรรยาเซียวยวี่ก็รู้!
เซียวเฉิงซานบุ้ยปากทีหนึ่ง กำลังคิดจะบอกว่าภรรยาเซียวยวี่ก็รู้เหมือนกัน
เซียวจิ้งยี่ถลึงตามองด้วยความไม่พอใจ “เจ้าคิดจะพูดอะไร? ”
เซียวเฉิงซานรีบหยุดปาก “เปล่า เปล่า ไม่ได้คิดจะพูดอะไร! ”
หากบอกว่าภรรยาเซียวยวี่รู้ เช่นนั้นก็เท่ากับบอกเซียวจิ้งยี่ว่าตัวเองกับหลัวไห่ตี้เคยไปหาเรื่องภรรยาเซียวยวี่ไม่ใช่หรือ? เซียวเฉิงซานไม่ใช่คนโง่เขลา ได้แต่ปิดปากเงียบ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ทว่า เขายังรู้สึกประหลาดใจนัก
เหตุใดหลัวไห่ตี้จึงถูกคนจับไปขังในถ้ำภูเขากัน?
ตัวเขาก็ไม่เล็ก หากเป็นภรรยาเซียวยวี่จริง ภรรยาเซียวยวี่ร่างเล็กขนาดนั้น จะเคลื่อนย้ายหลัวไห่ตี้ไหวได้อย่างไร?
คิดดูก็ไม่น่าเป็นไปได้
แต่หากไม่ใช่ภรรยาเซียวยวี่ จะมีใครรู้อีกว่าหลัวไห่ตี้มาหมู่บ้านสกุลเซียว? ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่มีความโกรธแค้นกับใครในหมู่บ้าน แล้วใครจะจับเขาไปขังกัน?
เซียวจิ้งยี่ตักเตือนเซียวเฉิงซานด้วยท่าทีจริงจัง สั่งสอนว่ากล่าวต่อหน้า เมื่อเห็นเขาสาบานว่าต่อไปจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีก จึงจากไป
หลังเขาออกจากบ้านเซียวเฉิงซาน ไม่ได้กลับไปทันที แต่ไปบ้านเซียวยวี่
เซี่ยยวี่หลัวอยู่บ้าน เมื่อเห็นเซียวจิ้งยี่มา ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
เมื่อครู่มีชาวบ้านสิบกว่าคนตามหาคนในหมู่บ้านอย่างครึกโครม เซี่ยยวี่หลัวรู้นานแล้ว
คาดว่าเซียวเฉิงซานคงเปิดเผยเรื่องที่คิดจะมาหาเรื่องนางออกมาแล้ว ทว่า น่าจะไม่ได้บอกว่าพวกเขาเคยมา หากพูดออกมา เกรงว่าเซียวจิ้งยี่คงไม่ปล่อยเซียวเฉิงซานไป
เซียวเฉิงซานไม่ใช่คนโง่เขลา หลัวไห่ตี้ก็ไม่ใช่คนโง่!
พวกเขาสองคนไม่มีทางโง่ถึงขั้นพูดเรื่องในคืนนั้นออกมาเอง
ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวไม่เกรงกลัวอะไร อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของนางบ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียท่าให้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย แต่หากสามารถสั่งสอนนักเลงหัวไม้สองคนนั้นให้หนักได้สักหน เซี่ยยวี่หลัวก็ยินดีจะทำเช่นนั้น!