ตอนที่ 139 ไม่คาดคิดมาก่อน

ปฏิญญาค่าแค้น

ครึ่งชั่วโมงถัดมา หลี่หมิงอวินกล่าวปลอบใจเมื่อเห็นหลินหลันนั่งหน้ามุ่ยอย่างไม่พึงพอใจอยู่บนเตียงเตา “ข้าว่าการที่เจ้าไม่ไปตรวจกลับเป็นเรื่องดีเสียอีก อย่างน้อยๆ ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เกิดความไม่พึงพอใจ และถึงอย่างไรก็ได้บอกกล่าวไปยังหลิวอี๋เหนียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” 

 

 

หลินหลันบ่นอุบอิบ “ทว่าข้าอุตส่าห์รับปากหลิวอี๋เหนียงไว้แล้ว แต่มาตอนนี้ต้องกลับคำไปเสียได้” 

 

 

“เรื่องนี้โทษเจ้าได้ที่ไหนกัน จะคิดให้มากมายไปใย” หลี่หมิงอวินถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงเตาด้วยกัน หลังจากนั้นก็หยิบตำราหนึ่งเล่มที่วางอยู่บนนั้นมาพลิกเปิดอ่าน 

 

 

หยินหลิ่วส่งโส่วหลูให้นายหญิงพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอ้อร์เส้าหน่ายนายมิได้ตรวจอาการป่วยให้ผู้คนนานวันเข้า เลยคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วสินะเจ้าคะ” 

 

 

หลินหลันตวัดสายตามองนาง “ก็มีแต่เจ้าที่เข้าใจความนึกคิดของข้า” 

 

 

หลี่หมิงอวินหัวเราะร่า “ไว้รอร้านยาเปิดแล้ว เจ้าได้ยุ่งอย่างที่ต้องการแน่” 

 

 

“ก็ไม่มีอันใดให้ยุ่งวุ่นวายเสียขนาดนั้น เรื่องจิปาทะมีผู้ดูแลอู๋คอยจัดการ ศิษย์พี่รองรับหน้าที่ตรวจวินิจฉัย ศิษย์พี่ห้ารับผิดชอบวัตถุดิบยา ส่วนข้าก็รับผิดชอบปรุงยาเป่าหนิงอะไรจำพวกนี้ หาเวลาไปเดินเล่นเป็นครั้งคราว จะได้ไม่นับว่าเป็นพวกประเภทดีแต่ชี้นิ้วสั่งการ” เมื่อได้พูดถึงเรื่องร้านยา สภาพอารมณ์ของหลินหลันก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาทันที 

 

 

“เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ เรื่องตระเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงยาท่านสามารถมอบให้ข้าน้อยไปจัดการได้นะเจ้าคะ ข้าน้อยรับประกันว่าจะทำออกมาให้ดีเลิศไร้ที่ติแน่นอนเจ้าค่ะ” หยินหลิ่วเริ่มเสนอตัวขอรับหน้าที่ ขณะเดียวกันก็มองไปยังนายหญิงอย่างคาดหวัง 

 

 

หลินหลันชายตามองนาง สาวน้อยผู้นี้กลับเริ่มมีความคิดอ่านขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ยามนี้ยังคงไม่ถึงเวลา “เรื่องเตรียมวัตถุดิบปรุงยานี่มิใช่เรื่องล้อเล่นสนุกๆ ไว้รอเจ้าเรียนรู้อีกสักสามถึงห้าปี มิแน่ว่าก็คงสามารถมอบหน้าที่นี้ให้แก่เจ้าได้” 

 

 

หยินหลิ่วรู้สึกผิดหวังไปชั่วขณะ ภายหลังพอลองคิดดูที่นายหญิงกล่าวก็ถูกต้อง ยามนี้นางที่พอทำได้ก็แค่ส่วนเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น สิ่งที่ต้องเรียนรู้ยังมีอีกมากมายนัก จึงสงบจิตใจแน่วแน่แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าน้อยจะตั้งใจเรียน ในภายภาคหน้าจะได้ช่วยแบ่งเบาเอ้อร์เส้าหน่ายนายด้วยเจ้าค่ะ” 

 

 

หลินหลันเผยรอยยิ้มแสนหวานก่อนจะบอกให้นางออกไป นางเลือกที่จะไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของหลี่หมิงอวิน โดยการเอนหลังเข้าหาหมอนอิงใบใหญ่แล้วหลับตาลงจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความนึกคิด เมื่อครู่ที่อยู่ในโถงจาวฮุย ยามที่ท่านพ่อผู้ไร้ยางอายให้นางไปตรวจอาการป่วยของหลิวอี๋เหนียง แม่มดชรากลับมีสีหน้าแปลกประหลาดชอบกล ถ้าหากเป็นการหึงหวง ปฏิกิริยาของแม่มดชราควรจะเป็นอาการโกรธสิ! ทว่านัยน์ตาของแม่มดชรากลับเปล่งประกาย เป็นพฤติกรรมที่ดูทำอะไรไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าทีซึ่งเต็มไปด้วยอาการลุกลี้ลุกลน หรือไม่…อาการป่วยของหลิวอี๋เหนียงเกิดจากการกระทำของแม่มดชรา? หลินหลันเบิกดวงตาคู่สวยแล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง 

 

 

หลี่หมิงอวินที่กำลังอ่านหนังสือถึงกับตื่นตกใจ “เจ้าเป็นอันใดไป” 

 

 

หลินหลันลงจากเตียงเตาแล้วรีบร้อนใส่รองเท้า “ข้าจำเป็นต้องไปทางด้านหลิวอี๋เหนียงนั่นสักหน่อย” 

 

 

หลี่หมิงอวินรีบรั้งนางเอาไว้ “ท่านพ่อเรียนเชิญหมอแล้ว เจ้าจะไปทำอันใดอีก” 

 

 

“ข้าสงสัยว่าอาการป่วยของหลิวอี๋เหนียงมีความเกี่ยวข้องกับแม่มดชรา ข้าจำเป็นต้องไปตรวจดูให้ได้” 

 

 

“เช่นนั้นเจ้ายิ่งไม่ควรไปเลยล่ะ เจ้าลองคิดดูสิ หากเป็นแผนการต่ำช้าของแม่มดชราจริง ท่านพ่อได้รับหลักฐานจากหมอคนอื่น แน่นอนว่ามันให้ความน่าเชื่อถือมากกว่าเจ้า และแม่มดชราก็จะได้ไม่มากล่าวโทษเจ้าได้ พวกเราแค่คอยมองดูอยู่ข้างๆ ก็พอ ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองรบรากันไป” หลี่หมิงอวินโอบรั้งนางกลับมาบนเตียงเตาแล้วดึงผ้าห่มขึ้นห่อหุ้มนางไว้พร้อมกับส่งท่อนแขนหนึ่งข้างเข้ามากอดไว้ “เจ้าแค่คอยอยู่เพื่อนข้าอ่านตำราอย่างสบายใจอยู่ที่นี่ อีกเดี๋ยวข้าค่อยอุ้มเจ้าไปนอนบนเตียงนอน” 

 

 

หลินหลันมุ่ยปากพร้อมกับเอนกายเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ทว่าภายในใจกลับรู้สึกอึดอัดแทบแย่ ความลึกลับเพิ่งถูกเปิดออก ทว่าหลี่หมิงอวินกลับไม่ปล่อยให้นางค้นหามันต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่เขาพูดก็มีเหตุผลเช่นกัน หากแม่มดชราลงมือใดๆ ต่อหลิวอี๋เหนียงจริงๆ คงเป็นการดีกว่าถ้านางไม่เข้าไปเอี่ยวด้วย 

 

 

“เหตุใดเจ้าถึงคาดเดาเช่นนี้หรือ มีหลักฐานอันใดเข้าแล้ว?” หลี่หมิงอวินเอ่ยถาม 

 

 

“เจ้ามิให้ข้าไปดูแล้วข้าจะมีหลักฐานได้อย่างไร ตามที่เจี่ยนชิวบอกกล่าว เดือนที่แล้วหลิวอี๋เหนียงก็รู้สึกปวดแปลบๆ ที่บริเวณท้อง หลายวันมานี้อาการปวดรุนแรงขึ้น ผนวกกับท่านพ่อมีความประสงค์ให้นางเพิ่มบุตรหลานให้แก่ตระกูลหลี่ ดังนั้นนางถึงได้สังเกตและให้ความสำคัญกับตนเองขึ้นมา ถ้าหากมิใช่ปฏิกิริยาโต้ตอบของนางแม่มดชราที่ผิดแปลกไป ข้าก็คงมิคาดเดาเช่นนี้ ยามนั้นนางมีท่าทีลุกลี้ลุกลน เพียงมองก็รู้ได้ว่าภายในใจนางคงก่อเรื่องต่ำทรามอันใดไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการคาดเดาของข้า ส่วนที่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ คงทำได้เพียงรอดูแล้วล่ะ” หลินหลันกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริงก็คงดีไม่น้อย ถึงขั้นแตะต้องแก้วตาดวงใจของพ่อหลี่ผู้ไร้ยางอาย แล้วเขาจะใจดียอมปล่อยไปง่ายๆ ได้หรือ 

 

 

ท่อนแขนของหลี่หมิงอวินกระชับแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ถ้าหากเป็นความจริง แน่นอนว่ามันคงเป็นผลดีสำหรับแผนการแก้แค้นของเขา “ข้าจะจับตาไว้” 

 

 

อ้อมกอดของบุรุษมันช่างอบอุ่นยิ่งนัก กลิ่นจางๆ ของหญ้าหอมบนเสื้อผ้า พร้อมกับการได้สดับรับฟังเสียงอันนุ่มสุขุมของเขา ไม่ทันไรหลินหลันก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

หลี่หมิงอวินก้มหน้ามองดูคนที่อยู่ในอ้อมกอด ใบหน้าเล็กอันขาวเนียนยามอยู่ใต้แสงไฟราวกับเผยให้เห็นความกระจ่างใสและเนียนละเอียดเข้าไปอีกหนึ่งชั้น 

 

 

“เอ้อร์เส้าเหยีย เอ้อร์เส้าหน่ายนาย…” อวี้หลงส่งเสียงเข้ามาจากด้านนอก 

 

 

หลี่หมิงอวินไม่อยากรบกวนการนอนของหลินหลัน จึงทำเพียงสดับรับฟังโดยไม่ขานรับแต่แล้วอวี้หลงก็เอ่ยเรียกอีกครั้ง หลี่หมิงอวินได้แต่แอบถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “มีเรื่องอันใด” 

 

 

“เหล่าเหยียให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายรีบไปเรือนเล็กฝั่งตะวันตกเจ้าค่ะ” อวี้หลงกล่าวตอบ 

 

 

หลี่หมิงอวินขมวดคิ้ว เรือนเล็กฝั่งตะวันตก? นั่นคือที่พักอาศัยของหลิวอี๋เหนียงมิใช่หรือ 

 

 

หลินหลันได้ยินเสียงดังจึงค่อยๆ สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋หลง นางยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ อยู่สักพัก 

 

 

หลี่หมิงอวินรู้สึกถึงคนในอ้อมแขนเริ่มขยับเขยื้อน จึงก้มหน้าลงและกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ทำให้เจ้าตื่นจนได้” 

 

 

หลินหลันขยี้ดวงตาเบาๆ พลางกล่าวพึมพำ “ท่านพ่อเรียกข้าไปไหนหรือ” 

 

 

“ทางด้านหลิวอี๋เหนียงนั่นอาจเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ท่านพ่อเลยให้เจ้าไปดูหน่อย” 

 

 

“ห๊า?” หลินหลันตาสว่างขึ้นทันทีทันใดแล้วรีบลงจากเตียงอย่างเร่งรีบ 

 

 

หลี่หมิงอวินให้อวี้หลงเข้ามาแล้วช่วยตักน้ำมาให้หลินหลันล้างหน้าล้างตา 

 

 

เมื่อหลินหลันตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยจึงเห็นหมิงอวินถือผ้าคลุมกันลมของนางเข้ามาให้ เขาเองก็แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศราวกับลักษณะที่ต้องออกไปด้านนอก 

 

 

“เจ้ายังต้องอ่านตำรา มิต้องไปหรอก ข้าไปเองได้” 

 

 

“หิมะตกทางเดินลื่น ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าจะดีกว่า ข้าจะได้เบาใจด้วย” หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น หลังจากนั้นจึงหันไปสั่งการอวี้หลง “ให้หรูอี้นำโคมตะเกียงกันลมมาจุดไว้” 

 

 

ทั้งสองเดินฝ่าลมหิมะมุ่งไปยังเรือนเล็กด้านฝั่งตะวันตก เมื่อผ่านโถงหลักแล้วเดินต่อไปทางตรอกสายเล็กก็เป็นอันถึงเรือนตะวันตก เห็นเพียงแสงจากโคมไปเบื้องหน้าที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาพร้อมกับเสียงข้ารับใช้เด็กหนุ่มที่คอยเอ่ยเตือน “ท่านหมอฮว๋า ท่านเดินระมัดระวังด้วยนะขอรับ…” 

 

 

หมอฮว๋า? หลินหลันอดเงยหน้าขึ้นมองมิได้ บุคคลเบื้องหน้านั้น คลุมผ้าคลุมกันลมสีน้ำเงินเข้ม เขาเดินเข้ามาภายใต้ท่าทางสง่าผ่าเผย และดูเหมือนเมื่อเทียบกับหมิงอวินแล้วความสูงของเขาจะมากกว่าเล็กน้อย เมื่อเดินเข้ามาในระยะที่ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ …หลินหลันสบตาเข้ากับดวงตาคู่คมอันแฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยน นางตกตะลึง เป็นคุณชายฮว๋า ฮว๋าเหวินไป่จริงๆ ด้วย 

 

 

มือของหลี่หมิงอวินสัมผัสได้ถึงเรือนร่างของหลินหลันที่แข็งทื่อ เขาเองก็มองไปยังบุคคลเบื้องหน้าอย่างสงบนิ่งเช่นกัน 

 

 

หลินหลันรู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ถูกราวกับว่านางสวมหน้ากากและทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่แล้วจู่ๆ ก็ถูกผู้อื่นถอดหน้ากากออก นางตื่นตระหนกมากจนรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วและหวังว่าเขาจะจำนางไม่ได้ 

 

 

ฮว๋าเหวินไป่ยังคงไม่สังเกตไปที่หลินหลัน มีเพียงความรู้สึกว่าสามีภรรยาคู่นี้ สตรีช่างงดงามอ่อนโยน ส่วนบุรุษก็รูปงามไร้ที่ติ ช่างเป็นคู่สวรรค์สรรสร้างเสียจริง และสตรีผู้นี้ยังดูคุ้นตาอยู่เล็กน้อย แน่นอนว่าเขาเองก็มิกล้าจับจ้องไปยังสตรีของผู้อื่น ซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่เสียมารยาทอย่างสูง ทว่าข้ารับใช้ที่อยู่ข้างกายยามนี้กลับคารวะให้แด่สามีภรรยาคู่นี้ “ข้าน้อยคารวะเอ้อร์เส้าเหยีย เอ้อร์เส้าหน่ายนายขอรับ…” 

 

 

นายหญิงสะใภ้รองแห่งตระกูลหลี่? ฮว๋าเหวินไป่ใจเต้นแรงขึ้นทันทีทันใด ท้ายที่สุดเขาก็มิอาจห้ามสายตาไม่ให้มองไปยังสตรีผู้นั้น