บทที่ 126 มังกรทองห้ากรงเล็บ![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 126 มังกรทองห้ากรงเล็บ![รีไรท์]

นกน้อยที่กำลังดมกลิ่นหอมของดอกไม้ ณ สะพานไม้เล็ก ๆ  และสายน้ำไหลภูเขาสูงตระหง่านสีเขียว ต้นไม้เขียวชอุ่ม หญ้าไหวเบา ๆ ตามสายลม

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ไกลจากจุดนี้มีสวนพฤกษาที่มีพืชในการทำยาอยู่มากมาย หญ้าจิตวิญญาณหรือผลไม้วิญญาณ กลิ่นของสมุนไพรนั้นทำให้จมูกโล่งและสามารถหายใจได้อย่างสดชื่น

ฉู่ชวิ๋นลืมตาขึ้นมาและจ้องไปที่สวนยาด้วยความโลภ พวกมันมีพืชที่ใช้ในการทำยาทลายพลังของเขาด้วย คุณภาพของพวกมันดีมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาดูสมุนไพรพวกนี้ เขาลืมไปได้ไงว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ?

“ตื่นมาก็อยากจะเป็นโจรเลยหรือ?” เสียงหยอกล้อดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

ฉู่ชวิ๋นตัวแข็งทื่อ มีคนเข้ามาใกล้เขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้ยังไง? เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ที่ชื่นชมสวนยานี้และหันตัวโดยพลัน

เมื่อหันกลับไปก็เห็นหน้าของชายวัยกลางคน ร่างสูง ท่าทางดูสูงส่ง สวมชุดโบราณสีม่วง กำลังมองหน้าฉู่ชวิ๋นด้วยรอยยิ้ม

“คุณเป็นใคร?”ฉู่ชวิ๋นถาม เขายังคงระวังตัวอยู่ ชายคนนี้ดูแข็งแกร่งมากและเขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน

“ฉันน่ะเหรอ?” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาสองสามก้าว จากนั้นนั่งลงบนพื้นหญ้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “เรียกฉันว่า หลงซู่ ก็ได้”

หลงซู่? หนังตาของฉู่ชวิ๋นกระตุก และปล่อยจิตวิญญาณออกไปเพื่อหาความลับของชายคนนี้

ชายวัยกลางคนมองเขาแปลก ๆ แล้วกะพริบตา

“อึ๊ก…!” ฉู่ชวิ๋นเผลอร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดและแววตาที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา จิตวิญญาณของเขาถูกอีกฝ่ายข่มกลับมา การโดนจิตวิญญาณสะท้อนกลับทำให้ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเข็มแทงที่หัวอยู่ ซึ่งความเจ็บปวดนั้นเหลือทนมาก

“คุณคือคนที่ฝึกหลงอ๋าวมาสินะ?” ทันทีที่ความเจ็บปวดหายไป เขาก็เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากจะทำร้ายเขาแต่อย่างใด ไม่งั้นเขาคงอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่านี้แล้วอย่างแน่นอน และเขายังหยาบคายอย่างมากที่สอดแนมอีกฝ่าย

ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย

ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นทันที เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเขาก็ไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้จริง ๆ อีกฝ่ายคือขั้นลมปราณก่อกำเนิดหรืออาจน่ากลัวกว่านั้น สามารถทำให้หุบเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนเพียงแค่จามได้

“เคยไปที่ทวีปซิวเซียนมาก่อนหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนถามด้วยรอยยิ้ม

ชายวัยกลางคนสุภาพกับเขามาก ฉู่ชวิ๋นที่กำลังใจลอยก็ได้สติกลับมาในขณะนี้เขาตกใจกับคลื่นที่รุนแรง เขายิ่งตะลึงกว่าเดิมอีกที่ชายคนนี้รู้ว่าเขาเองก็เป็นผู้ฝึกตนเหมือนกันเพราะเขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อน ชายคนนี้รู้เรื่องนั้นได้อย่างไร? หรือเขามีทักษะอะไรที่ดีกว่าทักษะดูดวิญญาณ?

“คุณเป็นใครกันแน่?” กลิ่นอายของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไป แม้ว่าพื้นฐานพลังของเขาจะลดลง แต่เขาก็ยังคงเป็นถึงจักรพรรดิเซียน

แน่นอนว่าการตอบกลับแบบนี้ทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจขึ้นมาเหมือนกัน เขาลุกขึ้นและพูดเบา ๆ ว่า “ฉันประเมินนายต่ำไป”

“เป็นใครกัน? ทำไมถึงรู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้า!?” แรงกดดันอันมหาศาลของจักรพรรดิเซียนถูกแผ่ออกมาทันที

เป็นผลให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับความกดดันอย่างมาก แม้ว่าพื้นฐานพลังจะสูงกว่าแต่ก็ถูกปราบปรามด้วยความกดดันของฉู่ชวิ๋น

ฝั่งฉู่ชวิ๋นเองก็ตกใจมากเกินไป จนแผ่ความกดดันของจักรพรรดิเซียนเพิ่มขึ้น

“ข้าชื่อว่าอ๋าวฮวง ใจเย็นก่อนไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น” คำพูดพวกนั้นแฝงไปด้วยพลังที่เหนือกว่าระดับคนทั่วไปมาก

ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก พื้นฐานพลังของเขายังต่ำเกินไปและเขาแพ้การต่อสู้ในแรงกดดันครั้งนี้ ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้จึงกำหมัดและพูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ถ้ามีโอกาสข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน”

อ๋าวฮวงเหล่มองและพูดออกมาว่า “ปีศาจที่นายสู้ด้วยอยู่ในภาวะก้ำกึ่งของพลัง และอยู่ขั้นปรมาจารย์ระดับ 7 พลังนายถ้าแบ่งตามพื้นฐานของที่นี่ก็ไม่เกินขั้นปรมาจารย์ระดับ 5 แต่ก็ยังกล้าที่จะสู้อย่างอาจหาญ”

ฉู่ชวิ๋นยิ้มและตอบกลับไปว่า “แต่ท้ายที่สุดผมก็ชนะ และมันก็ตาย”

อ๋าวฮวงอึ้งไป ก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ถ้าโชคชะตานับเป็นพลังด้วยแล้วล่ะก็ จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดนักหรอก!”

ฉู่ชวิ๋นยังคงยิ้มต่อไป

“ข้าเองก็มาจากทวีปซิวเซียน แผ่นดินใหญ่เหมือนกัน” ทันใดนั้นอ๋าวฮวงก็พูดขึ้นมา

ฉู่ชวิ๋นมองหน้าเขาด้วยความตกใจ

อ๋าวฮวงหัวเราะเบา ๆ และร่างทั้งร่างของเขาก็เปล่งแสงสีทองเข้มข้นออกมาราวกับว่าจะจุดประกายไฟให้กับโลก

คลื่น!

แสงสีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและอ๋าวฮวงก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรยักษ์สีทอง คร่อมอยู่บนยอดเขา ร่างของมังกรนั้นดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากรงเล็บของมังกรทองตัวนี้ เมื่อกรงเล็บนั้นสัมผัสเบา ๆ ที่ยอดเขา ทั้งยอดเขาก็ระเบิดทันที หัวของมังกรนั้นใหญ่ไม่แพ้กับหุบเขาเลยสักนิดและดวงตาขนาดเท่าโต๊ะกลมสองดวงส่องแสงจ้องมองไปที่ฉู่ชวิ๋น เต็มไปด้วยความน่ากลัวอย่างล้นหลาม

ฉู่ชวิ๋นนิ่งไปแล้ว ปากของเขาอ้ากว้างราวกับไข่ห่าน ไม่ใช่เพราะเขาอยู่หลังเขาไม่เคยเห็นโลกภายนอก แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่นึกไม่ฝันว่าบนโลกใบนี้จะมีมังกรทอง 5 กรงเล็บจริง ๆ และเป็นจักรพรรดิในหมู่ตระกูลมังกรทั้งหมด

“ไม่คุกเข่าคำนับหน่อยเหรอ ตอนที่เจอกับจักรพรรดิ?” มังกรเปิดปากขนาดใหญ่ออกและพูดเสียงดังก้องไปทั่วทุกทิศ

“ปากเหม็นจริง ๆ” ฉู่ชวิ๋นตอกกลับไปในทันที

ดวงตาของมังกรยังคงนิ่งไม่ไหวติง ก่อนที่ร่างจะจางลงและพลังลมปราณก็สั่นอย่างรุนแรง จนในที่สุดอ๋าวฮวงก็กลับสู่ร่างมนุษย์แบบเดิม

อ๋าวฮวงชี้นิ้วมายังฉู่ชวิ๋นและพูดด้วยความโกรธ “ไอ้หนุ่ม แกนี่มันเป็นเด็กชั่วร้ายจริง ๆ”

“ทุกคนก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ!” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าชายคนนี้อยากจะให้เขาคุกเข่าให้

“ไอ้หนุ่ม ไม่รู้หรอกเหรอว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน หัดเคารพกันซะบ้าง” อ๋าวฮวงพูดอย่างไม่พอใจกับนิสัยของฉู่ชวิ๋นตอนนี้เขาพูดแบบคนปกติแล้ว

“ที่นี่คือคฤหาสน์พลอยสีม่วงของคุณสินะ?” ฉู่ชวิ๋นเหลือบมอง

ผู้ฝึกตนที่มาถึงขั้นลมปราณก่อกำเนิดแล้วจะสามารถสร้างคฤหาสน์สีม่วงขึ้นมาได้เป็นโลกใบเล็กที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ มันเทียบเท่ากับห้องสมุดลับของผู้ฝึกตนเซียน ภูเขา แม่น้ำ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สามารถก่อตัวขึ้นในคฤหาสน์สีม่วงหรือแม้แต่ทุกสิ่งในโลก

ดวงตาของอ๋าวฮวงเริ่มแฝงไปด้วยความอันตราย และพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันจะทำอะไรกับนายก็ได้ ขังไว้ที่นี่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันล้วน ๆ”

ฉู่ชวิ๋นพูดไม่ออก นับประสาอะไรกับโลกใบเล็กของอ๋าวฮวง ขั้นพลังของชายคนนี้อยู่ขั้นไหนยังไม่รู้เลย เขาจะเล่น ๆ ไม่ได้

“คนที่มากับฉันเป็นไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นเป็นห่วงมังกรเขียวและคนอื่น ๆ

“ตายหมดแล้ว” อ๋าวฮวงตอบอย่างไม่สนใจ

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมา “ช่างมันเถอะ พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน ตายก็ตายเถอะ”

อ๋าวฮวงหยุดและถามด้วยความสงสัย “จะไม่เป็นไรได้ยังไง? นายพยายามช่วยชีวิตพวกเขาไม่ใช่เหรอ?”

“คุณก็เป็นคนของทวีปซิวเซียน ผมก็เป็นคนจากทวีปซิวเซียน เคยเห็นจักรพรรดิเซียนที่สนใจเรื่องความเสื่อมโทรมของชีวิตอื่น ๆไหมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามกลับไปอย่างไม่แยแส

“เอ็ง…” อ๋าวฮวงชี้ไปยังฉู่ชวิ๋นด้วยสีหน้าโกรธเคือง เหมือนอยากจะสั่งสองฉู่ชวิ๋น แต่เขาก็ไม่เห็นท่าทีเสแสร้งอะไรของฉู่ชวิ๋นเลย เขาจึงถามกลับไป “นายพูดถึงฉันงั้นเหรอ?”

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ “มังกรเขียวเป็นถึงศิษย์หลานของคุณ จะปล่อยให้เขาตายจริงๆเหรอ?”

อ๋าวฮวงนิ่งไป เหมือนกับว่าเขากำลังเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อกี้ แต่จะให้ยอมทำตามง่าย ๆ แบบนั้นก็จะดูไม่ดีนัก และพูดอย่างโกรธ ๆ “อย่ามาทำเป็นฉลาดไอ้หนุ่ม”

ฉู่ชวิ๋นยักไหล่ไม่พูดอะไรต่อ

อ๋าวฮวงโกรธจนจมูกเบี้ยว ท่าทางของฉู่ชวิ๋นมันน่าโดนสักทีมาก

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ กระบี่นั่นกินลมปราณของเขาไปมากมายเหลือเกิน เกินกว่าระดับที่ร่างกายของเขารับไหวหลายเท่าตัวนัก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนั้น ถ้าอ๋าวฮวงไม่ช่วยเขาเอาไว้เขาคงตายไปจริง ๆ แล้วก็ได้

“กำลังกลัวอย่างนั้นเหรอ?” อ๋าวฮวงมองมาด้วยความขบขัน

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้ารับตรง ๆ เขากลัวมากเพราะยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขายังต้องทำอยู่

“แล้วคุณมาที่โลกทำไม?” ฉู่ชวิ๋นสงสัย

“ไอ้หนุ่มแกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ข้าไม่ใช่คนต่างโลกซะหน่อย ข้าเป็นมังกรของโลกแห่งนี้มาตั้งนานแล้ว เป็นหนึ่งในมังกรแถบตะวันออก เอ็งเองก็เป็นทายาทของข้า นี้เอ็งไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือไง?” อ๋าวฮวงพูดอย่างมั่นใจ และหยิบขวดไวน์มาสองขวด และไล่ให้ฉู่ชวิ๋นไปดูแท่นบูชา

ฉู่ชวิ๋นยังมองไม่เห็นข้างนอก เขาเปิดผนึกออกก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงพลังงานทางจิตวิญญาณกำลังไหลเวียนเขาไปยังทุกส่วนในร่างกายของเขา เขารู้สึกสบายเนื้อสบายตัวแบบอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

“ว่าไง ไม่เลวล่ะสิ?” อ๋าวฮวงถามอย่างภูมิใจ

“ก็ดีนะ” ฉู่ชวิ๋นตอบง่าย ๆ

อ๋าวฮวงพึมพำและพูดด้วยความไม่พอใจ “แค่คำว่า ‘ก็ดี’ เหรอ? จะของนู้นขอนี่มากไปไหม ไวน์ดีขนาดนี้ไม่ได้หาง่ายนักนะบนโลกใบนี้ และข้าก็เติมน้ำลายมังกรของข้าลงไปหน่อยแล้วด้วย…”

ฟู้ด!

ฉู่ชวิ๋นที่เพิ่งจะดื่มไวน์เข้าไปพ่นออกมาแทบไม่ทัน ก่อนที่จะมองไปยังอ๋าวฮวงด้วยความรังเกียจ

แม้ว่าน้ำลายมังกรจะเป็นยาได้ แต่มันก็ยังเป็นน้ำลาย ฉู่ชวิ๋นอยากจะสาปแช่งไอ้แก่นี้จริง ๆ

“ไอ้หนุ่ม เอ็งกล้ารังเกียจข้าเหรอ?” อ๋าวฮวงไม่พอใจมากกว่าเดิมอีก

“ฮ่า ฮ่า….”  เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของฉู่ชวิ๋น อ๋าวฮวงก็หัวเราะอย่างสบายใจ “ก็เอ็งแกล้งข้าก่อนนี่หว่า ข้าก็ต้องเอาคืนกลับบ้าง ไวน์นั่นยังหมักสมุนไพรชั้นดีเอาไว้กว่า 100 ชนิดเลยนะ ถ้าได้ดื่มก็จะส่งผลกับการฝึกตนของเอ็งอย่างแน่นอน”

ฟังคำอธิบายนั้นแล้วฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกหมดหนทาง ก่อนที่จะบ่นพึมพำกับตัวเอง

อ๋าวฮวงนั่งบนพื้นหญ้าอย่างสบาย ๆ เงยหน้าขึ้นจิบไวน์มองไปที่ฉู่ชวิ๋นแล้วพูดว่า “กลับมานานแค่ไหนแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นก็นั่งลงแต่โดยดีแล้วตอบว่า “ไม่กี่เดือนเอง แล้วคุณล่ะ?”

“ฉัน” อ๋าวฮวงถึงกับผงะคิดครู่หนึ่งส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “จำไม่ได้แล้ว พันปี หรือหมื่นปี ฉันลืมนับมันไปแล้ว”

ฉู่ชวิ๋นเงียบไปเลย แต่เหมือนว่าทุกสิ่งที่อ๋าวฮวงพูดจะเป็นความจริงทั้งหมด

“บอกฉันหน่อย…” ฉู่ชวิ๋นมองหน้าของชายวัยกลางคน

“บอกอะไร?” อ๋าวฮวงสงสัย

“ที่คุณบอกว่าไปกลับทวีปซิวเซียนได้ แล้วคุณมาอยู่ที่โลกแห่งนี้ทำไม?”

อ๋าวฮวงมองกลับมาอย่างนิ่ง ๆ เนิ่นนานกว่าความโศกเศร้าในแววตาของเขาจะคลายลง แต่ยังมีรอยยิ้มให้เห็น “ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่มีเรื่องคาใจนิดหน่อย”

อ๋าวฮวงไม่อยากจะตอบคำถามนี้ ฉู่ชวิ๋นเองก็ทำอะไรไม่ได้

“นี่สำหรับนาย” หยดเลือดปรากฏออกมาจากหัวใจของอ๋าวฮวง และแสงสีแดงก็พุ่งออกมารอบ ๆ ในระยะ 10 เมตร หยดเลือดได้ปล่อยลมปราณขนาดใหญ่ออกมา ซึ่งทำให้อากาศรอบข้างบิดเบี้ยว

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเบิกกว้าง ทันใดนั้นลำคอของเขาก็แห้งผาก ร่างกายแข็งทื่อไม่สามารถตอบสนองได้

เลือดของมังกรหยดเดียวของต้นตระกูลมังกรไม่อาจประเมินค่าได้ ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหนก็ตาม มันทำให้เขาพัฒนาตัวเองได้ไกลกว่าปกติหลายเท่าตัวแถมมันยังมาจากหัวใจของอ๋าวฮวงโดยตรงอีก

“ให้ฉันเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นถามตรงไปตรงมา มือไม้ของเขาสั่นไปหมด

“เอาไปสิ! ไม่ต้องเกรงใจ” อ๋าวฮวงหัวเราะ “สิ่งที่เอ็งกำลังฝึกอยู่คือวิถีมังกรฟ้าเจ้าแห่งโลกา ถ้าไม่มีเลือดของต้นตระกูลมังกรก็ไม่สามารถบรรลุได้หรอกนะ” อ๋าวฮวงพูดอย่างทรงภูมิ

“ทำไม?” ฉู่ชวิ๋นตื่นเต้นมากก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียความคิดของเขาไป

“เอ็งนี่มันใจแข็งจริง ๆ เลยนะ ยังคิดว่าข้ามาล่อลวงเอ็งอีกเหรอ?” อ๋าวฮวงหัวเราะ ก่อนที่จะกลับมามีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง เสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ “แน่นอนว่าข้าไม่ได้ให้เลือดนี้กับเอ็งไปฟรี ๆ หรอกนะ ข้ามีเงื่อนไขอยู่”

“เงื่อนไขอะไร?” ฉู่ชวิ๋นไม่ได้รับปากทันที เงื่อนไขของอ๋าวฮวงคงจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน

อ๋าวฮวงจ้องตาของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง “ข้าขอให้เอ็งปกป้องแผ่นดินจีนอย่างสุดความสามารถ”

“อะไรนะ?” ฉู่ชวิ๋นตกใจและรู้สึกสงสัยอย่างมาก “ทำไมถึงไม่ทำเรื่องแค่นี้เองล่ะ ด้วยพลังของคุณโลกก็เหมือนอยู่ใต้เท้าของคุณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ข้าติดอยู่ในพันธนาการแห่งท้องฟ้าอยู่น่ะสิ” อ๋าวฮวงตอบกลับไปอย่างใจเย็น

อะไรนะ? ฉู่ชวิ๋นมองอ๋าวฮวงด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อและหวาดกลัว

พันธนาการแห่งท้องฟ้าเป็นโซ่แห่งระเบียบในจักรวาลลึกลับและน่ากลัว ต่อให้เป็นอมตะก็ไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่น้อยได้แต่รอวันสูญสลาย

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกขวัญเสีย อ๋าวฮวงไปทำอะไรมากันแน่? ถึงได้ติดพันธนาการแห่งท้องฟ้าแบบนี้ได้

อีกนิยามหนึ่งของพันธนาการแห่งท้องฟ้าคือ ท้องฟ้านั้นอิจฉาใครบางคนมาก มากจนต้องสาปคนคนนั้นเอาไว้

ความตกใจในจิตใจของฉู่ชวิ๋นนั้นไม่สามารถมีมากกว่านี้ได้แล้ว เขารู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังอิจฉาอ๋าวฮวงอยู่ เรื่องนี้เป็นไปได้เพราะมีจักรพรรดิเซียนหลายคนติดพันธนาการแห่งท้องฟ้านี้จนได้แต่ต้องเก็บตัวเงียบตลอดไป!