ตอนที่ 212 รูปร่างใบหน้า

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 212 รูปร่างใบหน้า

“ไม่เป็นไร รูปร่างใบหน้าของก็ฉันมากพอกับเธอ” จิ่งเป่ยเฉินเคลื่อนตัวขยับเข้าไปใกล้ ๆ เธอ

เธอนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาดื่มกาแฟต่อไป สำหรับคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ เธอแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน การแถลงข่าวถูกจัดเตรียมไว้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มก็ไม่ได้มีเธอขึ้นบนเวที

จนกระทั่งเวลาบ่ายโมงสิบห้านาทีก็มีคนเข้ามาเรียกจิ่งเป่ยเฉินให้ออกไป ในที่สุดเธอก็ได้วางแก้วที่อยู่ในมือลง “ประธานจิ่ง เชิญค่ะ”

“พวกเรามีอยู่กันตั้งสองคน เธอคิดอยากจะแปลกแยก?” ช่างเป็นคำพูดที่ดูรุนแรงเสียจริง!

“ประธานจิ่ง มีคำพูดโบราณเคยกล่าวไว้ว่า กำแพงมีหู ประตูมีตา[1]นะคะ” แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันก็จริง แต่ผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยคนนี้มีลูกสองคนที่สามารถเรียกขานชื่อของเขาได้อย่างเต็มที่ คิดดูแล้วมันก็น่าสงสัยมากนัก

มุมปากของจิ่งเป่ยเฉินพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยืนขึ้นและเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้

ภายในห้องโถงที่หรูหราและตกแต่งไปด้วยคริสตัล เหล่านักข่าวต่างก็มารวมตัวกันเพื่อรอฟังคำแถลงข่าวนี้ออกอากาศสดทั่วโลก

พิธีกรเป็นคนแรกที่เดินขึ้นไปบนเวที เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่ร้อนระอุให้สงบนิ่งขึ้น หลังจากนั้นเหอเฉ่าก็ได้เดินขึ้นไปบนเวที แสงแฟลชจากกล้องกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเวที

เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ๆ ผมสีดำประบ่ายาวสลวยปลิวไสวอยู่ทั่วด้านหลัง เส้นผมหลายเส้นปลิวไปตามการเดินของเธอ พลิ้วไหวจนลอยไปแตะที่ส่วนของหน้าอก ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านราวกับถูกวาดออกมาอย่างเปลือยเปล่า ดูงดงามเป็นอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้ดูไปแล้วถ้าจะเรียกงามล่มเมืองก็คงไม่ผิดเท่าไรนัก

อันโหรวยืนอยู่ตรงมุมที่เงียบสงบของเวที ก่อนจะมองไปยังเหอเฉ่าด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เมื่อมองเห็นคนที่ไร้การแต่งเติมได้เปิดเผยความสวยงามเช่นนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เธอเองก็น่าจะเคยได้พบเจอเช่นกัน!

โลกนี้อาศัยอยู่ในรูปแบบวัตถุนิยม ความกดดันในชีวิตล้วนแล้วแต่หนักหนา แต่ก็ยังสามารถประคองสติให้สงบนิ่งได้ ทั้งยังมีแรงจูงใจ ไม่หวาดกลัวสิ่งใด ๆ ทำให้เธอชื่นชอบเหอเฉ่ามากพอสมควร

 

จิ่งเป่ยเฉินยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ก่อนจะมองไปที่เธอและเอ่ยคำพูดอย่างแผ่วเบาว่า “นี่เธอดูดีกว่าฉันอีกหรือเปล่านะ?”

เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำท่าดูจริงจังเป็นอย่างมาก!

“ประธานจิ่ง ได้เวลาที่คุณต้องลงสนามแล้ว!” พวกเขาแยกออกจากกัน ตั้งแต่ตอนไหนกันนะที่เขามายืนอยู่ข้าง ๆ กายเธอ?

“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก คุณยังไม่ตอบคำถามของผมเลยนะ” จิ่งเป่ยเฉินได้ยินพิธีกรเรียกชื่อเขา แต่เขาเองก็ไม่สนใจเท่าไร

“คุณหล่อที่สุดอยู่แล้วค่ะ เชิญได้เลยค่ะ!” เธอยื่นมือออกไปและชี้ไปยังเวทีที่ห่างไกล

จิ่งเป่ยเฉินนึกขึ้นได้ว่าถ้าเขาเดินเข้าไป ไม่แน่ว่าเธออาจจะมองเขาเหมือนเหอเฉ่าที่มีความพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบก็ได้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขาจึงรีบก้าวเท้าขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางเสียงผู้คนที่ส่งเสียงเชียร์ดังลั่น

ก่อนหน้านั้นอันโหรวเองไม่เคยมีโอกาสเข้าร่วมงานที่เต็มไปด้วยแสงแฟลชเช่นนี้มาก่อนเลย เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยความกังวลเท่าไรนัก

ด้วยข่าวล่าสุดเกี่ยวกับพวกเขาที่โหมกระหน่ำไม่หยุดแบบนั้น

เมื่อจิ่งเป่ยเฉินกำลังเอ่ยคำพูดอยู่บนเวที เสียงทุ้มต่ำที่แผ่วเบานั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกขัดหูผู้คน น้ำเสียงล้วนบ่งบอกถึงเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

จากมุมของเธอที่ยืนดูเขาอยู่ก็สามารถเห็นใบหน้าด้านข้างของเขาได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของเขาก็ยังมีฉีเซิงเทียนที่บดบังเอาไว้ แต่เมื่อฉีเซิงเทียนขยับตัวอยู่ชั่วครู่ เธอก็ได้เหลือบเห็นชายในชุดสูทสีดำเพียงแค่เล็กน้อยจริง ๆ

ทันใดนั้นในหัวของเธอจู่ ๆ ก็นึกเรื่องที่พวกเขาไปยังสกุลเห่อด้วยกัน ตอนนั้นเธอเอ่ยถามเขาว่าทำไมถึงได้คิดจะซื้อกิจการของสกุลเห่อ แต่เขาก็ตอบกลับมาว่าแค่ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่ตอนไหน จู่ ๆ เธอก็เริ่มเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

อุตสาหกรรมบริษัทจิ่งนั้นกว้างขวาง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลืออีกว่าจิ่งเป่ยเฉินเป็นบุคคลที่มีอำนาจทั้งด้านสีดำและสีขาว อีกอย่างสกุลเห่อที่เล็ก ๆ ขนาดนั้น หากเขาต้องการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์การค้าหยกแล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องมองชิ้นส่วนก้อนเนื้อเล็ก ๆ อย่างสกุลเห่อก็ยังได้

งั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ทุกอย่างนั้น………ทำเพื่อเธอ

ในตอนนั้นเอง ฉีเซิงเทียนที่กำลังตอบคำถามนักข่าว จู่ ๆ ก็โน้มตัวไปอย่างเป็นธรรมชาติ เธอจึงสามารถมองเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของจิ่งเป่ยเฉินได้อย่างชัดเจน ดวงตาสีดำที่ดูลุ่มลึกใต้คิ้วที่โค้งราวกระบี่กำลังจับจ้องมองไปที่ด้านหน้า ทั้งยังเผยให้เห็นสายตาที่ดูเหมือนจะไม่ได้มองอะไรอยู่ ก่อนจะละสายตาจากจิ่งเป่ยเฉินออกไป

แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ก่อนจะเหลือบหันหน้าไปมองยังทิศทางของเธอ

ทันทีที่สายตาของทั้งสองคนประสานกัน เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวของเธอเองถูกไฟฟ้าช็อต ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีไปทางด้านพนักงานที่อยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ตัว

เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็ได้หันหน้ากลับมาอีกครั้งหนึ่ง บรรยากาศบนเวทีเริ่มดีขึ้นกว่าเดิมมาก ก่อนหน้านั้นแม้ว่าจะมีข่าวในโลกออนไลน์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หยกอยู่บ้างก็ตาม แต่เดิมทีนี่ก็เป็นความคาดหวังของผู้คนจำนวนมากอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พวกเขาทุกคนต่างก็คิดอยากจะเห็นจิ่งเป่ยเฉิน

เหล่านักข่าวพยายามอย่างมากที่จะแก้ปริศนาเกี่ยวกับตัวเขา แต่เมื่อคิดถึงคำพูดติฉินนินทาของจิ่งเป่ยเฉินมันช่างดูสะเปะสะปะ

เรื่องของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหยกนั้นมีคำถามอยู่ไม่ค่อยเยอะเท่าไร แต่จู่ ๆ ก็มีนักข่าวสาวใจกล้าผู้หนึ่งยื่นไมโครโฟนขึ้นและมองเขาที่อยู่บนเวที ก่อนจะพูดว่า “ประธานจิ่งคะ ขออนุญาตถามคุณว่าครั้งสุดท้ายที่คุณไล่ตามจีบแฟนสาว สุดท้ายแล้วคุณจีบเธอติดไหมคะ?”

อันโหรวที่ได้ยินคำถามพวกนี้เข้าก็พลันขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เธอรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายก็ต้องมีคนเอ่ยคำถามพวกนี้

จิ่งเป่ยเฉินนายต้องตอบคำถามพวกนี้ดี ๆ นะ ไม่อย่างนั้นละก็ คืนนี้จะปิดประตูให้นายอยู่ข้างนอกแน่!

จิ่งเป่ยเฉินขยับไมโครโฟนสีเงินเข้าไปใกล้ปาก ในที่สุดใบหน้าที่หล่อเหลาก็ค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “แล้วคุณคิดว่ายังไง?”

อันโหรวที่ได้ยินคำตอบที่ฟังดูคลุมเครือของเขา พลันก็หัวเราะอยู่ในลำคอ คำตอบพวกนี้ช่างชวนให้ผู้คนครุ่นคิดไปกันใหญ่เสียจริง ๆ จิ่งเป่ยเฉินนายจงใจชัด ๆ เลยนี่!  

“ประธานจิ่ง คุณหล่อเหลาเสียขนาดนี้ ยังไงก็ต้องจีบติดแน่นอนค่ะ!” นักข่าวที่ได้รับคำถามตอบกลับที่ไม่เหมือนกับคำตอบเท่าไรเอ่ยขึ้นอย่างไม่คิด สีหน้าและแววตาของเธอนั้นไม่อาจปกปิดความสงสัยไว้ได้เลย เดิมทีเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะได้รับคำตอบกลับแบบนี้จากจิ่งเป่ยเฉินเหมือนกัน

ทันใดนั้นพวกเขาก็พบว่าจิ่งเป่ยเฉินดูสนิทสนมกับผู้คนมากกว่าเดิม ก่อนหน้านั้นมีข่าวลือซุบซิบเรื่องแฟนสาวตั้งมากมาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับคำตอบกลับจากจิ่งเป่ยเฉินเลย ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นคำสอนเสียมากกว่า เป็นคำพูดที่ช่วยให้พวกเขาพูดกันเอง

เมื่อมีนักข่าวที่กล้าหาญแล้วคนหนึ่ง ที่ด้านหลังก็มีนักข่าวใจกล้าตั้งคำถามว่า เมื่อไหร่เขาจะแต่งงาน เพราะพวกเขาเองต่างก็รอวันที่เขาประกาศแต่งงานอยู่เช่นกัน

ซึ่งจิ่งเป่ยเฉินไม่ได้คิดจะตอบกลับใด ๆ ต่อ ทางด้านฉีเซิงเทียนที่อยู่ด้านข้างจึงรีบหยิบไมโครโฟนขึ้นมาใกล้ ๆ และพูดว่า “พวกคุณลำเอียงกันหรือเปล่าครับ? ถามผมด้วยสิ ผมเองก็พอตอบได้นะ!”

คำพูดของฉีเซิงเทียนทำให้ผู้คนต่างก็หัวเราะเสียงดัง แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรขึ้นมา สุดท้ายพวกเขาจึงโยนคำถามซุบซิบพวกนี้ไปยังฉีเซิงเทียนแทน

 

ฉีเซิงเทียนใช้โอกาสที่คุ้นเคยกับทุกเวทีมาแล้ว เพียงเอ่ยคำพูดไม่กี่คำก็พาเหล่านักข่าวกลับไปสนใจที่ตัวผลิตภัณฑ์หยกได้ในที่สุด

“ผมบอกเลย พรุ่งนี้เราจะลดราคา ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปเลยเป็นยังไง?” ฉีเซิงเทียนหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและเอ่ยถามไปที่นักข่าวที่อยู่เบื้องหน้า

ที่ด้านล่างเวทีพลันเกิดความโกลาหลขึ้นยกใหญ่ พวกเขาเข้าใจในด้านการเปิดธุรกิจใหม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะมักจะมีการลดราคา แต่นี่เปิดการขายสินค้าก็มีการลดราคาไปกว่าครึ่งหนึ่ง การลดราคาในครั้งนี้ดูจะรุนแรงเกินไปหน่อยหรือเปล่า!

“ลดกว่าครึ่งหนึ่งเลยนะ!”

“ประธานฉีคุณเท่มากจริง ๆ!”

ฉีเซิงเทียนรับคำชมจากคนที่อยู่ด้านล่างไปยกใหญ่ พลันสายตาของเขาก็เหลือบมองไปยังจิ่งเป่ยเฉินและยิ้มให้ “พวกคุณช่วยกันตะโกนเรียกประธานจิ่งว่าสุดหล่อสุดเท่หน่อยได้หรือเปล่า ไม่แน่อาจจะมีข้อเสนออื่น ๆ ให้มากกว่านี้ก็ได้!”

นักข่าวหลายคนที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงต่างก็สนใจในสิ่งของพวกนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งครั้งนี้เป็นการถ่ายทอดสดในโลกออนไลน์ที่มีผู้ชมอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย พวกเขาต่างมีความสุขจากผลประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่าครึ่งในครั้งนี้

 

เพียงแค่ครู่เดียว ภายในห้องโถงต่างก็พูดชมประธานจิ่งว่าสุดหล่อสุดเท่ด้วยเสียงอันดังเป็นพิเศษ

 

อันโหรวเองที่ได้เห็นก็พลอยมีความสุขและสนุกไปด้วย การลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์แต่เดิมทีก็เป็นแผนที่ดีอยู่แล้ว แต่คำพูดเมื่อครู่ของฉีเซิงเทียนนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาจงใจทำให้เป็นแบบนั้นเอง

ช่างเป็นพี่น้องที่ดีกันจริง ๆ ทำไมถึงกล้าหยอกล้อจิ่งเป่ยเฉินเล่นขนาดนี้ได้ ไม่กลัวจิ่งเป่ยเฉินโกรธอย่างนั้นเหรอ ฉีเซิงเทียนที่กล้าเล่นใหญ่ขนาดนี้ออกมาก็น่าจะพอมีเหตุผลพอสมควรอยู่นะ

ภายใต้การควบคุมของเหล่าพิธีกร บรรยากาศที่อยู่ภายในห้องโถงก็ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง จากนั้นจิ่งเป่ยเฉินจึงค่อย ๆ หยิบไมโครโฟนขึ้นมาอย่างสบาย ๆ และเอ่ยไปว่า “พวกเขาบอกย่อมไม่มีประโยชน์สำหรับผม แต่เธอพูดแล้วย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน”

อันโหรวมองไปยังจิ่งเป่ยเฉินที่หันหน้ามองมาที่เธอ เธอรู้สึกอยากจะต่อยเข้าไปตรงจมูกของเขาเสียจริง ๆ แสงแฟลชไม่ช้าก็กลายเป็นสาดส่องมาที่ตัวของเธอ ภายในห้องโถงเริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบที่ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ

“นี่มัน…หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่ประธานจิ่งตามจีบ?”

“ที่จริงแล้วรูปร่างก็ดีพอสมควรเลยนี่!”

[1] สิ่งใดที่เป็นความลับ เวลาพูดออกไปก็ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะอาจจะมีผู้อื่นได้ยินและนำไปเปิดเผย