ตอนที่ 213 เกิดปัญหาเพราะแสงไฟ

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 213 เกิดปัญหาเพราะแสงไฟ

“หรือจะเป็นเพราะแสงไฟในห้องโถงกันนะ? ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเธอสวยแบบนี้!”

ในตอนนี้เธอเผยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า เธอรู้ว่าเวลานี้จอถ่ายทอดสดกำลังฉายหน้าของเธออยู่

เธอมองตรงไปที่เขา ริมฝีปากชมพูระเรื่อค่อย ๆ เปิดออก “ประธานจิ่งหล่อที่สุด”

ทันทีที่คนในงานได้ยินคำพูดของเธอ บรรยากาศภายในงานก็ลุกฮือคึกคักมากขึ้น

ท่ามกลางสายตาของทุกคน จิ่งเป่ยเฉินหยิบไมโครโฟนขึ้นมา “จ่ายหนึ่งพันลดสองร้อยนะครับ”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปิดไมโครโฟนทันที ก่อนจะมองไปที่เธอที่กำลังเดินมา

อันโหรวมองเขาที่อยู่ในชุดสูทที่กำลังเดินลงมาจากเวที รู้แต่แรกแล้วว่าเขาจะต้องเป็นแบบนี้ เธอคงไม่คิดเหมือนกับตอนที่ก้าวขึ้นบนเวที และก็คงไม่รู้สึกเก้อเขินในตอนนี้แน่ ๆ

แม้พิธีกรจะมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเหล่านักข่าวที่มีต่อจิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ด้านหน้าเวทีได้เลย สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขามักจะสนใจเรื่องส่วนตัวของจิ่งเป่ยเฉินเสียมากกว่า

ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทุกคนที่มองมา จิ่งเป่ยเฉินเดินไปที่ด้านหน้าอันโหรวและโอบเอวเธออย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมเอียงศีรษะลงเล็กน้อยข้างใบหูเธอ ก่อนจะกระซิบว่า “เธอทำฉันเสียหายหนัก คืนนี้ต้องชดใช้ให้ฉันนะ”

“ไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด เป็นนายอาสาเองนะ” เธออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น!

อีกอย่างจ่ายหนึ่งพันลดสองร้อย เธอเองก็ไม่ได้เป็นคนพูด

“ฉันไม่สน เธอเป็นคนจุดไฟเอง ”

เธอกลอกตามองบนอย่างไร้คำพูดใด ๆ เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเธอเลยสักนิดเดียว คนที่จุดไฟอะไรนั่นล้วนเป็นเขาเองต่างหาก!

ส่วนเรื่องที่ต้องชดใช้ ยิ่งไม่ต้องนึกถึง!

ทั้งคู่ที่กำลังเอียงศีรษะแนบชิดกันทำให้ดูเหมือนใบหูกำลังคลอเคลียกันอย่างอ่อนโยน เล่นทำเอาผู้คนต่างเกิดความอิจฉา

ไม่ใช่ว่าพวกเขาแค่มาร่วมงานแถลงข่าวกันเหรอ ไม่คิดว่าจะต้องตกเป็นเป้าสายตาของฝูงสุนัขแบบนี้

แต่ว่าอาหารสุนัขนี้ก็คุ้มค่าที่จะกินนะ!

ด้านหน้ายังคงแถลงข่าวอย่างต่อเนื่อง จิ่งเป่ยเฉินและอันโหรวเดินกลับไปยังห้องรับรอง แต่ก่อนที่จะถึงห้องรับรอง โทรศัพท์ของอันโหรวก็ดังขึ้น

เธอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นหลินจือเซี๋ยวที่โทรเข้ามาจึงกดรับทันที เธอยังไม่ทันเอ่ยปาก หลินจือเซี๋ยวก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน “โหรวโหรวเกิดเรื่องแล้ว”

ฝีเท้าเธอหยุดชะงัก จิ่งเป่ยเฉินที่เดินตามมาก็หยุดฝีเท้าตาม พลางมองเธอด้วยความสงสัย

“ฮั่วตงเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับหมินลี่ ในข่าวเขียนบอกว่าบิ๊กบอสส่งคนไปเพราะต้องการกำจัดฮั่วตงออกจากตระกูลฮั่ว โหรวโหรวทำยังไงดี?” หลินจือเซี๋ยวที่นั่งอ่านข่าวในคอมพิวเตอร์อยู่มีท่าทางกังวลมากขึ้น

เมื่อก่อนเธอจะคอยถามเรื่องเหล่านี้กับประธานจิ่ง แต่ตอนนี้เธอตัดสินใจที่จะบอกทุกเรื่องผ่านอันโหรว เพื่อให้เธอไปบอกเขาต่อ เธอจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับบิ๊กบอส และยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

“ฉันรู้แล้ว เธอไม่ต้องตกใจไป” เธอพูดจบก็วางสายโทรศัพท์

ข่าวนี้ช่างปรากฏขึ้นมาได้ทันเวลาจริง ๆ งานแถลงข่าวของบริษัทจิ่งก็เพิ่งจบลงไป ไม่นานเท่าไรก็ดันเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในอินเทอร์เน็ตซะงั้น อีกอย่างพวกนักข่าวที่มาร่วมงานแถลงข่าวของบริษัทจิ่งยังไม่ทันได้เขียนข่าวประชาสัมพันธ์อะไรเลยด้วยซ้ำ ส่วนลดและกิจกรรมของบริษัทจิ่งที่ประกาศไปแม้จะน่าดึงดูดใจมากจริง ๆ แต่ก็ไม่มีใครหยิบหัวข้อพวกนี้ออกมาเป็นบทความใหญ่ ๆ เลย

ข่าวการซื้อขายที่ลดราคากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ต้องมีคนชี้แนะให้ทำเรื่องพวกนี้แน่ ๆ กลุ่มคนที่ไม่รู้ความจริงก็จะต้องเชื่อว่ามันเป็นความจริงแน่ ๆ

เธอรีบค้นหาข่าวในอินเทอร์เน็ต ข่าวอดีตประธานตระกูลฮั่วถูกรถชน “ประธานจิ่ง คนที่ชนรถหมินลี่คือฮั่วตงเหรอ?”

“ใช่” เขาหรี่ตามองไปที่ข่าวที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอ

“ฉีเซิงเทียนจัดการอะไรของเขากันเนี่ย!”

“สายไปแล้ว” เธอดูหน้าเว็บข่าวเกี่ยวกับหยกที่กำลังจะเปิดตัวในวันพรุ่งนี้

แต่เดิมผลิตภัณฑ์สินค้าตระกูลจิ่งเป็นระดับสูง ราคาแพงถือเป็นเรื่องปกติ แต่โลกโซเชียลส่วนใหญ่พูดถึงแค่ตัวสินค้าและราคาโดยที่ยังไม่ได้สัมผัสสินค้าจริง

“ประธานจิ่งคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” เธอยื่นโทรศัพท์ไปให้เขาดู

แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่ได้สนใจที่จะดูมัน “ไปเถอะ! กลับบริษัท“

เสียงที่ดังมาจากนักข่าวด้านหลังพวกเขา คาดว่านักข่าวคงได้เห็นข่าวล่าสุดนั้นแล้ว และฉีเซิงเทียนในตอนนี้ก็คงไม่อาจจะรับมือไหว

ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ เธอก็ถามเขาต่อว่า “อุบัติเหตุรถยนต์เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

แม้หมินลี่จะเสียงดัง แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะหุนหันพลันแล่นถึงขั้นโดนรถชนได้ เธอมองเขาด้วยท่าทีสงสัย หรือว่าจะเป็นจิ่งเป่ยเฉินทำจริง ๆ

เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ดูไม่สมเหตุสมผลกับพฤติกรรมของเขาเลยสักนิด ถ้าเป็นเขาละก็ ฮั่วตงตอนนี้คงไม่ได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ต้องไปนอนในห้องเก็บศพแล้ว

เขาเอียงศีรษะหันมาจ้องมองเธอและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีใครหนีกรรมไปได้หรอก”

“งั้นก็เป็นอย่างที่ข่าวเขาว่า? แต่ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไร้สาระ นายดูไม่กังวลกับภาพลักษณ์ของตัวเอง ภาพลักษณ์ของตระกูล หรือการซื้อขายในวันพรุ่งนี้เลย วันนี้ออกข่าวด้านลบแบบนี้” เขายังมาทำใจเย็นได้อยู่อีกนะ

เขาฉวยโทรศัพท์มือถือเธอมาและโยนไปอีกฝั่ง “ตอนนี้ฉันสนใจว่าข่าวนี้เผยแพร่ออกมาได้ยังไงมากกว่า ส่วนเรื่องอื่นฉีเซิงเทียนจะจัดการเอง”

เธอมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่ถูกโยนไปด้านหลัง พลางก้มหน้าอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง อย่างที่จิ่งเป่ยเฉินพูด ตอนนี้ฉีเซิงเทียนกำลังถือไมโครโฟนรับมือกับปัญหาเรื่องนี้อยู่

“ไม่ว่าจะระดับบนหรือระดับล่าง พรุ่งนี้จะได้รู้กัน ส่วนเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของอดีตประธานฮั่ว ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดทั้งหมด เรื่องนี้เราจะจัดแถลงและเรียนเชิญพี่ ๆ นักข่าวมาอีกที งานแถลงวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ”

เมื่อเขาพูดจบก็ลุกขึ้น ไมโครโฟนที่ยังไม่ทันได้วางถูกใช้งานขึ้นอีกครั้ง “ที่ประตูด้านหน้ามีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เตรียมไว้ให้ทุกท่านด้วย อย่าลืมหยิบไปก่อนกลับด้วยนะครับ ผมคงไม่สามารถขับรถไปส่งทุกท่านได้นะครับ!”

คำพูดของเขาสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนในงานอีกครั้ง เมื่อทุกคนออกไปกันหมดก็ไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อ ยิ่งกว่านั้นข่าววันนี้ก็วุ่นวายมากเกินไป กลับไปต้องร่างเขียนให้ดีกว่าเดิม

ฉีเซิงเทียนจับมือเหอเฉ่าเดินลงจากเวที ปล่อยให้พิธีกรคุมฉากหน้าต่อไป

ทันทีที่เดินไปหลังเวที เหอเฉ่าก็มองไปที่ฉีเซิงเทียนที่หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาดู “คุณฉีคะ มีอะไรที่ฉันต้องทำไหมคะ?”

ฉีเซิงเทียนที่กำลังกดเบอร์โทรศัพท์อยู่หันไปมองเธออยู่ชั่วครู่ “อย่าให้ข่าวด้านลบเผยแพร่ออกมาก็พอ ทางที่ดีรออย่าง ๆ เงียบไว้จะดีกว่า”

“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เหอเฉ่ายิ้มตอบกลับ

ฉีเซิงเทียนได้ยินเธอตอบก็เดินกลับออกไปด้านนอก เขาเดินคุยโทรศัพท์ไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

เหอเฉ่าที่ยังไม่ทันลบเครื่องสำอางออก เนื่องจากอันโหรวโทรศัพท์มาหาและบอกให้เธอออกมาจากที่นั่น

ด้านนอกโรงพยาบาลในตอนนี้เต็มไปด้วยนักข่าว ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่บริษัท

จิ่งเป่ยเฉินเข้าไปยังห้องทำงาน โดยที่อันโหรวชงกาแฟให้เขาก่อนออกไป

หลินจือเซี๋ยวรีบวิ่งตามเธอออกไปจากห้องทำงาน “โหรวโหรว เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย! บิ๊กบอสส่งคนไปชนฮั่วตงจริง ๆ เหรอ? ถึงส่งคนไปแต่ก็ไม่ควรส่งหมินลี่ไปหรือเปล่า!?”

คนในเมือง A รู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นขี้ปากคนอื่นหรอกใช่ไหม?

บิ๊กบอสไม่ใช่คนโง่แบบนั้นสักหน่อย!

อันโหรวจัดเรียงแฟ้มเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างใจเย็น “เธอเชื่อคำพูดพวกนั้นด้วยเหรอ? เธอเป็นเลขาของท่านประธานได้ยังไงเนี่ย”

หลินจือเซี๋ยวรีบโต้กลับทันที “วิธีการเป็นเลขาท่านประธานของเธอกับฉันเหมือนกันที่ไหน”

“เธอยังมีอารมณ์มาแกล้งฉันอีก ดูไม่กังวลเอาเลยนะ”