ภาคที่ 3 บทที่ 66 ศึกกลางน้ำ (3)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 66 ศึกกลางน้ำ (3)

การล่าสังหารยังดำเนินต่อไป เหล่าปีศาจจากสายน้ำพุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน

หัวหน้าโจรสลัดมองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีหางยาวคล้ายปลาว่ายไปมา พวกเขาไม่โผล่ศีรษะขึ้นเหนือน้ำเลยแม้แต่นิด และไม่มีโจรคนใดรู้ว่าเมื่อไรพวกเขาจะโผล่ขึ้นมาดึงคนลงน้ำไปสังหาร

วงน้ำสีแดงเริ่มปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ย้อมทุกอย่างเป็นสีโลหิต หัวหน้าโจรสลัดเจ็บปวดใจจนคิดอยากตายไปเสียตรงนั้น

เขาร้องขึ้นเสียงดัง “ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดทั้งหมดเข้ามาหาข้าเสีย !”

ตอนนี้ไม่อาจพึ่งเพียงจำนวนคนได้อีกแล้ว ความหวังเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ได้คือการพึ่งฝีมือของผู้เชี่ยวชาญฝั่งตนเองเท่านั้น

ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดทั้งหมดเริ่มมารวมตัวรอบกายหัวหน้าโจรสลัด

จากนั้นเขาก็ร้องตะโกนขึ้น “คนที่เชี่ยวชาญทักษะต้นกำเนิดประเภทลม ยกพวกเราขึ้นเหนือน้ำ คนที่โจมตีระยะไกลได้ให้โจมตีต้านไว้ระหว่างที่พวกเราคิดหาทางกลับเรือ !”

การต่อสู้ใต้น้ำนั้นลดพลังลงมาก ใช้พลังกายได้จำกัด มีเพียงความคล่องแคล่วเท่านั้นที่ได้ใช้ประโยชน์ กับศัตรูเช่นนี้ใช้ได้เพียงการโจมตีระยะไกลเท่านั้น

หลังสิ้นเสียงสั่ง ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดที่สามารถโจมตีระยะไกลทั้งหมดก็มารวมตัวกัน

ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิด 2 คนนำธนูและศรออกมา ได้สหายช่วยให้ยืนอยู่บนผิวน้ำได้ ก่อนจะเริ่มยิงธนูออกไป

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !

แม้จะมีเพียง 2 คน แต่ธนูก็ถูกยิงออกไปมากมาย คล้ายกับตั๊กแตนบิน

วงน้ำสีแดงปรากฏขึ้นอีกครั้ง มนุษย์ปลาใต้น้ำ 2-3 คนถูกลูกธนูเข้า กำลังฝั่งซูเฉินเริ่มได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดคนอื่น ๆ ก็ทำตาม ทั้งลมดาบ ปราณดาบ และลูกดอกต่างถูกปาไปที่ผิวน้ำทั้งสิ้น

ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยใช้ดีที่สุดในการต่อสู้ระยะประชิด ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดแต่ละคนมีความสามารถ มีท่าฝ่ามือ ท่าดาบ หรือท่าหมัดเป็นของตนเอง แต่ขาดวิชาการต่อสู้ระยะไกลที่ใช้ได้รุนแรง ดังนั้นแม่จะมีผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนับสิบ แต่ก็ไม่มีใครที่มีพลังโจมตีสูงส่งสักคน แต่ถึงกระนั้นการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดก็ทำให้มนุษย์ปลาทั้งหลายรับมือได้ยากแล้ว

มนุษย์ปลาคนหนึ่งกระโจนขึ้นเหนือน้ำแล้วถูกซัดด้วยลมดาบ ใบหน้าแยกเป็นสองส่วน ก่อนจะร่วงลงน้ำไป

“ย่าห์ !” พวกโจรสลัดร้องยินดีขึ้น

หากแต่พริบตาต่อมา ระเบิดเหยี่ยวเพลิงขนาดใหญ่ก็โผลมาจากฟากฟ้า บินเรี่ยไปกับผิวน้ำแล้วพุ่งเข้าใส่คนถือธนูคนหนึ่ง ทำให้ทั้งร่างถูกเผาเหลือเพียงเถ้าทันที

ซูเฉินเองยืนอยู่เหนือน้ำจากที่ไกล ส่งสายตาเย็นชามองเหล่าโจรสลัดทั้งหลาย

นับกันเรื่องวิชาที่โจมตีระยะไกลได้รุนแรงแล้ว จะมีอะไรมาเทียบวิชาโบราณอาร์คาน่าได้ ?

เขายืดแขนขวาออก ระเบิดพญาเหยี่ยวเพลิงปรากฏขึ้น ปีกยักษ์ทั้งสองข้างสยายออก แต้มสีฟ้ากว่าครึ่งเป็นสีแดง

หัวหน้าโจรสลัดจ้องเหยี่ยวเพลิงขนาดใหญ่นิ่ง พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงรีบร้องขึ้น “หนี !”

หนีหรือ ?

จะหนีไปไหนเล่า ?

หากวิ่งบนน้ำได้ดั่งใจอยากก็คงนับเป็นวิชาที่ทรงพลังเกินไปแล้วกระมัง

ชายหนุ่มวาดมือ เหยี่ยวเพลิงส่งเสียงร้องน่าขนลุก ก่อนจะพุ่งลงมาทิ้งเปลวไฟไว้เป็นทาง

“หยุดมัน !” หัวหน้าโจรสลัดร้องขึ้น

ทุกคนลงมือทันที รีบรวบพลังต้นกำเนิดจำนวนมากก่อร่างเกราะขาวขึ้นมา

คิดว่าทำเพียงเท่านี้เราจะแพ้หรือ ?

ใช่แล้ว หากเป็นการโจมตีระยะยาว เราอ่อนแอกว่ามาก แต่หากผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดนับสิบรวมพลังกันป้องกัน กระทั่งคนด่านทะลวงลมปราณยังไม่อาจทะลวงผ่านมาได้ !

แต่ตอนที่กำแพงเกราะขาวกำลังก่อร่างขึ้นนั่นเอง เหยี่ยวเพลิงก็พลันเปลี่ยนทิศ บินอ้อมกำแพงขาวไปแล้วเข้าโจมตีทางด้านหลังแทน

ด้านหลังหรือ ?

หัวหน้าโจรสลัดหันไปสายตาตะลึง มองเหยี่ยวเพลิงที่พุ่งไปโจมตีเรือลำที่สาม

หลังจากเรือสองลำแรกถูกระเบิดทิ้งไป เรือลำอื่น ๆ ก็พากันไหวตัวทัน ระวังการลอบโจมตีอยู่ทุกเมื่อ หลังจากนั้นจึงไม่เกิดอะไรขึ้นอีก

แต่เมื่อพญาเหยี่ยวเพลิงพุ่งเข้าปะทะเรือโดยตรงเช่นนี้จึงส่งผลอย่างที่ไม่มีใครวาดฝันถึง

เหยี่ยวเพลิงปะทะเข้ากับเกราะป้องกันของเรือ เกิดเป็นระเบิดประกายแสงจ้าออกมา

เกราะป้องกันของเรือแสงจางลงครู่หนึ่ง

และเวลาครู่นั้นเอง เหล่าคนใต้น้ำที่ฉวยโอกาสลอบโจมตีก็ได้จังหวะที่รอคอยมาเนิ่นนาน

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม !

เสียงระเบิด 4 ครั้งดังขึ้นมาจากมุมต่าง ๆ ของเรือทั้ง 3 ลำ น้ำเริ่มพุ่งขึ้นมาจากรูใหญ่ 4 รู ส่งผลให้เรือลำใหญ่ค่อย ๆ จมลงสู่ท้องน้ำช้า ๆ

คนบนเรือเริ่มส่งเสียงนร้องด้วยความสับสน จากตอนแรกที่พวกโจรมีเรือ 5 ลำ ตอนนี้เหลือเพียง 2 เท่านั้น

แรงระเบิดทรงพลังทำให้คนที่อยู่บนเรือที่เหลือหวาดกลัวนัก จึงรีบถอยทัพทันที

“ไอ้พวกโง่ อย่าหนีสิ ! มารับพวกเราด้วย !” หัวหน้าโจรสลัดร้องขึ้น

เขารู้ว่าหากกลับไปยืนบนลำเรือได้ก็จะสามารถเผยพลังที่แท้จริงออกมาได้

อาจเพราะสมองเพิ่งนึกได้ เรือ 2 ลำที่ก่อนหน้าทำท่าถอยไปก็กลับลำดำเนินมาใหม่ พุ่งเข้าใส่หัวหน้าโจรสลัด ส่วนโจรสลัดคนอื่น ๆ ที่อยู่ในน้ำก็พากันว่ายน้ำมาทางเรืออย่างเอาเป็นเอาตาย

“คิดหนีหรือ ?” ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “หากปล่อยไปง่าย ๆ ก็เสียแผนที่ข้าเตรียมไว้น่ะสิ กังเหยียน !”

“กังเหยียนอยู่นี่ขอรับ”

เงาร่างยักษ์ของคนผู้หนึ่งปรากฏที่เบื้องหลังซูเฉิน กังเหยียนสวมเกราะหลอมทอง ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง

แต่ที่น่าตกใจที่สุดคือเขาเองก็ยืนอยู่บนผิวน้ำเฉกเช่นเดียวกับซูเฉิน

ซูเฉินเอ่ย “แยกคนพวกนั้นออกจากเรือ !”

กังเหยียนคลี่ยิ้ม “กังเหยียนเข้าใจแล้ว !”

เขาเอนศีรษะแล้ววิ่งพุ่งเข้าไป กระโจนจ้วงข้ามผิวน้ำ

“เป็นไปได้อย่างไร ?” โจรสลัดเห็นภาพนั้นแล้วแทบไม่อยากเชื่อสายตา

“รองเท้ามันไง !” มีคนสังเกตเห็นสิ่งประหลาด นั่นคือรองเท้าของกังเหยียน พลันร้องขึ้น

รองเท้าสีน้ำเงินที่กังเหยียนสวมอยู่สะดุดตาเป็นยิ่งนัก เมื่อแตะลงบนผิวน้ำก็ไม่เกิดระลอกน้ำแม้แต่นิด แต่กลับเกิดคลื่นพลังส่งร่างพุ่งไปด้านหน้า เคลื่อนกายได้ว่องไวกว่าเดิม

เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 6 รองเท้าย่างวารี

กังเหยียนวิ่งพุ่งไปบนผิวน้ำ หยิบดาบดาบเขาโค้งลงจากหลังก่อนตวัดมันไปด้านหน้า “เปิดทางให้ข้า !”

ซู่ม !

ผืนน้ำในทะเลสาบเริ่มแยกออก กลายเป็นคลื่นยักษ์ซัดออกสองข้าง

ดังนั้นเรือในตอนนี้จึงมุ่งหน้าสวนกระแสน้ำ ถูกคลื่นน้ำพัดให้ล่าถอยลงไป ในเวลาเดียวกันนั้น พวกโจรสลัดก็ถูกคลื่นซัดถอยไปเช่นเดียวกัน ยิ่งทำให้คนกับเรือออกห่างกันมากกว่าเดิม

ซูเฉินสั่งกังเหยียนให้แยกคนกับเรือออกจากกัน เขาสามารถใช้เพียงกำลังกายตนเองทำตามคำสั่งได้สำเร็จ

คลื่นแยกสองฝั่งนี้ออก ตัดหนทางหนีของพวกโจรสลัดไปจนหมด

หัวหน้าโจรสลัดทั้งโกรธทั้งตกใจ มองอีกฝ่ายด้วยความโกรธแค้น “สู้กันให้ตายไปข้าง !”

ทันใดนั้นแสงสว่างก็วาบขึ้นมาจากร่าง ดันร่างเขาให้ลอยขึ้นมาเหนือน้ำ

พลังของผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณเผยให้เห็นสู่สายตา ณ ตอนนี้เอง

“โจมตี !” เขาร้องลั่น

ร่างเขาพลันเผยไอสังหารหนั่นแน่นออกมา จากนั้นออกหมัดดุดันหนึ่ง โค้งออกไปคล้ายรุ้งกินน้ำ ปะทะเข้ากับมนุษย์ปลาคนหนึ่งจนร่างระเบิดเป็นชิ้นเนื้อ คลื่นพลังที่เหลือยังพุ่งเข้าปะทะมนุษย์ปลาอีกหลายคน ก่อนจะเกิดเป็นระเบิดแล้วสลายไป ส่งร่างมนุษย์ปลาอีกหลายคนกระเด็นลอยไปในอากาศ

หมัดเดียวหากแต่ทรงพลังยิ่งนัก

นี่คือความแข็งแกร่งที่คนด่านทะลวงลมปราณมี

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางถอยอีก หัวหน้าโจรสลัดจึงคิดสู้เต็มกำลัง

ในตอนนั้นเอง บนเรือลำด้านหลัง โจรสลัดคนหนึ่งก็กระโจนขึ้นฟ้าแล้วฟาดฟันดาบไปมาในอากาศอย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังดาบถูกซัดออกมาอย่างรวดเร็วทั้งยังส่องแสงประกายจ้า เข้าปะทะกับดาบที่กังเหยียนปล่อยออกมาเมื่อครู่

หากแต่การโจมตีนี้ไม่เหมือนกับของกังเหยียน การซัดดาบแต่ละครั้งปล่อยหยาดน้ำขึ้นไปในอากาศ แต่ละหยดเต็มไปด้วยคลื่นพลังที่อัดอยู่ภายใน

ตอนนั้นเอง คนด่านทะลวงลมปราณฝั่งโจรสลัดอีกคนก็ฉวยเอาจังหวะนี้โจมตี