บทที่ 65 ศึกกลางน้ำ (2)
หัวหน้าโจรสลัดยืนมองตรวจตราโดยรอบอยู่หน้าเรือ
ผืนน้ำนิ่งสนิทราวกับไม่เคยมีเรื่อง
คนนับร้อยโดดลงน้ำไป แต่กลับไร้เรื่องราว
บรรยากาศสงบเช่นนี้นับว่าแปลกนัก ทำเอาหัวหน้าโจรสลัดรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ผิดปกติ !” เขาพึมพำ
“เหอเหล่าโชว ต้วนเสี่ยวเอ้อร์ ลงน้ำไปตรวจดู”
เงาร่างทั้งสองกระโจนลงน้ำไปทันที วาดเส้นโค้งสวยงามก่อนจะหายไปใต้ผืนน้ำโดยไม่เกิดแรงกระเพื่อม
สองคนนี้เป็นโจรสลัดที่ว่ายน้ำเก่งที่สุด ยามอยู่ใต้น้ำจะเก่งกาจขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้การสังหารศัตรูที่ขั้นพลังมากกว่าไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างไร
หากแต่สองคนนั้นลงน้ำไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
หัวหน้าโจรสลัดยิ่งรอยิ่งกังวลใจ สุดท้ายก็ตะโกนบอก “มีบางอย่างผิดปกติ ! ที่ใต้น้ำมีบางอย่าง !”
กระทั่งคนโง่ยังรู้ว่าที่ใต้น้ำต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่
โจรสลัดทั้งหลายพากันวิ่งไปก้มหน้ามองผิวน้ำที่ขอบเรือ แต่กลับไม่เห็นเงาคน
เป็นตอนนั้นเองที่กระแสน้ำเริ่มไกลเชี่ยว ศพ 2 ศพพลันลอยขึ้นมาเหนือน้ำ คือสองคนที่กระโดดลงไปเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง
ทุกคนพลันตะลึงไป หัวหน้าโจรสลัดรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดี แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็เกิดระเบิดขึ้นบนเรือ
“แย่แล้ว พวกมันพยายามระเบิดเรือ !” หัวหน้าโจรสลัดร้องขึ้น “เปิดเกราะป้องกัน !”
แต่มันสายเกินไปแล้ว
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม !
หลังเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น 4 ครั้ง เรือลำแรกก็ถูกทำลายลงทั้งที่ยังไม่ทันได้ใช้เกราะ
โจรสลัดบนเรือถูกแรงระเบิดกระเด็นตกลงน้ำ ร้องเสียงโหยหวน คนเพิ่งจะร่วงลงน้ำไป แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับว่ายขึ้นมาเหนือน้ำ สายตาล้วนจับจ้องที่พวกโจร
ราวกับภูตผีที่อยู่ในน้ำก็มิปาน
ที่น่าผวาที่สุดคือส่วนที่ควรจะเป็นขากลับเรียวยาวคล้ายหางปลา
เป็นไปไม่ได้ !
หัวหน้าโจรสลัดตะลึงงัน
พริบตาต่อมา ทุกคนก็พากันว่ายน้ำมาทางเขา
พวกเขาพุ่งไปมาในน้ำ ว่ายไปมาดั่งปลาในมหาสมุทร ที่มือยังถือดาบถือหอกที่แหลมราวกับเขี้ยวฉลามฟาดฟันพวกโจรอย่างโหดเหี้ยม
โจรคนหนึ่งยังไม่ทันได้โต้ตอบ คน 10 คนก็ว่ายน้ำผ่านเขาไปราวกับทหารสวมเกราะบนหลังม้า ทิ้งไว้เพียงบาดแผลลึก 10 แผลบนร่างเจ้าโจรคนนั้น
เลือดสด ๆ พุ่งออกมากจากแผล ย้อมสีน้ำรอบตัวจนกลายเป็นสีแดงฉาน
โจรสลัดอีกคนหนึ่งก็ตกเป็นเหยื่อในแบบเดียวกันในพริบตาต่อมา
โจรสลัดพวกนี้ว่ายน้ำเก่งไม่น้อย แต่จะเก่งได้ก็เมื่อเทียบกับมนุษย์ ไม่ใช่เทียบกับปลา
ในตอนนี้พวกโจรต้องเผชิญหน้าเข้ากับมนุษย์ปลาผู้โหดเหี้ยม หรือก็คือผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายที่ใช้โทเทมโลหิตสลายของซูเฉินนั่นเอง
แม้โทเทมโลหิตสลายครั้งที่ 2 ของซูเฉินจะยังไม่สำเร็จ แต่ก็พัฒนาขึ้นมาก
โทเทมโลหิตสลายในปัจจุบันสามารถรวมทักษะต้นกำเนิดได้ถึง 5 วิชา อีกทั้งยังใช้พื้นที่สลักอักขระน้อยลงเรื่อย ๆ
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซูเฉินได้สลักโทเทมโลหิตสลายหมายเลข 1.2 บนร่างของลูกน้องทั้ง 150 คน โดยใช้สสารตัวกลางชนิดหนึ่ง
‘สสารตัวกลาง’ คือคำที่ซูเฉินใช้เรียกการผสานกันอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสสารต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน รวมถึงสสารประหลาดในก้อนโลหะ และในร่างของนายน้อยตระกูลหลงด้วย โดยพวกมันไม่ใช่สสารต้นกำเนิด แต่มีสสารต้นกำเนิดเป็นองค์ประกอบ มีความสามารถและคุณสมบัติเฉพาะตัว
สสารตัวกลาง สสารต้นกำเนิด และอนุภาค คือสิ่งที่ซูเฉินสามารถมองเห็นได้ในโลกระดับจุลภาคตอนนี้
การค้นคว้ากว่าครึ่งปีทำให้ซูเฉินมีความเข้าใจเรื่องสสารตัวกลางขึ้นมาก สามารถสร้างสสารตัวกลางเฉพาะขึ้นมาด้วยการรวมวิชาเข้าด้วยกันได้
หนึ่งในนั้นคือ ‘ปลามังกร’
มันมีรากฐานหลักมาจากสายเลือดอสรพิษทะยานตระกูลกู่ และมีองค์ประกอบเป็นสสารต้นกำเนิดอื่น ๆ อีก 2-3 ชนิด
สสารตัวกลางประเภทนี้ไม่ได้ให้ความสามารถในการเร้นกายเช่นสสารต้นกำเนิดเงา อีกทั้งยังไม่อาจนำไปพัฒนาปรับปรุงต่อได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้สามารถหายใจใต้น้ำและเปลี่ยนร่างได้เป็นบางส่วน
หางปลาเรียวยาวเหล่านั้นคือผลลัพธ์นั่นเอง
เมื่อมีกำลังจากหาง ผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 150 คนจึงเคลื่อนกายในน้ำได้ดั่งลูกธนูคม เริ่มเด็ดหัวศัตรูอย่างมีความสุข ใช้หอกใช้ดาบในมือเป็นอาวุธ
“หนี…….” หัวหน้าโจรสลัดร้องขึ้น แต่น้ำกลับกลืนกินคำที่เขาจะเอ่ยลงคอไปจนหมด
เขาจึงใช้ท่าทางส่งสัญญาณ ก่อนจะหมุนตัว รีบว่ายกลับไปสุดชีวิต
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดมันจึงเผาเรือ
เพราะมันเลือกสู้ใต้น้ำนั่นเอง
รีบหนีไปเสีย !
ในหัวพวกโจรสลัดมีแต่ความคิดนี้ โชคดีที่พวกเขามีเรือมากกว่าหนึ่งลำ
แต่ก่อนจะว่ายไปถึงเรือลำที่สองก็ได้ยินเสียงครืนดังมา เรือลำที่สองมีเปลวเพลิงโหมขึ้น แผ่นไม้แตกกระจายกระเด็นไปทั่ว มันกระเด็นตกลงผืนน้ำ ไฟยังคงโหมลุกไม่มอดไป ทั้งยังกระเด็นมาโดนศีรษะพวกโจรอีก เสียงร้องเจ็บปวดดังขึ้นให่ได้ยิน สถานการณ์ในตอนนี้นับว่าน่าสิ้นหวังมาก
บัดซบ !
มันทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?
หัวหน้าโจรสลัดไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเผาเรือเขาได้อย่างไร อีกทั้งยังไม่มีเวลาคิด
มนุษย์ปลากลุ่มหนึ่งทะยานขึ้นเหนือน้ำ ในมือคือดาบสะท้อนแสงอาทิตย์ระยับที่เงื้อสูง
“บัดซบ พวกเรารับมือมันไม่ไหว !” หัวหน้าโจรสลัดที่กำลังว่ายน้ำรู้ว่าพวกตนถึงทางตัน เป็นตอนนั้นเองที่ความกล้าหาญทั้งหลายพลันประดังออกมา
“ลุยให้ถึงที่สุด !” เหล่าโจรสลัดร้องขึ้นพร้อมกัน
อย่างไรพวกมันก็ยังได้เปรียบเรื่องจำนวนคนและเรื่องพลัง
“เอาเลย !” โจรสลัดคนหนึ่งร้องขึ้น ก่อนจะวาดมือคราหนึ่ง คลื่นน้ำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา ก่อนจะซัดสาดออกไป
หากแต่เมื่อมนุษย์ปลาเห็นดังนั้น พวกเขาก็พากันเงยหน้ากู่ร้อง ด้วยหางอันทรงพลัง พากันดีดตัวขึ้นเหนือน้ำราวกับปลาบิน ข้ามกำแพงสมุทรนั่นไปอย่างง่ายดาย ยามมนุษย์ปลาดีดร่างขึ้นบนอากาศ ก่อนจะร่วงลงน้ำดังเดิมยังพุ่งหอกตรงไปยังเป้าหมายอีกด้วย
ฟ้าว !
ท่ามกลางห่าฝนหอก โจรสลัด 10 คนที่อยู่แนวหน้าถูกหอกเสียบทะลุร่างจนพรุนในพริบตา
มนุษย์ปลาร่วงกลับลงน้ำแล้วหายไปในน้ำลึก พวกเขาว่ายวนเวียนอยู่เบื้องล่าง ยามโผล่ขึ้นมาก็ทำการโจมตีไม่หยุดหย่อน
“อ๊ากกก !” โจรสลัดคนหนึ่งพลันร้องขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นหลังโจรสลัดด้วยความเร็วอันคาดไม่ถึง ก่อนจะคว้าร่างอีกฝ่ายไว้แล้วกัดเข้าที่คอ
ที่น่ากลัวคือฟันของเขาก็ยาวขึ้นเมื่อกัดคอคน เขาใช้มันขย้ำลำคอโจรผู้นั้นทันที สะบัดคราหนึ่ง ลำคอครึ่งหนึ่งก็หลุดกระเด็นออกมา
วิชาเขี้ยวมีดอาจกล่าวได้ว่าเป็นวิชาที่ใช้ได้น้อยที่สุดยามต่อสู้ เพราะอย่างไรมนุษย์ก็ไม่ใช่พวกสัตว์อสูร คงไม่มีใครใช้ฟันต่อสู้
แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เมื่อผืนน้ำจำกัดวิถีการต่อสู้และการเคลื่อนกาย ต้องประมือกันระยะประชิดมาก วิชาเขี้ยวมีดจึงกลายเป็นวิชาที่ใช้ได้จริงยามต่อสู้กันในน้ำ
แต่เมื่อสามารถหายใจใต้น้ำได้ ทั้งยังมีหางทำให้เคลื่อนกายดั่งใจปรารถนา พวกเขาจึงพุ่งเข้าใส่เป้าหมายได้รวดเร็ว ใช้วิชาตรึงอีกฝ่ายไว้ จากนั้นกัดเสียก็สิ้นเรื่อง แม้จะกัดแล้วไม่ตายทันที แต่ก็ทำให้ศัตรูวุ่นวาย ต้องต่อสู้กันใต้น้ำต่อ สุดท้ายก็จะหมดแรงแล้วตายไปเอง
ดังนั้นวิธีนี้จึงเหมาะกับการใช้ต่อสู้ใต้น้ำมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ ยังต้องมีความเชี่ยวชาญบางอย่างติดตัว
และลูกน้องทั้ง 150 คนของซูเฉินล้วนมีพวกมันทั้งหมด
พวกเขาต่างหากที่เป็นไพ่ตายของซูเฉิน !