ตอนที่ 195 นี่มันอะไรกัน / ตอนที่ 196 ผมยอมทิ้งบริษัทยังจะดีซะกว่า

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 195 นี่มันอะไรกัน

 

 

ส่วนเฉินเชียนโหรวที่อยู่ชั้นบนก็ยังคงไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน

 

 

เมื่อวานที่เฉินฝานซิงตบหน้าเธอ เธอต้องใช้น้ำแข็งประคบทั้งคืน รอยช้ำแดงถึงจะจางลงไปได้

 

 

เพียงแต่แผลที่โดนบอดี้การ์ดรูปร่างบึกบึนราวกับโคถึกตบเข้าที่ข้างปาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทุเลาลงเลย

 

 

แม้แต่ตอนดื่มน้ำก็รู้สึกปวดไปทั่วทั้งปาก

 

 

ภายในหัวมีแต่เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงประจำปีทั้งหมดผุดขึ้นมา ทุกสีหน้าท่าทาง ทุกถ้อยคำของเฉินฝานซิงล้วนแต่เป็นแผนของเธอทั้งนั้น

 

 

และพวกเขาทุกคนก็ถูกเธอคำนวณไว้ในแผนเรียบร้อยหมดแล้ว

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉียนเชียนโหรวได้แต่กัดฟันกรอด ร่างกายสั่นระริก นัยน์ตากลายเป็นสีเลือดด้วยความโกรธแค้น สีหน้าดุร้ายราวกับหมาป่าที่กำลังคลุ้มคลั่งตัวหนึ่ง

 

 

แล้วยังมีผู้ชายที่น่าเกรงขามคนนั้น อีกทั้งพวกบอดี้การ์ดที่เขาพามาก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ แม้แต่ผู้ช่วยคนนั้น คำพูดคำจาก็บ้าดีเดือดไม่ธรรมดาเอาซะเลย

 

 

ถ้าหากเขาไม่มีอิทธิพลอะไรเลยจะกล้าทำถึงขนาดนี้ได้ยังไง

 

 

เฉินฝานซิง เธอกำลังสมคบคิดอยู่กับใครกันแน่

 

 

ฉันไม่มีทางยอม!

 

 

จะยอมแพ้ได้ยังไง!

 

 

เฉินฝานซิงถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมราวกับเจ้าหญิงมาตั้งแต่เด็ก

 

 

ส่วนตัวเธอจากเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้แน่ชัดว่าพ่อตัวเองเป็นใคร มาจนถึงการเป็นลูกเมียน้อย และสุดท้ายก็ได้กลายเป็นหลานสาวสกุลเฉิน

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เธอต้องการแย่งชิงช่วงเวลาแห่งความสุขทั้งหมดกลับมา และจะแย่งมันมาให้มากเป็นเท่าตัวด้วย

 

 

สายตาของเธอไปหยุดอยู่บนโทรศัพท์อีกครั้ง ข้อนิ้วแข็งเกร็งจนซีดขาว

 

 

เฉินฝานซิง เธอคิดจะกดฉันให้จมลงไปให้ได้เลยใช่ไหม

 

 

ไม่มีทาง!

 

 

 

 

ส่วนทางซูซื่อก็ไม่วายพลอยโดยหางเลขไปด้วย หุ้นตกไม่หยุด คณะกรรมการบริษัทต่างก็ต้องการให้ซูเหิงออกมาให้คำตอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้

 

 

แต่ไช่จิงอี๋คอยขวางเขาไว้ไม่ให้เข้าไปที่บริษัท

 

 

“แม่ครับ ตอนนี้เกิดเรื่องแล้ว ผมควรจะออกมาทำอะไรบ้าง มัวแต่หลบอยู่แบบนี้ มันไม่ใช่วิธีแก้ไข”

 

 

“ไม่ได้ ตอนนี้แกจะทำอะไรได้ กลุ่มผู้ถือหุ้นพวกนั้นก็เหมือนกับฝูงหมาป่าหิวโซฝูงหนึ่ง พวกมันอยากจะจับแกกินใจจะขาด”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

ซูเหิงกำลังจะพูดต่อ แต่ไช่จิงอี๋พูดตัดบทเขาเสียก่อน

 

 

“ตอนนี้ใจร้อนไม่ได้ ลูกต้องรอให้ใจเย็นลงกว่านี้ก่อน ไม่งั้นลูกเข้าไปที่บ้านสกุลเฉินก่อนสิ ไปดูเชียนโหรวหน่อย แล้วถือโอกาสดูด้วยว่าสกุลเฉินเขาแก้สถานการณ์กันยังไง พวกเขาคงไม่ปล่อยเชียนโหรวเอาไว้โดยไม่ดูดำดูดีแน่ ยังไงซะตอนนี้พวกลูกก็แยกกันไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็ควรจะนัดแนะวิธีแก้ปัญหาให้ไปในทางเดียวกันก็ยังดี ลูกว่าจริงไหม”

 

 

ซูเหิงค่อยๆ ใจเย็นลง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่แม่พูดมานั้นไม่ผิดเลย

 

 

หลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า “ครับ งั้นตอนนี้ผมจะไปบ้านสกุลเฉิน”

 

 

ทว่าฝั่งสกุลเฉินก็กำลังสิ้นไร้หนทางอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อหยางลี่เวยเห็นซูเหิง สีหน้าของเธอราวกับกำลังมองเห็นพระผู้เป็นเจ้ามาโปรด “ซูเหิง เชียนโหรวนอนไม่หลับทั้งคืน แล้วก็ไม่ยอมเจอใครเลย รีบขึ้นไปดูเธอหน่อยสิ…”

 

 

นั่นคือลูกสาวสุดที่รักของเธอเลยนะ

 

 

ซูเหิงเม้มริมฝีปากพลางพยักหน้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ในขณะที่เขากำลังจะเคาะประตูห้องของเฉินเชียนโหรว ประตูกลับถูกเปิดออกจากด้านในพอดี

 

 

เมื่อเฉินเชียนโหรวเห็นซูเหิง ภายในแววตาก็ฉายประกายความร้อนรนออกมา ก่อนที่จิตใต้สำนึกจะสั่งให้เธอผงะถอยหลังไปสองก้าว ทำให้โทรศัพท์ที่ถือไว้ในมือชนเข้ากับขอบประตูแล้วหล่นลงมาบนพื้น

 

 

ซูเหิงมองเธอด้วยความสงสัยวูบหนึ่งก่อนจะก้มตัวลงเก็บโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา

 

 

แต่เขากลับเห็นรูปภาพที่ปรากฏขึ้นในขณะที่มือของเขาไปสัมผัสโดนหน้าจอมือถือ นั่นทำให้คิ้วเขาขมวดมุ่น

 

 

เฉินเชียนโหรวคิดจะเข้าไปแย่ง แต่เมื่อเห็นท่าทีของซูเหิงก็ชะงักงันไป

 

 

ซูเหิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูรูปถ่ายในมือถือที่เธอเพิ่งส่งไปให้เหล่าสื่อมวลชนเมื่อกี้นี้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา แววตามืดหม่นและเย็นชา

 

 

“นี่มันอะไรกัน”

 

 

เฉินเชียนโหรวมองซูเหิงด้วยใบหน้าสลด ในตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

 

 

“พี่เหิงคะ ฉันไม่มีทางเลือกแล้วเลยต้องทำแบบนี้ ฉันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ”

 

 

ในขณะนั้นเอง เว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่งก็ได้เปิดเผยภาพถ่ายออกมาหลายภาพ คอมเมนต์ที่เทเสียงไปข้างเดียวเมื่อกี้นี้เปลี่ยนเป้าหมายโจมตีเพียงชั่วพริบตา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 196 ผมยอมทิ้งบริษัทยังจะดีซะกว่า

 

 

ในขณะนั้นเอง เว็บไซต์ชื่อดังเว็บหนึ่งก็ได้เปิดเผยภาพถ่ายออกมาหลายภาพ คอมเมนต์ก่อนหน้านี้ที่เทความเห็นไปข้างเดียวเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีในชั่วพริบตา…

 

 

ป๋อจิ่งชวนขับรถไปส่งเฉินฝานซิงที่บริษัทด้วยตัวเอง

 

 

แต่ระหว่างทาง จู่ๆ เฉินฝานซิงกลับได้รับโทรศัพท์จากสวี่ชิงจือขึ้นมากะทันหัน

 

 

“ฮัลโหล”

 

 

“ฝานซิง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วพลางถามกลับด้วยความสงสัย

 

 

“มีอะไรเหรอ”

 

 

“นี่เธอยังไม่รู้อีกเหรอ รีบเปิดเน็ตดูสิ จำไว้นะเฉินฝานซิง ถ้าเกิดจำเป็นต้องไปมีเรื่องตบตีกับใครล่ะก็ อย่าลืมเรียกฉันล่ะ”

 

 

น้อยครั้งนักที่สวี่ชิงจือจะโมโหเดือดดาลจนฟิวส์ขาด แต่ตอนนี้เธออาการหนักขนาดนี้จะต้องมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

 

 

เฉินฝานซิงกดวางสายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็รีบเปิดหน้าเว็บไซต์ทันที

 

 

เนื้อหาตอนแรกเกี่ยวกับเหตุการณ์เกิดขึ้นในงานเลี้ยงประจำปีของสกุลเฉินในคืนที่ผ่านมา แน่นอนว่าคอมเมนต์ต่างก็พุ่งประเด็นไปที่เฉินเชียนโหรว คำด่าสาดเสียเทเสียปลิวว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ต

 

 

ทันใดนั้น ลมก็เกิดเปลี่ยนทิศไปชั่วขณะ

 

 

พาดหัวกะทู้ดึงดูดสายตาผู้อ่านได้อย่างง่ายดาย

 

 

[หมั้นแปดปี คู่หมั้นของประธานบริหารซูซื่อคบซ้อนกลางคัน ชีวิตส่วนตัวมั่วโลกีย์]

 

 

ในกะทู้ยังลงภาพเอาไว้หลายใบ

 

 

ภาพเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่าล้วนแต่เป็นภาพแอบถ่าย เป็นภาพที่เฉินฝานซิงกำลังใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้า

 

 

ในระหว่างที่เธอกำลังมองดูภาพเหล่านั้นอยู่ สีหน้าของเธอก็หมองหม่นลงไปทันตา ใบหน้าเริ่มซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ผู้ชายที่อยู่ในภาพถ่ายเหล่านี้ใช่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักมักจี่ เหตุการณ์ในภาพก็ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง

 

 

แต่ภาพพวกนี้ ทั้งหมดเป็นภาพตอนที่เธอไปดื่มกับลูกค้าแล้วถูกพวกเขาฉวยโอกาสลวนลาม ในตอนที่เธอยังทำงานอยู่ที่ซูซื่อ

 

 

ภาพแบบนี้ประกอบกับการพาดหัวที่ชวนให้คนเข้าใจผิดแบบนั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของเฉินฝานซิงถูกฉุดลงไปจนแทบจะจมดิน

 

 

ไม่เพียงเท่านี้ เนื้อหาในกะทู้ยังเขียนบรรยายออกมาด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเลยสักนิดว่าเฉินฝานซิงยังเคยมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจจะบรรยายได้กับพวกเขาหลายคนในนั้นด้วย

 

 

มือที่จับโทรศัพท์ไว้บีบแน่นจนสังเกตได้

 

 

จากนั้นบนหน้าเว็บไซต์ก็ได้เกิดสงครามคอมเม้นต์ชุดใหญ่ขึ้นมาอีกระลอก ทิศทางของความคิดเห็นกลับเป็นทางตรงข้ามเพียงชั่วพริบตา

 

 

[ตายจริง ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลเฉินเป็นคนนอกใจก่อนหรอกเหรอ]

 

 

[มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างซูเหิงอยู่แล้ว ยังจะไปมั่วกับคนอื่นอีก น่ารังเกียจ]

 

 

[แค่มั่วยังไม่พอ แต่นี่ยังไปมั่วกับผู้ชายเยอะแยะขนาดนั้น ดูภายนอกก็ดูปกติดี ที่แท้ก็เป็นแค่อีตัวที่เที่ยวมั่วไปทั่ว]

 

 

[ที่บอกว่าเป็นผู้หญิงสตรองทำงานเก่งอะไรนั่นน่ะ เหอะ คงจะได้มาเพราะไปนอนกับคนไปทั่วสินะ]

 

 

[สุดท้ายประธานซูก็ไม่ได้ลงเอยกับเธอ แต่การถูกสวมเขาแบบนี้คงเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดถอดไม่ออกแล้ว น่าเศร้าใจจริงๆ]

 

 

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากด้วยความเหยียดหยัน

 

 

มิน่าล่ะ เมื่อกี้นี้สวี่จือชิงถึงได้อารมณ์ขึ้นขนาดนั้น

 

 

คุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูฟูมฟัก และให้ความสำคัญกับกิริยามารยาทอย่างเธอ ถึงกับพูดออกมาว่าจะไปตบคนสักฉาด คงจะโมโหจนถึงขีดสุดแล้วจริงๆ

 

 

แต่เฉินฝานซิงกลับรู้สึกเพียงแค่ว่าเรื่องพวกนี้มันน่าขำสิ้นดี

 

 

พลิกเกมกลับมาได้อย่างสวยงามดีจริงๆ

 

 

ถ้าเป็นแบบนี้ เมื่อวานในงานเลี้ยงประจำปี ตอนที่เฉินเชียนโหรววิ่งแจ้นออกมาพูดกับเธอทั้งน้ำตานองหน้า คำพูดพวกนั้นในที่สุดก็เอามาใช้เป็นประโยชน์ได้แล้วสินะ

 

 

ที่บอกว่าซูเหิงรักเธอ เพราะงั้นก็เลยทนเก็บมานาน

 

 

ที่เธอกับซูเหิงคบหากัน จริงๆ แล้วพวกเขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจและรู้สึกผิดต่อเฉินฝานซิงอยู่เหมือนกัน

 

 

สุดท้ายแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าจะดูอย่างไร เฉินฝานซิงก็กลายเป็นผู้หญิงสำส่อนที่พยายามจะทำให้ตัวเองดูเป็นผู้หญิงที่ดีมีคุณธรรม

 

 

ถึงแม้เธอจะพยายามฝืนเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้มากแค่ไหน แต่กระนั้นแล้ว ป๋อจิ่งชวนก็สังเกตเห็นได้ถึงท่าทีผิดปกติของเธออยู่ดี

 

 

เขาจอดรถชิดข้างทาง ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นรูปภาพและคอมเมนต์บนหน้าจอมือถือของเธอ สีหน้าเขาเยือกเย็นไปถนัดตา

 

 

“ต้องการให้ช่วยไหม”

 

 

เฉินฝานซิงเก็บโทรศัพท์กลับไปเงียบๆ แล้วหันหน้าไปมองเขา “คุณแคร์เรื่องพวกนี้ไหม”

 

 

ป๋อจิ่งชวนขมวดคิ้ว “แคร์!”

 

 

“…”

 

 

“ผมยอมทิ้งบริษัทยังจะดีซะกว่า”