ตอนที่ 197 เธอต้องการให้คุณเห็น / ตอนที่ 198 คุณไม่เหมาะกับการประจบสอพลอ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 197 เธอต้องการให้คุณเห็น

 

 

“ผมยอมทิ้งบริษัทยังจะดีซะกว่า”

 

 

และแล้ว เฉินฝานซิงก็เม้มริมฝีปากพลางมองเขาด้วยแววตาซาบซึ้ง

 

 

ถึงแม้จะเป็นเพียงประโยคง่ายๆ จากเขา แต่กลับทำให้เธอได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

 

 

ตอนนั้นที่ซูซื่อใกล้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ล้มละลาย เธอสู้อย่างสุดกำลังเพื่อช่วยดึงซูซื่อให้รอดกลับมาได้ทีละนิด ทีละนิด โดยไม่สนใจในศักดิ์ศรีของตัวเองเลย

 

 

เพราะซูเหิงไม่อยากให้ซูซื่อต้องพังลงไป เธอจึงช่วยเขา ทุ่มเทแรงกายแรงใจออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ทั้งยังคอยรับหน้าออกงานสังคมแทนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อดึงคู่ค้าเข้ามาร่วมลงทุนโดยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง

 

 

แต่เมื่อกลายมาเป็นป๋อจิ่งชวน เพียงประโยคเดียวของเขา ตัดซึ่งทุกหนทางไปสู่การเกิดเหตุการณ์แบบนั้นไปได้อย่างสิ้นเชิง

 

 

เขายอมทิ้งบริษัทเพราะไม่ต้องการให้เธอไปทำเรื่องอะไรแบบนั้นเหรอ

 

 

ทำไมชีวิตของเธอจะต้องมาเจอกับซูเหิงก่อนด้วย

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

 

“เรื่องนี้คุณไม่ต้องช่วยฉันหรอก ปล่อยให้พวกเขาด่าต่อไปเถอะ”

 

 

คิ้วของป๋อจิ่งชวนขมวดย่นกว่าเดิม

 

 

เฉินฝานซิงเห็นแววตาคัดค้านของเขาจึงรีบส่งยิ้มออกมา

 

 

“วางใจเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันน่ะ กลายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นไปแล้ว”

 

 

คิ้วที่ขมวดมุ่นของเขาค่อยๆ คลายลง พลันมองเธอด้วยท่าทางสนใจ

 

 

เธอพูดต่อ

 

 

“ข่าวนี้เพิ่งถูกปล่อยออกมา ยังไม่ได้กลายเป็นประเด็นร้อนถึงขั้นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของพวกนี้ต้องเป็นฝีมือของเฉินเชียนโหรวแน่ เป้าหมายของเธอนั้นชัดเจนอยู่แล้ว หลายปีมานี้ เธอก็ทำได้แค่ใช้เรื่องเดิมๆ ที่มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องมาทำให้เป็นประเด็นซ้ำๆ ดราม่าครั้งนี้ จะต้องทำให้เรื่องแย่ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตพวกนั้นของฉันถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอย่างแน่นอน”

 

 

“หกปีก่อน การจากไปอย่างกะทันหันของคุณแม่ทำให้ฉันทำอะไรไม่ถูก ยังไม่รู้จักระวังผู้คนที่คิดร้ายกับตัวเอง และไม่มีความสามารถในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว หลายสิ่งที่ควรจะเลือนรางก็ค่อยๆ จางหายไป ยังไงซะ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ของฉันก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วยู่แล้ว เธอคงคิดว่าเรื่องตอนนั้นเมื่อผ่านไปแล้วก็คงจะแล้วกันไป แต่เรื่องมันง่ายขนาดนั้นซะเมื่อไหร่กัน”

 

 

“ในเมื่อเธอต้องการแบบนี้ ไม่สู้ฉันใช้โอกาสนี้รื้อฟื้นเรื่องราวในตอนนั้นของฉันขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยหยิบยกมันขึ้นมาพูดทีละเรื่องที่ละเรื่อง”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกมุมปาก “คุณกำลังเล่นเกมอยู่เหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ ทำหน้าไร้เดียงสา “จะเรียกว่าเล่นเกมได้ยังไง” พลันพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม “แบบนี้เขาเรียกแก้แค้นต่างหากล่ะ”

 

 

เธอหยุดเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นของเธอจะฉายประกายความกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาออกมา

 

 

“อีกอย่าง บริหารงานบริษัทพีอาร์มาก็หลายปี ฉันเองก็อยากจะลิ้มลองรสชาติการยกยอปอปั้นใครสักคนด้วยตัวเองดูเหมือนกัน ฉันจะทำให้เธอสูญเสียทุกอย่างที่เธอเคยได้รับ ให้เธอปีนขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดแล้วค่อยถีบเธอให้ตกลงมา!”

 

 

น้ำเสียงของเฉินฝานซิงเยือกเย็นและเต็มไปด้วยเลศนัย ทำให้คนที่ได้ยินต่างก็อดขนลุกไม่ได้

 

 

แต่คนที่อยู่ข้างกายเธอตอนนี้มีเพียงป๋อจิ่งชวนเท่านั้น

 

 

หลังจากที่พูดจบ เธอก็รีบคืนสติกลับมา กัดริมฝีปากแล้วหันไปมองทางป๋อจิ่งชวนด้วยอาการขัดเขินเล็กน้อย

 

 

“คุณกำลังคิดว่าฉันโหดร้ายอำมหิตเกินไปใช่หรือเปล่า”

 

 

ป๋อชิ่งชวนกลับยิ้มออกมา “ผมชอบ แต่ว่า คุณไม่ต้องการให้ผมช่วยจริงๆ เหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงส่ายหน้าด้วยความหนักแน่น ทำให้ป๋อจิ่งชวนเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “ไม่ได้หรอก ถ้าหากคุณโดนรังแก ผมไม่มีทางนั่งเป็นหัวหลักหัวตออยู่เฉยๆ แน่”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้น

 

 

“คุณนี่อวดเก่งจริงๆ เลย อีกอย่าง ฉันเดาว่า ที่เธอปล่อยรูปพวกนี้ออกมา ไม่ใช่แค่ต้องการแก้ต่างให้ตัวเองแล้วโยนความผิดให้ฉันเฉยๆ แน่ เธอยังมีอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ นั่นก็คือ เธอต้องการให้คุณเห็น”

 

 

“หืม?”

 

 

“เรื่องทุบรถที่จัตุรัสซินซื่อเจี้ย คุณทุบรถของซูเหิงแล้วยังหักแขนของหลินเฟยเฟย งานเลี้ยงเมื่อคืน คุณปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อช่วยฉัน จากที่ฉันรู้จักเธอมา เธออยากจะให้ฉันถูกเหยียบย่ำให้จมดินใจจะขาด แล้วเธอจะยอมให้ข้างกายฉันมีคนที่สมบูรณ์อย่างคุณปรากฏตัวขึ้นได้ยังไง เพราะงั้น เธออยากให้คุณเห็นว่าฉันเป็นคนแบบนี้ พอคุณรู้แล้วก็จะจากฉันไปเอง…”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 198 คุณไม่เหมาะกับการประจบสอพลอ

 

 

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของป๋อจิ่งชวนไม่ได้ดูอารมณ์ดีขึ้นมา เฉินฝานซิงจึงขยับเข้าใกล้เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มตาหยี

 

 

“แต่เธอไม่รู้หรอกว่า คุณฉลาดขนาดนี้ ไม่มีทางหลงกลเธอแน่นอน”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหลุบตามลงต่ำเพื่อมองเธอ “คุณไม่เหมาะกับการประจบสอพลอ!”

 

 

การประจบของเธอทั้งไม่เนียนและดูโจ่งแจ้งเกินไป

 

 

เฉินฝานซิงชะงักงัน “ที่ฉันพูดก็ไม่ใช่เรื่องโกหกซะหน่อย”

 

 

“เพราะงั้น คุณกำลังประจบอยู่จริงๆ ใช่ไหม”

 

 

“…”

 

 

 

 

เมื่อเฉินฝานซิงไปถึงที่บริษัท ทุกคนต่างก็มองเธอด้วยสายตาที่ยากจะบรรยายความรู้สึกออกมาได้

 

 

แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าเพราะอะไร เพียงแต่เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

 

 

ยืนตรงมักไม่หวั่นเงาเฉียง หลายปีมานี้ ความโชคดีของเฉินเชียนโหรวทำร้ายอะไรเธอไม่ได้อีกแล้ว

 

 

ด้วยความเป็นห่วง สวี่ชิงจือจึงมารออยู่ที่ออฟฟิศตั้งแต่เช้าแล้ว

 

 

เธอแต่งกายชุดลำลอง นั่งรออยู่บนเก้าอี้สำนักงาน บนโต๊ะมีไม้กอล์ฟด้ามหนึ่งวางราบอยู่

 

 

หลังจากที่เห็นเฉินฝานซิงเดินเข้ามา เธอก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พลันหยิบไม้กอล์ฟที่วางอยู่บนโต๊ะติดมือเดินออกไปด้วย

 

 

“มาแล้วเหรอ ไปกันเถอะ ไปอัดใครบางคนกัน”

 

 

เฉินฝานซิงตะลึงงันไปกับท่าทางของสวี่ชิงจือ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะขำหรือร้องไห้ดี

 

 

“ยังไม่ทันเช็คเลยว่าใครเป็นคนทำ นี่เธอจะไปอัดใครเหรอ”

 

 

“เฉินเชียนโหรวกับซูเหิงไง! ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้เลย…สรุปก็คือ หญิงร้ายชายเลวคู่หนึ่ง อัดให้เละไปพร้อมๆ กันเลย ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้าไปดึงไม้กอล์ฟในมือสวี่จือชิงออกอย่างใจเย็น

 

 

“ไม่ว่าจะไปอัดใครก็ให้เธอไปไม่ได้ ตอนนี้ทั้งบริษัทกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการแบรนด์ที่จะขึ้นห้างในเครือของป๋อซื่ออยู่ ถ้าเธอมัวแต่ออกไปมีเรื่อง งั้นที่ทุกคนทนลำบากตรากตรำกันมาตั้งนานขนาดนี้ก็สูญเปล่าน่ะสิ”

 

 

“แล้วเธอจะเอายังไง จะปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ มองสวี่ชิงจื่อด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ถ้าฉันบอกว่าฉันจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เธอจะอัดฉันก่อนไหม”

 

 

“…” สวี่ชิงจือไม่พูดอะไร เพียงแต่ชำเลืองสายตาไปทางไม้กอล์ฟที่เฉินฝานซิงเพิ่งเอาไปเก็บเมื่อกี้

 

 

ไม่ต้องบอกก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

 

 

รอยยิ้มปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเฉินฝานซิงแวบหนึ่ง ก่อนที่เธอจะค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้ามาขึงขังเอาจริงเอาจัง

 

 

“ชิงจือ เฉินเชียนโหรวไม่มีทางได้มีความสุขไปจนถึงตอนจบแน่”

 

 

สวี่ชิงจือชายตามามองเธอปราดหนึ่ง

 

 

“เธอคิดจะทำอะไร”

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้มมุมปาก “ห่วงเรื่องของบริษัทก่อนจะดีกว่า เรื่องนี้ ปล่อยให้มันยิ่งบานปลายได้ มากเท่าไหร่ยิ่งดี”

 

 

“หมายความว่ายังไง”

 

 

“ชิงจือ การที่เฉินเชียนโหรวทำแบบนี้ มีแค่ตัวเธอเองเท่านั้นแหละที่รอดพ้นจากปัญหา แต่สำหรับซูซื่อนั้น สถานการณ์มันต่างกัน ถึงแม้ถ้าเทียบกับสถานการณ์ก่อนหน้า ดูเหมือนแนวโน้มหุ้นของซูซื่อตอนนี้นิ่งขึ้นเยอะแล้ว แต่ถ้าหากอยากขึ้นห้างในเครือป๋อซื่อล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี…”

 

 

สวี่ชิงจือดวงตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที ก่อนจะขยับเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเฉินฝานซิงเงียบๆ

 

 

สายตาคาดหวังคู่นั้นกำลังส่งสัญญาณให้เธอพูดต่ออย่างเห็นได้ชัด

 

 

“ที่ซูซื่อเชิดหน้าชูตาได้ทุกวันนี้ ฉันกล้าพูดอย่างไม่ถ่อมตัวได้เลยว่า นั่นเป็นน้ำพักน้ำแรงของฉัน รูปภาพในอินเทอร์เน็ตพวกนั้นน่ะเหรอ…เหอะ มีแต่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าซูซื่อต้องพึ่งพาฉันในการทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จยังไงล่ะ ส่วนผู้ค้าที่มาร่วมลงทุนที่ถูกเปิดเผยโฉมหน้าพวกนั้น ก็คงต้องขอถอนทุนด้วยความละอายและความโกรธอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

 

“ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งในภาพนั้น ยังมีผู้ร่วมลงทุนรายใหญ่ที่สุดของซูซื่ออยู่คนหนึ่งด้วย เรียกได้ว่าแทบจะคุมทั้งหมดของซูซื่อเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวเขากำลังสวีทหวานอยู่กับภรรยาของเขาที่เกียวโต ใครๆ ต่างก็รู้กันทั่วว่าเขารักภรรยายิ่งกว่าชีวิต แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วย”

 

 

เฉินฝานซิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเน้นย้ำออกมาทีละคำ

 

 

“แค่นิดเดียวก็ไม่ได้…อีกอย่าง ไม่นานก็จะถึงวันเกิดครบรอบแปดสิบแปดปีของนายใหญ่บ้านนั้นแล้ว…”

 

 

สวี่ชิงจือตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น “ฝานซิง ฝานซิง…”

 

 

ดวงตาเป็นประกายคู่นั้นของเธอจ้องมองไปยังเฉินฝานซิงในขณะส่งเสียงเรียก เฉินฝานซิงกลับหัวเราะออกมาเบาๆ

 

 

“ฉันจะหาวิธี เอาทุนในซูซื่อทั้งหมดของพวกเขามาให้ได้”