เจียงป่าวชิงขวางอยู่ตรงหน้ากงจี้ ทำให้นางมองไม่เห็นสีหน้าของกงจี้ แต่นางรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากทางด้านหลัง ทว่าในขณะนี้ ความสนใจของนางจดจ่ออยู่กับชายอ้วนที่ยิ้มแปลกพิลึกอยู่ตรงหน้านาง
เจียงป่าวชิงแสดงสีหน้าอย่างคนที่มีความรู้ความสามารถสูงส่งทว่าผสมผสานไปด้วยความดูถูก นางเชิดคางขึ้น พูดกับเหลียงจื้อถงด้วยเสียงแข็งกร้าว “เจ้าก็อยากรู้ชื่อท่านชายของข้าด้วยเหมือนกันรึ ? เหอะ! แค่จำไว้ว่าท่านชายของข้าแซ่ช่างก็พอแล้ว”
เหลียงจื้อถงตาเป็นประกาย ในสายตาของเขา ท่าทางเย่อหยิ่งที่เจียงป่าวชิงแสดงใส่เขามันมีเสน่ห์มาก เขาแทบจะหลงใหลในท่าทางนั้นของนางจนโงหัวไม่ขึ้นและเผลออุทานออกมาเบา ๆ สีหน้าเขาบ่งบอกเต็มที่ว่าอยากเข้าไปลูบคลำบั้นท้ายกลมกลึงของนางสักทีสองที
“ช่างอะไรนะแม่นางคนงาม แต่ช่างอะไรก็ช่างเถอะ เจ้ามาดื่มด่ำกับข้าดีกว่ามา…”
เขายังพูดไม่ทันจบคำ หูพลันได้ยินเสียงทะลวงอากาศดังขึ้นมา จากนั้นเสียงกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือดก็ดังขึ้นตามมาติด ๆ
เหลียงจื้อถงป้องแขนขวา แหกปากส่งเสียงร้องโหยหวน แขนขวาของเขาถูกมีดสั้นแทงทะลุจนเลือดไหลลงมาจากในซอกนิ้วมือ และหยดลงบนพื้นอย่างน่าสยดสยอง
เกิดความเงียบในทันใด บริเวณรอบ ๆ ได้ยินเพียงเสียงร้องของเหลียงจื้อถงคนเดียว “อ๊าก! เจ็บ ๆ ๆ เจ็บมาก! อ๊ากกกก!!!”
เกิดการปะทะกันจนเลือดตกยางออกในงานเลี้ยงวันเกิดเสียแล้ว งานเลี้ยงวันเกิดกับการเลือดตกยางออก นี่เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์คับขันนี้ ย่อมต้องมีคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านส่งคนให้แอบไปบอกเจ้าของงานเรียบร้อยแล้ว
กงจี้พิงรถเข็นอย่างคนไม่สนใจสิ่งใด เขาควงมีดสั้นในมือและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังเหลือแขนอีกข้าง เจ้าต้องการให้ข้าแทงแขนข้างนั้นด้วยไหมเล่า ?”
เหลียงจื้อถงพูดกระหืดกระหอบ “หนอย! เจ้ากล้าทำร้ายคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง เจ้า! เจ้า! เจ้า…”
พูดว่า ‘เจ้า’ อยู่ตั้งนานก็หาเหตุผลออกมาพูดต่อไม่ได้ ในตอนนั้นเอง คุณชายคนหนึ่งที่สนิทสนมกับเหลียงจื้อถงเป็นอย่างดีพูดเตือนเหลียงจื้อถง แม้ว่าเสียงของเขาจะเบามาก แต่กงจี้กลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ดูก็รู้แล้วว่าเขาคนนั้นเป็นคนมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ ดูจากจิตใจไม่กลัวเกรงของเขาและรสนิยมที่ดีนั้น เขาคงไม่ใช่คนที่มาจากตระกูลธรรมดาทั่วไปแน่นอน…”
“นี่น้องชาย วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของท่านซุน เจ้าอยากทำให้ท่านซุนไม่พอใจรึ ? อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่จะดีกว่า”
กงจี้หัวเราะเสียงเยียบเย็น ใครจะพูดอะไรเขาไม่สนใจเลย
แรกเริ่มเจียงป่าวชิงยังคงตะลึง เพราะสถานการณ์ที่พวกเขาเคยเตรียมตัวกันมาก่อนหน้านี้ไม่รวมเหตุการณ์เลือดตกยางออกแบบนี้ ทว่าเมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้ว ช่างฉีกวาง ที่แสดงโดยกงจี้นั้น เป็นคุณชายผู้ร่ำรวยที่มีจิตใจคับแคบ เย่อหยิ่ง แต่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ การมาเห็นคนอื่นลวนลามสาวใช้ของตัวเองทำให้เขาโกรธและลงมือโดยไม่สนใจใด ๆ ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เหมาะกับตัวละครนี้อยู่เหมือนกัน
เจียงป่าวชิงแอบชื่นชมในใจว่ากงจี้ทำได้สมบทบาทดีมาก นางรีบถ้าวถอยหลังไปยืนสงบนิ่งอยู่ข้าง ๆ เขาทันที
ขณะเดียวกัน ใครคนหนึ่งออกมาพูดเตือนกงจี้ “คุณชาย อารมณ์ของเจ้าออกจะรุนแรงไปสักหน่อยนะ วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของท่านซุน แต่เจ้ากลับก่อเรื่องจนมีการเลือดตกยางออกเกิดขึ้น เจ้าไม่กลัวท่านซุนกล่าวโทษเอาหรอกหรือ ?”
สิ่งที่ตอบรับเขาคือรอยยิ้มเยาะหยันของกงจี้ นี่ทำให้คนผู้นั้นโมโหจนพูดไม่ออก เขาสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจกงจี้อีก
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ไม่ต้องรอนาน ซุนจงอี้ที่เดิมทีต้อนรับแขกอยู่หน้างานจำต้องรีบเดินพาหมอมายังจุดเกิดเรื่องอย่างรวดเร็ว
ซุนจงอี้ดูเหมือนเป็นพวกขุนนางรับใช้คนใหญ่คนโตผู้ซึ่งทำงานอย่างสุจริต ไร้ซึ่งประวัติด่างพร้อย และคำนึงถึงประเทศกับประชาชนเป็นหลักประมาณนั้น เขามีสีหน้าร้อนรนขณะเร่งฝีเท้าเดินตรงมา “หลานเหลียง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”
ทันทีที่มาถึง คำพูดเป็นห่วงเป็นใยมากมายพรั่งพรูออกมาจากปากเขา
เมื่อเหลียงจื้อถงเห็นซุนจงอี้หรือที่เขาชอบเรียกว่าท่านซุน เขาก็ทำท่าทางเหมือนตัวเองเป็นหญิงสาวอ่อนแอถูกคนพาลกลั่นแกล้งและเพิ่งได้พบกับครอบครัวของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ตอนที่หมอกำลังทำแผลให้เหลียงจื้อถง ซุนจงอี้ก็พูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น “เป็นใครกันที่ทำพฤติกรรมรุนแรงแบบนี้ ?”
สายตาของผู้คนชี้ทางให้ซุนจงอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อซุนจงอี้เห็นกงจี้ เปลือกตาเขาพลันกระตุกเล็กน้อย
บุคคลที่โดดเด่นเช่นนี้ อันที่จริงซุนจงอี้เห็นแล้วเมื่อตอนที่เขาเพิ่งมาถึงที่นี่ และคิดว่าครั้งนี้ตนเองเชิญแขกผู้มีเกียรติที่เดินเหินไม่สะดวกมาด้วยหนึ่งคน เขาอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะก่นด่าเหลียงจื้อถงที่ก่อเรื่องให้เขา
“คุณชายช่าง” ซุนจงอี้ลองเรียกกงจี้เพื่อเป็นการหยั่งเชิง
มุมปากของกงจี้มีรอยยิ้มถากถางประดับอยู่ เขาพยักหน้าอย่างเอ้อระเหยตามเคย “ท่านซุนมาถึงแล้ว”
ใช่จริง ๆ ด้วย!
ซุนจงอี้ว้าวุ่นใจและสบายใจไปพร้อม ๆ กัน ที่เขาว้าวุ่นใจ มันก็เป็นเพราะคุณชายช่างคนนี้มีบุคลิกแบบที่คนเขาลือกันจริง ๆ สิ่งที่ผู้คนร่ำลือไม่ใช่ว่าจะไม่มีมูลเอาเสียเลย คุณชายช่างทั้งเป็นคนที่ดูหยิ่ง ๆ เข้ากับคนอื่นได้ยาก แต่สิ่งที่สบายใจก็เป็นเพราะในเมื่อสามารถเชิญคุณชายช่างให้มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเขาได้ เห็นทีว่าเรื่องนั้นที่เขาตั้งใจไว้ ก็คงจะชักใยสำเร็จได้ไม่ยาก
ในหัวของซุนจงอี้ครุ่นคิดอยู่เป็นพัน ๆ ครั้ง สุดท้ายก็กลายเป็นรอยยิ้มที่น่าเกรงขามเช่นเดิม “เข้าใจผิด นี่เป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อยน่ะ”
เพียงแต่คนดูไม่ได้โง่ พวกเขาต่างพากันใจสั่น
เหลียงจื้อถงกับเหลียงโหย่วซินผู้เป็นพ่อของเขาถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีความสัมพันธ์สายตรงกับซุนจงอี้ ตอนที่พวกเขาเห็นท่านซุนมาที่นี่ พวกเขาก็คิดว่าครั้งนี้ไอ้หนุ่มรถเข็นจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่แน่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าไอ้หนุ่มรถเข็นเพียงแค่พูดประโยคเรียบง่ายประโยคเดียว คนที่สามารถใช้อำนาจลงโทษผู้คนในจังหวัดหยูเฟิงได้ง่าย ๆ อย่างท่านซุนกลับต้อนรับเขาคนนั้นอย่างมีมารยาท
เหล่าคนฉลาดหลายคนทำการประเมินภูมิหลังของคุณชายแซ่ช่างคนนี้ในใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะพากับเงียบเหมือนไก่หงอ ไม่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอีก
กงจี้ยิ้มจาง ๆ อย่างพึงพอใจ
ซุนจงอี้รีบแสดงท่าทางเชื้อเชิญ “อ้า… หลานช่าง เชิญเจ้าทางนี้ เจ้าไปพักที่ห้องรับรองสักหน่อยดีกว่า ข้ามีเรื่องอยากเจรจากับเจ้าพอดี”
กงจี้พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
ดังนั้น ภายใต้สายตาที่ยากจะเชื่อของเหลียงจื้อถง กงจี้ก็จากไปกับซุนจงอี้อย่างสง่างาม ไม่มีคำดุด่าเลยสักคำเดียว
เมื่อมาถึงห้องรับรองที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ซุนจงอี้ก็โบกมือเพื่อให้ผู้คนออกไป และยังสั่งให้คนสนิทเฝ้าอยู่ตรงประตู
“หลานช่าง” ซุนจงอี้ลังเล เห็นได้ชัดว่าท่าทางนั้นคือจะสื่อว่าต้องการให้กงจี้สั่งเจียงป่าวชิงให้ออกไปด้วย
แต่กงจี้กลับพูดขึ้น “แม่นางผู้นี้เป็นคนสนิทของข้า”
ซุนจงอี้เห็นสีหน้าหงุดหงิดบนใบหน้ากงจี้ เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็วรวมถึงไม่พูดเรื่องนี้อีก สุดท้าย เขาก็พูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม “หลานช่าง เรื่องที่เจ้ากับข้าเคยคุยกันในจดหมายก่อนหน้านี้ เจ้าคิดใคร่ครวญไปถึงไหนแล้วหรือ ?”
กงจี้เอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน “ท่านซุน นั่นไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ เงินสามล้านตำลึงเชียวนะ ข้ายังไม่เคยเห็นมันเลยด้วยซ้ำ แต่ท่านกลับมาบอกว่าอยากให้ข้าจองการค้านั่น มันออกจะดูไม่เหมาะสมไปสักหน่อย”
ซุนจงอี้รีบพูด “ใช่ อ้าาาใช่… บังเอิญว่าวันนี้คุณชายสามของตระกูลหยุนหวูก็ให้เกียรติมาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของข้าเช่นกัน ถึงตอนนั้นข้าจะแนะนำทั้งสองคนให้เจ้ารู้จัก”
กงจี้พยักหน้าด้วยท่าทางเย่อหยิ่งตามแบบฉบับของเขา
ข้าหลวงซุนได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ แต่อย่างน้อยสีหน้าของเขาก็ดีขึ้นบ้างแล้ว
นั่ง ๆ กันไปสักพัก ซุนจงอี้ก็ใช้ข้ออ้างที่ว่ายังต้องไปต้อนรับแขกต่อแล้วลุกขึ้นจากไปในที่สุด เหลือให้พวกกงจี้ได้พักอยู่ในห้องรับรองตามลำพัง
เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าเรื่องมันยังผ่านไปได้เพียงไม่นาน ตอนนี้นางจึงยังไม่สามารถผ่อนคลายได้
กงจี้พยักหน้าให้เจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าราบเรียบ
เจียงป่าวชิงนั้นรู้ว่าเป็นอย่างที่กงจี้คิดไว้จริง ๆ แม้ซุนจงอี้คนนี้จะขอร้อง ‘คุณชายช่าง’ ให้ทำการค้าอย่างลับ ๆ ด้วยกัน แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับไม่เชื่อใจ ไม่แน่เขาก็อาจจะจัดให้คนสอดแนมอยู่รอบ ๆ บริเวณนี้ก็เป็นได้
และที่กงจี้ทำท่าทางระวังเช่นนี้ก็แสดงว่ามีคนกำลังเฝ้าดูอยู่จริง ๆ
เจียงป่าวชิงที่ทำตัวเป็นชิงยู่ สาวใช้ของกงจี้จึงเริ่มเพิ่มบทบาทต่อทันที “ท่านชายเจ้าคะ แม้ว่าเงินสามล้านตำลึงจะไม่ถือว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับเรา” ชิงยู่ผู้เป็นสาวใช้ทำทีเป็นห่วงใยเจ้านาย “แต่เราไว้ใจท่านซุนได้หรือเจ้าคะ ? แล้วการค้านี้จะมีความเสี่ยงหรือเปล่า ? ทำการติดต่อค้าขายกับตระกูลอื่น ข้าค่อนข้างกลัว…”
“เจ้าจะกลัวอะไร นี่เป็นการแสวงหาความมั่งคงในความเสี่ยง” กงจี้ตอบอย่างเกียจคร้าน เขาวางมือบนที่วางแขนรถเข็นและเคาะเบา ๆ “ซุนจงอี้เขาทำงานที่จังหวัดหยูเฟิงมาหลายปีแล้ว เขาก็คงจะมีช่องทางของเขา ข้าอยู่ในโลกแห่งการค้ามานานหลายปี มีหรือที่จะไม่กล้าทำการค้าอะไร”
ชิงยู่ผู้เป็นสาวใช้มีสีหน้าเลื่อมใส “สมแล้วที่เป็นท่านชาย ยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ”
กงจี้มองความเลื่อมใสที่ไม่ปกปิดบนใบหน้าของเจียงป่าวชิง ถึงแม้เขาจะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่นางแกล้งแสดงออกมาให้สมบทบาท แต่เหตุใดเขาถึงรู้สึก…
สบายใจเป็นอย่างยิ่ง!
กงจี้ส่งเสียงออกมาทางจมูกอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเขาก็หลับตาลง
.