บทที่ 125 ร่างที่ไร้พลังชีวิต[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 125 ร่างที่ไร้พลังชีวิต[รีไรท์]

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็ตะลึง อะไรกันแน่ที่ฆ่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนนี้กันแน่

จงเหยียนก็เห็นเหตุการณ์นี้เหมือนกัน เธอรู้สึกกลัวและเสียขวัญ ถ้าเธอต้องไปต่อสู้กับกระต่ายหยกคนนั้น เธออาจจะตายโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำเพราะพลังปริศนานั้น

ตู้ม!

จงเหยียนกระอักเลือดออกมาก่อนที่ร่างจะลอยออกไปไกล ขณะที่เธอเสียสมาธิก็ถูกมังกรเขียวซัดกระเด็นทันที

“ตายไปซะ!”

มังกรเขียวรีบพุ่งตัวตามมาซ้ำหวังจะปิดฉากการต่อสู้ครั้งนี้

สีหน้าของจงเหยียนซีดทันที เธอรีบตะโกนออกมาด้วยความกลัวออกไป “ผู้เฒ่าราชาปีศาจ….ช่วยฉันด้วย…”

“ตายซะ!”

ฉู่ชวิ๋นจะปล่อยให้เขาไปช่วยจงเหยียนได้ยังไง เขาสังหารผู้เฒ่าราชาปีศาจด้วยกระบี่ของเขาทันที

ราชาปีศาจคำรามออกมา แขนของเขาเป็นเหมือนกับทองคำสีดำทมิฬ และมันยาวกว่าของคนทั่วไปมาก มีลมปราณดำลอยฟุ้งอยู่รอบแขน

ปัง! ปัง!

เสียงระเบิดโลหะดังขึ้นหลายครั้ง ไอกระบี่ดุดันถูกโจมตีทีละอัน

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเปล่งประกายสีทองราวกับเปลวไฟ เมื่อเขาขยับแสงทองคำ 2 สายก็ถูกลากเป็นเส้นยาวราวกับเปลวเพลิง กระบี่ไม้ในมือของเขาแหวกอากาศสร้างตัวออกมาเป็นคลื่นพลังพร้อมส่องแสงออกมาเหมือนกับทองคำบริสุทธิ์

ฟิ้วว!

คลื่นกระบี่ถูกปลดปล่อยออกมาและกระบี่ไม้ตอนนี้กำลังชี้ขึ้นไปบนฟ้า พร้อมฟันลงมาตามแนวอย่างรุนแรง

คลื่น!

เสียงคำรามดังก้องสั่นสะท้านท้องฟ้า เงากระบี่สีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ความยาวของมันเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ซึ่งมีความยาวกว่า 10 ฟุต ก่อนที่จะฟาดฟันลงมา

ทุกคนที่อยู่ในแถวนั้นต่างก็รู้สึกหวาดกลัวกับพลังของมัน แม้แต่ทหารที่อยู่ห่างออกไปกว่า 5 ไมล์ ก็ยังตกตะลึง มองเงากระบี่ยักษ์สีทองค้างอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน

ผู้เฒ่าราชาปีศาจกรีดร้องออกมา ลมปราณดำที่ไหลเวียนอยู่รอบกายสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังคงถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ เป็นวงกว้างกว่า 5 เมตร ทำให้พืชพันธุ์รอบ ๆ แห้งกรอบไร้ซึ่งชีวิตชีวา ลมปราณดำควบแน่นกลายเป็นมือใหญ่ยักษ์รับกระบี่ทองขนาดยักษ์นั้นเอาไว้

“รีบหนี เร็ว!”

ใคร ๆ ก็เห็นว่าฉากการปะทะแห่งหายนะนี้รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ มังกรเขียวขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปมก่อนที่จะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง เขาล้มเลิกความคิดที่จะจบเรื่องกับจงเหยียนและรีบไปพาพวกพ้องที่บาดเจ็บอพยพหลบหนีออกมา

ทุกคนต่างก็วิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าลืมความเจ็บปวดหรือบาดแผลของตัวเองไปจนหมด

ในที่สุดมือยักษ์นั้นก็จับเงากระบี่สีทองเอาไว้ได้

ไม่มีการระเบิดหรือการปะทะเกิดขึ้น มีแต่ความเงียบงัน

“วิ่ง…!”

สีหน้าของมังกรเขียวเปลี่ยนไปทันที มันเต็มไปด้วยความสยดสยอง เขาตะโกนจนเสียงแหบแห้ง

ตู้มมมม!!!

จุดแสงสีทองปรากฏขึ้นกลางเวหา ก่อนที่จะขยายออกอย่างรวดเร็วและเกิดการระเบิดขึ้น! พลังทำลายล้างอันมหาศาลขยายเป็นวงกว้าง ภูเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเริ่มถล่มลงมา ทุกอย่างที่ถูกคลื่นแสงกลืนกินไปนั้นกลายเป็นผงไปภายในเสี้ยววินาที!

“อ๊าาาา…”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นแล้วหยุดไป จงเหยียนที่พยายามวิ่งหลบไปที่ผู้เฒ่าราชาปีศาจเพื่อขอความคุ้มครองนั้นบอบบางราวกับแก้ว ถูกคลื่นพลังนั้นซัดเข้าไปเต็ม ๆ และระเบิดออกเป็นสายฝนเลือดและในที่สุดก็ระเหยหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ฉู่ชวิ๋นกับผู้เฒ่าราชาปีศาจไม่ได้หนีไปไหน และถูกคลื่นของการปะทะครั้งนี้กลืนกินเข้าไป

คลื่นสีทองยังคงแพร่กระจายออกไปก่อนที่จะกระแทกกับสันเขาและเกิดการระเบิดขึ้น ต้นไม้เก่าแก่บริเวณนั้นแตกกระจาย ก้อนหินน้อยใหญ่ก็ถล่มลงมาเหมือนกับยอดเขาโดนฟ้าผ่าแล้วหินถล่มอย่างไรอย่างนั้น

ห่างออกไปกว่าครึ่งกิโล มังกรเขียวและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง เหล่าทหารและเด็ก ๆ นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น การวิ่งหนีตายกว่า 200 เมตร ทำให้พวกเขาหมดแรงไปตาม ๆ กัน

“เฮ้ย! หนะ…หนีต่อ เร็ว!”

ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างไม่เป็นภาษา

ทุกคนมองไปทางเดียวกับที่ทหารคนนั้นหันไป วิญญาณของพวกแทบจะหลุดออกจากร่าง หินยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกลิ้งลงมาในจุดที่พวกเขากำลังนั่งพักกันอยู่

หินยักษ์กลิ้งลงมาด้วยความเร็วสูง ดินถล่มลงมาเป็นคลื่นยักษ์ท่าทางน่าสะพรึงกลัว ถ้าโดนเข้าให้จะต้องเละกลายเป็นเม็ดทรายแน่ ๆ

“ทุกคนรีบมารวมกันเร็ว…!” กระต่ายหยกตะโกน

ในเวลานี้ใครจะไปสนใจได้ว่าใครคือสาวสวยคนนี้กัน ปกติคนเหล่านี้มักจะดูถูกโลลิที่ดูไร้เดียงสาและหน้าอกใหญ่ แต่ในเวลานี้ชีวิตของพวกเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ซึ่งพอได้ยินเสียงของกระต่ายหยกก็รีบลุกขึ้นทันที

พื้นสั่นสะเทือนอย่างแรงเพราะการกระแทกของหินยักษ์ ทุกคนต่างหวาดกลัวจนสีหน้าซีดเผือดไร้เลือด

กระต่ายหยกถอดแหวนออกและโยนแหวนลงไปกลางกลุ่มคนอย่างฉับพลัน

ฮึ่ม!

แสงสีขาวแพร่กระจายออกมาเหมือนกับม่านพลังอันงดงามทันที

จังหวะเดียวกันนั้น เบื้องหน้าของทุกคนก็คือหินยักษ์ที่พุ่งมาด้วยความเร็วราวกระสุนปืนใหญ่

ทุกคนต่างตัวสั่นและหลับตาปี๋ บ้างก็ยอมรับชะตากรรมแล้วว่าพวกเขาต้องมาตายที่นี่อย่างแน่นอน

ตู้ม!

เมื่อหินปะทะกับม่านพลังก็เกิดแสงหลากสีสันขึ้นบนม่านพลังทำให้หินยักษ์ก้อนแรกที่พุ่งเข้ามาแตกกระจายราวกับปะทะเข้ากับของที่แข็งกว่า

กรุ๊ก ๆๆๆ

เสียงของหินน้อยใหญ่กระแทกกับม่านพลังอย่างต่อเนื่องราวกับการโจมตีของแรดที่โกรธเกรี้ยว

ตู้ม!

หินมากมายยังคงพุ่งเข้าสู่ม่านพลังและเสียงนั้นเหมือนกับฟ้าผ่ากลางพายุฝน

“ป้องกันได้ด้วย!?” ทหารคนหนึ่งรวบรวมความกล้าลืมตาขึ้นมาดู ก่อนที่จะตะโกนออกมาเสียงดัง เขาเห็นหินน้อยใหญ่กระเด็นออกไปตาม ๆ กัน

เมื่อรู้ว่าไม่เป็นอันตรายแล้ว เหล่าทหารก็เริ่มตรวจดูสภาพรอบ ๆ กำแพงม่านพลังอย่างสนอกสนใจ แม้แต่พวกเด็ก ๆ ก็ยังมองไปยังก้อนหินที่ตกลงมากระแทกม่านพลังแล้วแหลกสลายไปอย่างใจจดใจจ่อ

มังกรเขียวมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีก้อนหินไม่กี่ก้อนเท่านั้นที่ไม่กระแทกกับจุดที่พวกเขาอยู่ ถ้าไม่มีกำแพงแสงอันนี้พวกเขาต้องตายหมดแล้วอย่างแน่นอน

“นี่อะไรเหรอกระต่ายหยก?” มังกรเขียวถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว กระต่ายหยกเองก็อยู่กับพวกเขามาตลอดทั้งวัน เธอไปเอาเจ้าสิ่งนี้มาจากไหน?

เมื่อมังกรเขียวถาม สมาชิกกลุ่มของเขาก็เริ่มหูผึ่งอยากรู้อยากเห็นทันที

“มันคือค่ายกลป้องกันที่ผู้อาวุโสให้ฉันมาน่ะ” กระต่ายหยกไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากอธิบายนัก เธอไม่ได้มีความสุขกับการที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากเกือบตายเท่าไหร่ พวกเขาก็เริ่มมองไปยังจุดเริ่มต้นของการระเบิด ทุกอย่างที่อยู่ในขอบเขตของคลื่นพลังสีทองนั้น ไม่เหลือชิ้นดีเลยแม้แต่น้อย ฉู่ชวิ๋นเองก็น่าจะยังอยู่ตรงนั้น เมื่อพวกเขาวิ่งหนี ไม่มีใครสังเกตเห็นชายที่ต่อสู้เพื่อพวกเขาอย่างสิ้นหวังเลย

มังกรเขียวและคนอื่น ๆ อ้าปากค้างเพราะพลังการทำลายล้างนี้มันสูงพอ ๆ กับอาวุธอย่างขีปนาวุธ ซึ่งไม่คิดเลยว่าจะมาจากฝีมือของฉู่ชวิ๋น

“น้องต่าย ขอดูใกล้ ๆ หน่อยได้ไหม?” ชายร่างอ้วนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างเขินอาย

กระต่ายหยกถอดกำไลหยกให้เขาพร้อมกับพูดออกมาว่า “นี้คืออาวุธนะ”

ชายร่างอ้วนคนนี้เฝ้าดูมานานแล้ว เขาเคยเห็นสิ่งนี้เมื่อเขาได้รับคำสั่งให้ไปเอาสูตรน้ำยาเทวะ เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ ก็ทำอะไรไม่ถูก พวกซ่อนตัวอยู่ในวงกลมและในที่สุดเขาก็ถูกโม่ซิงเหอจับตัวไปอยู่ภายในวงกลมนั้น

ทุกคนเริ่มมามุงดูกำไลที่ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ มันดูเหมือนกำไรหยกธรรมดา ๆ ทุกอย่าง เว้นแต่หยกที่ทำนั้นเป็นหยกระดับสูงที่หาได้ยาก อย่างไรก็ตามทุกคนก็ยังคงตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“หยุดแล้ว!” มีใครบางคนตะโกนขึ้น

ตอนนี้หินถล่มก็หยุดลงแล้ว

กระต่ายหยกถอยตัวออกมา ปิดม่านพลังที่สร้างโดยหยกลงและใส่แหวนดังเดิม สมาชิกคนอื่น ๆ ที่ดูอยู่ต่างพากันอิจฉา

ตอนนี้รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยก้อนกรวดที่กองกันสูงกว่า 2 เมตร

เมื่อมองขึ้นไปข้างบน ตึกที่สร้างอย่างซับซ้อนของสำนักราชาปีศาจตอนนี้กลับกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว ต้นไม้ดอกไม้ไม่เหลือเลยแม้แต่ต้นเดียว กลายเป็นเขตแดนอ้างว้างไปโดยปริยาย

กระต่ายหยกวิ่งเข้าไปยังลานกว้างนั้นทันที

มังกรเขียวนำทางนักรบเสือที่บาดเจ็บ และเด็ก ๆ ออกไปจากที่แห่งนี้และคนอื่น ๆ ก็ให้ดูสถานการณ์เอาไว้ก่อน

ทั้งชายอ้วน หนู คนอื่น ๆ กับทหารอีกกว่า 20 คนก็อาสาที่จะตามหาตัวฉู่ชวิ๋นต่อที่นี่

แรงระเบิดนั้นน่ากลัวมาก พลังทำลายล้างนั้นพอ ๆ กับหัวรบนิวเคลียร์ไม่ก็ระเบิดไฮโดรเจนดี ๆ นี่เอง แม้ว่าเขาจะมีพลังมากมายขนาดไหนแต่ ฉู่ชวิ๋นเองก็หายไปกับคลื่นสีอำพันนั้นเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขายังรอดอยู่หรือไม่ จึงต้องจัดทีมค้นหาขึ้น

“ผู้อาวุโส…!”

กระต่ายหยกตะโกนขึ้น แต่ก็มีแต่ความเงียบสงัดตอบกลับมา

“มาตรงนี้หน่อย!” เจ้าหนูตะโกนขึ้นมา

คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามมาดู พวกเขาเห็นมือที่เป็นเหมือนกับทองคำสีดำแตกกระจายอยู่บนพื้น แน่นอนว่านั้นคือแขนของผู้เฒ่าราชาปีศาจ

“ตรงนี้ก็มี!” มีคนตะโกนขึ้นมาอีกจุดหนึ่ง

ตรงนั้นมีขาที่มีขนสีดำขลับยาวที่ใหญ่กว่าของคนทั่วไปมากอยู่ และมันพังหมดแล้วในตอนนี้

สิ่งต่อไปที่ทีมค้นหาพบก็มีตอไม้ เศษซาก และหัวของผู้เฒ่าราชาปีศาจ หัวเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดแล้วก็ว่าได้ แต่ไม่มีเนื้อมีเพียงชั้นผิวหนังบนใบหน้า ซึ่งดูเหมือนโครงกระดูก

“น่าเกลียดเป็นบ้า!”

ชายอ้วนพูดขึ้นก่อนที่จะเตะมันกระเด็นออกไป ด้วยความรู้สึกที่หายใจไม่ทั่วท้อง ทำให้กะโหลกนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปในทันที

ทุกคนรู้สึกใจแป้วแปลก ๆ กับพลังที่มากมายของผู้เฒ่าราชาปีศาจที่พวกเขาเห็นมากับตา ร่างกายที่เป็นเหมือนกับทองคำสีดำที่ไม่สามารถทำลายได้ง่าย ๆ แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพดูไม่ได้เลยแบบนี้เสียแล้ว…ส่วนฉู่ชวิ๋นนั้นทุกคนไม่อยากจะคิดเลย

แน่นอนว่าทุกคนยังคงค้นหาต่อไปและแล้วก็พบกับลำตัวของผู้เฒ่าราชาปีศาจ แต่มันไม่ได้มีสีทองแล้ว ตอนนี้มันเหมือนกับซากหนูท่อตาย มีเนื้อเน่าและของเสียไหลออกมา ดูเละเทะและสยองขวัญมาก

“ไอ้แก่เอ๊ย!”

เจ้าอ้วนรู้สึกโกรธและระบายอารมณ์โดยการเตะไปยังร่างเน่า ๆ ของผู้เฒ่าราชาปีศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนั้นจนเผลอทำเท้าของตัวเองเจ็บ และกระโดดโหย่ง ๆ กอดเท้าตัวเองไว้ในอ้อมแขนพร้อมน้ำตา

คนอื่น ๆ ก็ตกใจจนเดินหนี ส่วนมังกรเขียวก็ปล่อยหมัดออกไปที่ร่างของผู้เฒ่าราชาปีศาจจนเกิดเสียง ‘ตู้ม!’ ออกมา ทำให้ร่างของผู้เฒ่าราชาปีศาจนั้นไม่เหลือร่องรอยอยู่อีกเลย

“ไอ้ปีศาจบ้านั่น ใช้เลือดของเด็ก ๆ ในการรักษาพลังของตัวเองเอาไว้ จนร่างกายของมันแข็งแกร่งดุจทองคำ แต่ตอนนี้มันตายไปแล้ว ไร้ซึ่งพลังค้ำจุนก็ได้แค่นี้แหละ หากไม่ใช่วิทยายุทธขั้นปรมาจารย์แล้วก็ทำอะไรร่างกระดูกของผู้เฒ่าราชาปีศาจไม่ได้” มังกรเขียวกล่าว

เจ้าอ้วนที่กำลังกระโดดด้วยความเจ็บที่เท้าเบ้ปากด้วยความรู้สึกว่ามังกรเขียวกำลังพูดอวดรู้อยู่

“แล้วผู้อาวุโส….” ชายอ้วนกระซิบกับตัวเอง ก่อนที่จะส่ายหน้า “ไม่ ผู้อาวุโสเป็นถึงผู้ฝึกตนที่ไร้เทียมทาน เขาต้องไม่เป็นไร”

ทุกคนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาไม่กล้าคิดในแง่ดี แม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะเก่งกาจไร้เทียมทาน แต่ก็รู้สึกได้ว่าวิทยายุทธของเขาไม่ลึกล้ำเท่าผู้เฒ่าราชาปีศาจ แต่เขาก็ยังสามารถต่อสู้ด้วยวิชาที่แข็งแกร่งของเขาได้ ตอนนี้ผู้เฒ่าราชาปีศาจถูกฆ่าตายด้วยแสงสีทอง แล้วฉู่ชวิ๋นล่ะ…?

ทุกคนเงียบ และยังคงค้นหาอย่างเอาเป็นเอาตาย

กว่า 2 ชั่วโมงเต็ม พวกเขาเดินวนกันมาสองรอบแล้ว ไม่เห็นร่างหรือเส้นผมของฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าจะกลายเป็นผงไปแล้ว?… คำนี้ก็ปรากฏขึ้นมาในใจของพวกเขาทันที

แต่กระต่ายหยกยังไม่ยอมแพ้ เธอไปขอระดมทหารอีกกว่า 2,000 คน เข้ามาช่วยค้นหา และให้ขุดทุกจุดที่ห่างกัน 3 ฟุต แต่ก็ยังคงไม่พบอะไร

ทุกคนจึงเริ่มตัดสินว่าฉู่ชวิ๋นนั้นได้ตายไปจากโลกแล้ว

….

….

ข่าวการเสียชีวิตของฉู่ชวิ๋นถูกปล่อยออกไป

“เปิดลานกว้างบนเขา แล้วสร้างหลุมศพ!”

หัวหน้าหมายเลขหนึ่งพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า เขาสั่งให้สร้างหลุมศพที่ลานกว้างที่เกิดขึ้นจากการระเบิดให้เป็นหลุมศพของวีรบุรุษอย่างฉู่ชวิ๋น

ถางโร้วได้ยินข่าวก็เป็นลมในทันที

ตู้ม!

ประตูหินขนาดใหญ่ถูกปิดลงอย่างแรง ทุกคนมารวมตัวกันที่สวนของหลงอ๋าว เขาคำรามขึ้นไปบนฟ้าราวกับระเบิดกัมปนาท นกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ก็บินหนีไปคนละทิศคนละทาง

มังกรเขียวที่นิ่งเงียบก็นั่งคิด นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่หัวหน้าของเขาหายไปแบบนี้

และข่าวก็ยังไปถึงเมืองกู่เจียง

หลังจากที่ได้ยินข่าวนั้น ฮวาชิงหวู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอขังตัวเองไว้ในห้องกว่าสองวันโดยที่ไม่กินไม่ดื่มอะไรเลย ในวันที่สามเธอเข้าสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ และไปที่บ้านของตระกูลไป๋ ฆ่าไป๋เหรินฉงกับไป๋เหรินเจี๋ยด้วยมือของเธอเองพร้อมกับบอดี้การ์ดมากมาย ทำให้บ้านของตระกูลไป๋เต็มไปด้วยเลือด

“ถ้านายตายไปแล้วจริง ๆ ฉันจะปกป้องทุกอย่างที่นายสร้างเอาไว้เอง! ฉันจะตามหาพ่อแม่ของนายให้เจอแม้ว่าจะต้องฆ่าคนทั้งโลกก็ตาม” ฮวาชิงหวู่ตะโกนขึ้นไปบนฟ้าอันกว้างใหญ่หวังว่าเสียงนั้นจะส่งไปถึง

เฉินฮั่นหลง เจิ้งก่วงอี้ ซุนหยิง และคนอื่น ๆ วางผ้าและของรำลึกไว้บนป้ายหลุมศพของฉู่ชวิ๋น ชายทั้งสามร้องไห้เหมือนกับเด็ก 3 ขวบ

และแล้วข่าวก็ไปถึงเมืองหยุนหยาน

ฮวาเซิ่งได้สร้างสถานที่รำลึกให้กับฉู่ชวิ๋น

ทุกคนในเมืองหยุนหยานมาเพื่อนมัสการ เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับสื่อมวลชนรายงานอย่างดุเดือดและสร้างความฮือฮา

ฉู่ชวิ๋นที่จัดการกับกองพันทหารรับจ้างหมาป่าทองคำ และช่วยเหลือตัวประกันก็เป็นที่รู้จักของทุกคน และใครต่อใครก็มาสักการบูชาฉู่ชวิ๋นอย่างสมัครใจ

ราชวงศ์เอฟส่งข้อความแสดงความเสียใจมาให้รัฐบาลจีนทันที และโลเวสก็เดินทางมาที่จีนทันทีเพื่อเปิดพิธีรำลึกถึงฉู่ชวิ๋น

เป็นเวลาหลายวันที่ทหารถอดหมวกและประเทศก็ลดธงลงครึ่งเสาเพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลฉู่

พ่อแม่ของเด็ก ๆ ต่างก็เสียใจกับการจากไปของคนที่ช่วยชีวิตลูก ๆ ของเขาเอาไว้

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่เสียใจกับการจากไปของฉู่ชวิ๋น

ในคฤหาสน์แห่งหนึ่งของเมืองปักกิ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในห้องของตนทันทีที่ได้ยินข่าวการจากไปนี้

เขาเป็นคนที่ตามหาความลับของฉู่ชวิ๋นและสนใจในสาว ๆ ของฉู่ชวิ๋นนั่นเอง!