ตอนที่ 138 จะได้ตรวจให้ผู้ใด

ปฏิญญาค่าแค้น

หลี่หมิงอวินกอบกุมมือของหลินหลันเอาไว้และฉีกรอยยิ้มเล็กน้อยอันเผยให้มุมปากโค้งที่ทำมุมในระดับงดงาม เนื้อเสียงอันแสนนุ่มนวลสุขุมกระจ่างใส ประหนึ่งหัวใจของเขาที่เรียบง่ายและโปร่งใสตลอดกาลยามอยู่ต่อหน้านาง “หลันเอ๋อร์ ข้าเคยพูดไว้แต่แรกแล้วว่า เจ้าเป็นนายหญิงของที่นี่ บุคคลและเรื่องต่างๆ ในที่แห่งนี้เจ้าสามารถตัดสินใจได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าทำมันได้อย่างดีเยี่ยมมากอยู่แล้ว ข้ามิสามารถร้องขอให้เจ้าทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้ได้อีกแล้ว” 

 

 

หลินหลันจ้องมองเขา “เจ้านี่ช่างเหลือเกินเชียวนะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าชอบก็เป็นอันพอ” 

 

 

หลินหลันชักมือกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย “ใครเขาชอบเจ้า” นางกล่าวพลางลุกขึ้นไปเปิดกล่องยาแล้วหยิบกระเป๋าเข็มเงินออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าขนาดย่อมที่ห้อยติดตัว 

 

 

“เจ้าหยิบเข็มไปทำอันใดหรือ” หลี่หมิงอวินมองนางอย่างประหลาดใจ 

 

 

หลินหลันกล่าว “หลิวอี๋เหนียงเอ่ยว่าไม่ค่อยสบาย ให้ข้าช่วยไปด้วยดูนางเสียหน่อย ข้ารับปากนางไว้ว่าค่ำคืนนี้หลังจากฉิ่งอานแล้วจะไปดูนาง” 

 

 

“นางกลับเชื่อใจเจ้าเสียด้วย” หลี่หมิงอวินส่ายหน้าขณะอมยิ้ม 

 

 

“แล้วมีอันใดให้ต้องมิเชื่อ นางมิใช่อนุภรรยาของเจ้าเสียหน่อย แล้วใยต้องหวาดระแวงข้า” หลินหลันกล่าว 

 

 

หลี่หมิงอวินรีบก้มหน้ากินสุราข้าวหมากต่อไป หลินหลังยังคงหงุดหงิดไม่หาย! เอาเป็นว่ายั่วยุนางให้น้อยเข้าไว้จะเป็นการปลอดภัย 

 

 

“อย่างไรก็ตาม อีกประเดี๋ยวเจ้าช่วยบอกกล่าวท่านพ่อไว้ก่อนแล้วกัน บอกไปว่าหลิวอี๋เหนียงไม่สบาย ทว่ามิกล้าเรียนเชิญหมอจึงมาขอร้องข้า ดูสิว่าท่านพ่อเจ้าจะว่าอย่างไร ยามนี้ท่านพ่อกับแม่มดชรากำลังมีปัญหาต่อกันด้วยเรื่องของหลิวอี๋เหนียง หากปราศจากคำสั่งของท่านพ่อ เกรงว่าเมื่อแม่มดชรารับรู้เข้าจะพาลเข้าหน้ากันไม่ติดไปเปล่าๆ” หลินหลันกล่าวกำชับ 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวคัดค้าน “แม่มดชรามีปัญหากับท่านพ่อด้วยเรื่องของหลิวอี๋เหนียงหาได้ใช่เกิดขึ้นเมื่อวันสองวันนี้ไม่ ในเมื่อตอนแรกเป็นผู้ก่อเรื่องให้บานปลายขึ้นมาเอง แล้วใยเวลานี้จักต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วย” 

 

 

“ครานี้มันแตกต่างออกไปน่ะสิ ท่านพ่อเจ้าวางแผนให้หลิวอี๋เหนียงเพิ่มสมาชิกให้แก่ตระกูลหลี่ มอบน้องชายหรือน้องสาวให้เจ้าสักคนสองคน วันนี้แม่มดชราก็เลยเดือดดาลจนล้มป่วย” หลินหลันกล่าว 

 

 

หลี่หมิงอวินตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะสบถฮึ “คงเกรงว่าบ้านนี้จะไม่ครื้นเครงพอสินะ” 

 

 

หลินหลันมุ่ยปาก “ครื้นเครงก็มิใช่ว่าดีหรอกหรือ อย่างไรบ้านนี้ก็อลม่านไปหมดอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่เพิ่มความวุ่นวายเข้าไปอีกหน่อย และถึงอย่างไรเจ้ากับหมิงเจ๋อหมิงจูก็มิอาจเป็นเสมือนพี่น้องกันได้ รอหลิวอี๋เหนียงให้กำเนิดบุตร พวกเราค่อยปลูกฝั่งความสัมพันธ์กับน้องชายน้องสาวตัวน้อยให้ดิบดีเข้าไว้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นการสวามิภักดิ์อย่างสมบูรณ์แบบ” 

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวภายใต้รอยยิ้ม “ข้ามิสนใจน้องชายน้องสาวอะไรนั่นหรอก หากเจ้าสามารถให้กำเนิดบุตรชายบุตรสาวให้ข้าได้…” ขณะเอ่ยสายตาของหลี่หมิงอวินก็จ้องมองลงไปที่หน้าท้องแบนราบของหลินหลัน มิแน่ว่าในนี้อาจกำลังเริ่มให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่เป็นของพวกเขาแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนี้ทำให้รู้สึกถึงความร้อนวูบวาบภายในหัวใจ พร้อมกับดวงตาที่เริ่มร้อนแรงยิ่งขึ้น 

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันแปลกประหลาดของเขา หลินหลันจึงยื่นมือออกไปปิดบังสายตาของเขา “มองอันใดหรือ ยังไม่รีบกินเข้าไปอีก ใกล้ได้เวลาต้องไปฉิ่งอานแล้ว” 

 

 

หลี่หมิงอวินคว้ามือของนางไว้ก่อนจะเคลื่อนมันลงมาอยู่บนกลีบปากของตนแล้วกดจุมพิต นัยน์ตาของเขาฉายแสงความนุ่มนวลพลางกล่าวด้วยเสียงบางเบา “หลันเอ๋อร์ มีลูกให้ข้าสักคนเถิด!” 

 

 

หลินหลันหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมายมาย แม่มดชราก็ยังขับไล่ไปไม่พ้น สิ่งของที่ควรเป็นของเราก็ยังมิได้นำกลับคืน…” 

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่หาข้อโต้แย้งมิได้ นางไม่อยากกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังจะคลอดลูกแล้วยังต้องคอยตั้งรับป้องกันด้วยเกรงว่าจะมีคนทำร้ายลูกของนาง คนประเภทแม่มดชราเช่นนี้ทำได้ทุกอย่าง อีกอย่าง…นางคำนึกเพื่อตัวนางเอง หลังพ้นปีใหม่ นางอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น เหตุใดการคลอดบุตรในสตรียุคสมัยโบราณถึงมีความเสี่ยงและอันตรายสูง หนึ่งคือสาเหตุจากเครื่องมือการแพทย์ซึ่งไม่ทันสมัย อีกทั้งสตรีสมัยโบราณคลอดบุตรกันตั้งแต่อายุยังน้อย ร่างกายของตนเองยังไม่ทันเจริญเติบโตเต็มที่ก็ให้กำเนิดบุตรเสียแล้ว ซึ่งถือเป็นการทำลายสุขภาพร่างกายอย่างใหญ่หลวง จะเป็นการดีที่สุดหากให้ผ่านเลยวัยสิบแปดปีไปแล้ว ดังนั้น นางจึงแอบดื่มยาต้มป้องกันการตั้งครรภ์มาโดยตลอด 

 

 

หลี่หมิงอวินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่าที่หลินหลันพูดก็มีเหตุผลเช่นกัน ตอนแรกแม่มดชราเพื่อขัดขวางเขาไม่ให้เข้าร่วมการสอบ ยังกล้าปล่อยงูพิษเข้ามาถึงที่ เกิดแม่มดชราลงมือต่อลูกของพวกเขา เพียงคิดหลี่หมิงอวินก็ถึงกับตัวสั่นด้วยความเคียดแค้น ทว่าหากหลินหลันมีขึ้นมาล่ะ หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าหากมีขึ้นมาแล้ว เชื่อใจข้านะว่าข้าในฐานะพ่อจะสามารถปกป้องเจ้าแม่ลูกให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน” 

 

 

หลังรับประทานสุราข้าวหมากเป็นที่เรียบร้อย หลี่หมิงอวินมุ่งไปหาผู้เป็นบิดาที่ห้องหนังสือก่อน แต่กลับได้รับรายงานว่าผู้เป็นบิดาถูกท่านย่าเรียกไปพบทันทีที่มาถึง จนถึงเวลานี้ยังคงอยู่ที่โถงจาวฮุย เขาจึงรีบไปยังโถงจาวฮุยแล้วกาโอกาสเพื่อนำเรื่องราวที่หลิวอี๋เหนียงเชิญหลินหลันให้ไปตรวจอาการป่วยบอกกล่าวให้รับรู้ หลี่จิ้งเสียนเผยสีหน้ากระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดและอยากรีบไปเยี่ยมหลิวอี๋เหนียง ณ บัดนี้เสียเลย ทว่าผู้เป็นมารดาของเขาเพิ่งอบรมสั่งสอนไปว่าเขาอย่าได้รักใครอนุภรรยามากจนเกินไป ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดทดไว้โดยจิตใจล่องลอยไปทางด้านนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

 

ไม่นานนัก หลินหลันและติงหลั้วเหยียนก็ช่วยกันประคองหญิงชราเข้ามา 

 

 

หญิงชรารีบให้คนจัดแจงที่นั่งให้นางฮานก่อนจะกล่าวกับนางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “เจ้าไม่สบายอยู่แท้ๆ มิต้องมาก็ได้ ควรจะพักผ่อนให้ดีๆ ถึงจะถูก” 

 

 

นางฮานเผยรอยยิ้มอันเลือนราง “ได้นอนไปครึ่งค่อนวันจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

หลังนางฮานเดินพ้นประตูเข้ามา ส่วนหมิงจูนางไม่แม้แต่จะหันมาสบตาของผู้เป็นบิดาเลยสักนิด ทำเสมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ ขณะที่หลี่จิ้งเสียนพยายามสบตากับนางฮานอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นก็พูดขึ้นสองสามประโยค ทว่าทันทีที่เข้ามองไป นางฮานก็เบนสายตาหนีทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แม่เจียงแอบกระตุกชายแขนเสื้อนางฮานเชิงส่งสัญญาณให้นางรับรู้ ทว่านางฮานยังคงทำเสมือนไม่สนใจใยดี ส่งผลให้หลี่จิ้งเสียนรู้สึกรำคาญใจอย่างมากทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงขึ้นมา 

 

 

หญิงชรามองดูทั้งสองเปิดศึกสงครามเย็นใส่กัน ทั้งหลานชายและหลานสะใภ้ต่างมองหน้ากันเลิ่กลักโดยไม่รู้ว่าควรพูดอันใดดี นางจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หลี่จิ้งเสียนพอได้ยินว่าเจ้าป่วย ก็รีบร้อนจะไปดูอาการเจ้า เป็นข้าที่เรียกเขาไว้เพื่อกำชับเรื่องราวบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ” 

 

 

นางฮานเผยรอยยิ้มที่เจื่อน นางรู้ดีว่าเรื่องเพิ่มบุตรหลานสู่ตระกูล หญิงชราคงเข้าอย่างผู้เป็นสามีของนางอย่างแน่นอน ดังนั้นคงไม่อาจคาดหวังให้หญิงชราช่วยเหลือนางไปได้ นางทำได้เพียงช่วยเหลือตนเอง สิ่งที่นางต้องทำคือยื้อเรื่องนี้ไปถึงสองปีข้างหน้า หลังจากนั้นก็มิต้องกังวลใจว่าหลิวอี๋เหนียงจะเพิ่มปัญหาชวนปวดหัวให้แก่นางอีกแล้ว 

 

 

นางฮานฉีกยิ้มแต่ยังคงไม่เอื้อนเอ่ยใดๆ ทำให้บรรยากาศจมดิ่งสู่ความอึดอัดอีกระรอก 

 

 

หญิงชราจ้องมองไปยังบุตรชายอย่างไม่พึงพอใจ เจ้าลูกชายผู้นี้มิรู้จักแก้ไขสถานการณ์ และไม่คิดจะพูดอะไรดีๆ แทรกเข้ามาสักสองสามประโยคเลยหรือ เป็นเรื่องที่ตนเองก่อแท้ๆ กลับให้นางในฐานะแม่ต้องมาคอยเก็บกวาดให้ หญิงชราได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นจึงหันไปเอ่ยถามนางฮาน “ขนมสำหรับประกอบพิธีเตาไฟ ม้าแดง หัวหมูและปลาคู่ล้วนเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือไม่” 

 

 

นางฮานกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เตรียมพร้อมหมดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เหล่าเหยียพาหมิงเจ๋อหมิงอวินทำพิธีเซ่นไหว้เทพแห่งเตาไฟ [1] ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเจ้าค่ะ” 

 

 

หญิงชราพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนี้ก็ดี เตาไฟเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง จะขาดตกบกพร่องไปมิได้ พรุ่งนี้ข้าจะให้แม่จู้ไปช่วยเจ้าอีกแรง” 

 

 

นางฮานกล่าวทันที “มิต้องเจ้าค่ะ มิต้องเจ้าค่ะ จะอย่างไรข้างกายท่านแม่ก็ต้องคอยมีแม่จู้อยู่ด้วย เรื่องนี้ลูกเองก็จัดการไว้เรียบร้อยแล้วและมีแม่เจียงคอยช่วยดูแล คงไม่มีปัญหาอันใดเจ้าค่ะ” 

 

 

หญิงชรารู้สึกไม่ค่อยปลาบปลื้มใจนัก เรื่องพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งเตาไฟนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งซึ่งผู้เป็นนายหญิงของบ้านควรตระเตรียมด้วยมือตนเอง จะเรียกใช้หญิงชราข้ารับใช้ไปจัดการได้อย่างไร สายตาของหญิงชราเพ่งเล็งไปบนเรือนร่างของติงหลั้วเหยียนและหลินหลัน หลานสะใภ้คนโต ท่าทางเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ผอมแห้งแรงน้อย สีหน้าซีดแล้ว ลมพัดมาทีก็คงล้มคะมำ แล้วจะรับหน้าที่ดูแลเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือพิธีสำคัญยิ่งที่เกี่ยวข้องกับความโชคดี นางจึงเบนสายตาไปยังหลินหลัน ถ้าหากมิใช่เพราะชิวเยว่ไม่ถูกชะตาหลินหลัน หลินหลันกลับเป็นคนที่สามารถชี้แนะสั่งสอนได้อย่างดีทีเดียว 

 

 

ยิ่งหลี่จิ้งเสียนมองดูท่าทีของนางฮานที่กำลังแสร้งทำเป็นป่วยอารมณ์หงุดหงิดก็ค่อยๆ ปะทุขึ้นมา มันจะอะไรกันหนักกันหนา เข้าต้องการลูกอีกสักคนแล้วจะเป็นไรไปหรือ รองอัครเสนาบดีฝ่ายพิธีการยังอายุมากกว่าเขาด้วยซ้ำ! เดือนที่แล้วยังได้ลูกชายคนที่หกเพิ่มมาอีกคนเลย เขาหลี่จิ้งเสียนนับว่าไม่เลวแล้ว ทามกลางบรรดาขุนนางไม่ว่าจะฝ่ายบู้ฝ่ายบุ๋นนับร้อยในวัง ลองไปหาดูได้เลยว่าจะมีสักกี่คนที่จิตใจแน่วแน่มั่นคงได้ปานเขา นางยังไม่รู้จักพึงพอใจอีก แล้วยังคิดใช้ลูกไม้ปล่อยปะละเลยภาระงานในบ้านมาข่มขู่เขา ทำให้ท่านแม่ที่อายุปูนนี้ต้องเป็นกังวลใจไป 

 

 

“ท่านแม่ ช่วงปีก่อนๆ เรื่องพิธีเซ่นไหว้นี้ล้วนเป็นลูกที่จัดการ ขอเพียงสิ่งของตระเตรียมครบถ้วนแล้ว เรื่องอื่นๆ ลูกเองก็สามารถจัดการได้ขอรับ ท่านแม่มิจำเป็นต้องกังวลใจไปขอรับ” หลี่จิ้งเสียนกล่าวด้วยความเคารพ 

 

 

เหล่าไท่ไทเผยรอยยิ้มอย่างจนปัญญาแล้วจึงยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ “จัดเตรียมอาหารเถอะ!” 

 

 

ติงหลั้วเหยียนประคองแม่มดชราเดินนำหน้าไป หลินหลันจงใจเดินคล้อยหลังเพื่อส่งสายตาสื่อสารกับหลี่หมิงอวิน หลี่หมิงอวินมองไปที่นางแล้วกระพริบตาให้แสดงถึงความหมายว่าได้นำคำพูดถ่ายทอดออกไปเรียบร้อยแล้ว 

 

 

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จสิ้น พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นๆ เช็ดถูฝ่ามือพลางกล่าวอย่างใจเย็น “หลินหลัน ระยะนี้หลิวอี๋เหนียงไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก หากเจ้าว่างก็ช่วยไปตรวจดูอาการนางให้ทีสิ” 

 

 

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังเคล้ง ทุกคนพร้อมใจกันหันไปยังทิศทางของนางฮาน ชามกระเบื้องใบหนึ่งร่วงลงไปบนพื้นจนแตกเป็นเศษเสี้ยว คล้ายว่านางฮานเองก็ตื่นตกใจอยู่เช่นกัน 

 

 

แม่เจียงที่อยู่ข้างๆ รีบกล่าวขออภัย “เป็นความผิดของบ่าวเองเจ้าค่ะ มันลื่นหลุดมือแล้วบ่าวรับเอาไว้ไม่ทันเจ้าค่ะ” 

 

 

ฮานชิวเยว่ปิดปางของตนเองแล้วส่งเสียงไอแห้งๆ ขึ้นมาภายใต้สีหน้าลนลาน 

 

 

แม่จู้เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “มิเป็นไร มิเป็นไร!” หลังจากนั้นจึงร้องเรียก “เผยหวน ยังมิรีบเข้ามาเก็บกวาดอีก” 

 

 

สาวใช้รีบเข้ามาโดยใช้เศษผ้ากอบโกยชิ้นส่วนชามกระเบื้องขึ้นแล้วถือมันออกไปทิ้ง 

 

 

หลินหลันแอบยิ้มเยาะ นางนั่งอยู่ตรงข้ามแม่มดชรา เมื่อครู่นี้จึงเห็นอย่างชัดเจนว่าแม่มดชราไม่ได้ยื่นชามให้แม่เจียงเลยสักนิด เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายเข้า ชามนั่นก็ร่วงหล่นแตกเสียแล้ว แถมยังเป็นเหตุการที่เรียกความสนใจได้มากทีเดียวเชียว 

 

 

“อ่อ! เช่นนั้นอีกเดี๋ยวลูกไปตรวจดูสักหน่อย” พ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายเอ่ยสั่งการมาแล้ว แน่นอนว่านางต้องขานตอบรับไปโดยปริยาย 

 

 

หญิงชราชักสีหน้าเคร่งขรึมโดยจ้องมองไปที่บุตรชายของตนเองเป็นอันดับแรกแล้วจึงมองไปยังหลินหลัน หลินหลันจึงก้มหน้าก้มตาอย่างไร้เดียงสา 

 

 

“หลินหลัน ท่านแม่เจ้ายังไออยู่เลย! อีกประเดี๋ยวเจ้าตรวจดูอาการให้ท่านแม่ของเจ้าก่อนแล้วกัน” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งตนคัดค้านบุตรชายของตนเอง 

 

 

หลี่จิ้งเสียนหมดคำจะพูด ท่านแม่ก็ช่วยนางฮานโดยไม่รู้จักสักเกตเสียบ้าง หรือว่าเมื่อครู่ไม่ทันได้เห็นว่านางฮานกลิ่นอาหารเข้าไปมากมายเพียงใด คนป่วยอะไรจะเจริญอาหารถึงเพียงนี้ หลิวอี๋เหนียงต่างหากล่ะที่ป่วยของจริง มิเช่นนั้นก็คงไม่มาขอร้องหลินหลันถึงที่ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ร่างกายไม่สบายแท้ๆ แต่ยังมิกล้าเรียนเชิญหมอให้เป็นเรื่องใหญ่โต 

 

 

หลินหลันมองไปยังพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอายสลับกับมองไปยังหญิงชราหลังจากนั้นก็มองไปที่หมิงอวิน นี่หญิงชรากำลังจงใจทำให้นางลำบากใจเห็นๆ! หมิงอวินหยักไหล่และกล่าวอย่างจนปัญญา “เช่นนั้นก็ให้หลินหลันช่วยตรวจดูอาการให้ท่านแม่เสียก่อน แล้วค่อยไปตรวจดูอาการหลิวอี๋เหนียงแล้วกันขอรับ” 

 

 

ฮานชิวเยว่ส่งเสียงไอขึ้นมาอีกสองครั้งและกล่าวด้วยเสียงบางเบา “ข้ามิเป็นไร ให้หลินหลันไปตรวจดูอาการหลิวอี๋เหนียงเถอะ!” 

 

 

“มิได้ แม่สามีของตนเองป่วยเช่นนี้ มีที่ไหนกันที่จะไปตรวจดูอาการให้คนนอกก่อน” หญิงชรากล่าวเสียงแข็ง นางพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างความสามัคคีกลมเกลียว ทว่าจิ้งเสียนกลับไม่เก็บคำสั่งสอนของนางใส่ใจเลยสักนิด แล้วยังปีกกล้าขาแข็งใส่หนักขึ้น กล้าแสดงความเป็นห่วงเป็นใหญ่อนุภรรยาหลิวต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้โดยไม่ถามไถ่อาการป่วยของนางฮานสักคำ แล้วนี่จะให้นางฮานรู้สึกอย่างไรหรือ 

 

 

หลี่จิ้งเสียนเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉย “ก็ได้! ข้าสั่งคนให้ไปเรียนเชิญหมอมาตรวจอาการหลิวอี๋เหนียงแล้วกัน! เช่นนี้ก็ไม่มีอันใดให้ต้องมัวถกเถียงกันแล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] พิธีเซ่นไหว้เทพแห่งเตาไฟ วันเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ (ตรุษจีน) คือวันที่ 25 เดือน12ตามจันทรคติ ซึ่งการทำพิธีเซ่นไหว้เทพแห่งเตาไฟถือเป็นความเชื่อหนึ่งในวันเริ่มต้นปีใหม่