บทที่ 124 ตรวจค้น

คู่ชะตาบันดาลรัก

ฮูหยินผู้เฒ่าตื่นจากฝัน ได้ยินเสียงเบาๆ จากด้านนอกจึงถามออกไป “ใครอยู่ข้างนอก”

ไม่นานนักสาวใช้ก็พาฮูหยินสองเข้ามา

“ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินสองมาพบท่านเจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างอ่อนแรงและพยายามลุกขึ้นนั่ง ฮูหยินสองก้าวเข้าไปประคองเอวนางอย่างระมัดระวังและค่อยๆ พยุง

“ท่านแม่หลับสบายดีหรือไม่เจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดด้วยความเศร้าใจ “ลูกสองยังไม่กลับมา ข้าจะหลับได้อย่างไร” ฮูหยินสองลังเลที่จะพูด

นางกับแม่สามีอยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี ฮูหยินผู้เฒ่าแค่มองก็รู้ว่านางมีเรื่องบางอย่างจะพูดจึงบอกออกไปว่า “อยากพูดอะไรก็พูดออกมาเถอะ จนตอนนี้แล้วยังมีเรื่องอะไรต้องปิดกันอีก”

ฮูหยินสองฝืนยิ้มแล้วพูดกับสาวใช้ “ยาของท่านแม่น่าจะเย็นแล้วเจ้าออกไปดูหน่อยเถิด”

“เจ้าค่ะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางกันสาวใช้ออกไปจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่” ฮูหยินสองคิดมาทั้งคืน นางกับนายท่านสองได้เลิกรากันไปนานแล้ว จึงไม่ลังเลที่จะทิ้งเขาเพื่อช่วยบุตรชายของตนเอง แต่เรื่องนี้จะพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไรในเมื่อนายท่านสองเป็นบุตรชายแท้ๆ ของนาง!

“เมื่อครู่คุณชายหยางมาที่จวนเจ้าค่ะ” หลังจากคิดมาครู่หนึ่งฮูหยินสองจึงพูดออกไป

ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ “เขามาที่จวนทำไมกัน”

ฮูหยินสองตอบไปว่า “มาพบเสี่ยวชีเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าหรี่ตาลงสักพักจึงถามกลับไปว่า “เขายังไปต่อได้หรือ”

ดูเหมือนฮูหยินสองจะไม่เข้าใจความหมายที่นางสื่อออกไปจึงพูดต่อไปว่า “สะใภ้ไปสอบถามบางอย่างจากเสี่ยวชีจึงมาเพื่อขอความเห็นจากท่านแม่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ คำพูดของนางชัดเจนมากจนเป็นไปไม่ได้ที่ฮูหยินสองจะไม่เข้าใจแล้วทำไมนางถึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดด้วยเล่า

จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าค่อยๆ จมลง “พูดมา”

“ท่านพี่ได้ทำความผิด” ฮูหยินสองพูดเบาๆ “จนอาจเกิดการค้นบ้านยึดทรัพย์และประหารทั้งครอบครัวเจ้าค่ะ”

“….”

ความเงียบของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้ฮูหยินสองรู้สึกใจหาย

เรื่องที่เกิดขึ้นกับฮูหยินสามจำต้องบังคับให้พวกนางต้องร่วมแสดงละครไปด้วย ในใจมีความคาดหวังไม่มากก็น้อย แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องต่างๆ จะมาถึงเร็วเพียงนี้

ผ่านไปสักพักฮูหยินผู้เฒ่าจึงพูดออกมา “พูดต่อเถอะ”

“เจ้าค่ะ”

ฮูหยินสองตัดสินใจแน่วแน่ทำได้เพียงกัดฟันพูดต่อไป “ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ไม่เพียงแค่ท่านพี่เท่านั้น พี่ใหญ่กับน้องห้าที่อยู่ที่เมืองหลวงก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เสี่ยวชีบอกว่าการยกเลิกประหารทั้งครอบครัวเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของฝ่าบาท”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองอย่างเฉยชา นางเดาได้ว่าฮูหยินสองคิดจะพูดอะไร

“คุณชายหยางหมายความว่าพวกเราควรให้ความร่วมมือรายงานความผิด ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม หากเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถช่วยลูกหลานเอาไว้ได้และยังพอมีหวัง ไม่เช่นนั้นคงต้องเกี่ยวข้องกันไปทั้งตระกูล”

ฮูหยินสองจงใจพูดให้กลายเป็นคำพูดของคุณชายหยาง เช่นนี้ก็มีน้ำหนักเพียงพอแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากที่นางพูดจบฮูหยินผู้เฒ่าก็เงียบอยู่เป็นเวลานาน

ฮูหยินสองกังวล แต่ไม่กล้าคะยั้นคะยอ ไม่นานก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดว่า “นี่เป็นความต้องการของเจ้าหรือไม่”

ฮูหยินสองตกใจ “ท่านแม่”

“ตั้งแต่เกิดเรื่องกับต้าเจียเอ๋อร์ เจ้ากับลูกสองก็บาดหมางกัน เจ้าเต็มใจที่จะทิ้งเขาเพื่อช่วยลูกๆ ใช่หรือไม่”

ฮูหยินสองเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเบา “ท่านแม่เข้าใจถูกแล้วเจ้าค่ะ ลูกผิดหวังในตัวเขามาก แต่เขาเป็นบิดาของซานเอ๋อร์กับลิ่วเอ๋อร์ ลูกเลยหวังที่จะดีกับเขาเพื่อลูก เพียงแต่เรื่องนี้ใหญ่เกินไปเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกเขา…”

ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือขัดจังหวะนาง “เจ้าไม่จำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงอะไร เรื่องราวภายในข้าย่อมรู้ดีกว่าเจ้า”

ฮูหยินสองขยับริมฝีปากแต่ไม่พูดอะไรออกไป แล้วนางก็ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าถามว่า “สะใภ้สอง เจ้าเข้ามาในตระกูลเรากี่ปีแล้ว”

ฮูหยินสองตอบกลับไป “ยี่สิบห้าปีเจ้าค่ะ”

“เป็นเวลายี่สิบห้าปีแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม “ยี่สิบห้าปีนี้ตระกูลหมิงปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าเองก็ดูแลเรื่องต่างๆ ในเรือนก็ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างเจ้า”

“คือ…” เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮูหยินสองก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ

“ชีวิตคนเราต้องมีพรากจากกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าหลับตา “หวังว่าเจ้าจะรู้ถึงความรู้สึกนี้ในอนาคต ดูแลซานเกอกับลิ่วเกอให้ดีๆ”

ฮูหยินสองชะงักแล้วนางก็ตกใจ “ท่านแม่!”

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างไร้ความรู้สึก “เจ้าเป็นแม่คน ข้าก็เป็นแม่คน มีหรือจะไม่รู้ความคิดของเจ้า ลูกสองทำผิดอะไรไว้ข้ารู้ดี เจ้าเลือกทางนี้ แม้จะไร้ความเมตตาไปหน่อย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อเขา หากมองในมุมมองของคนเป็นมารดา ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก แต่หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีกเรื่องพวกนี้เจ้าจัดการเถอะ”

หลังจากพูดจบนางก็หันหน้าออกไปและไม่พูดอะไรอีก ฮูหยินสองฟังด้วยความเงียบงัน น้ำตาไหลอาบหน้า

นางแต่งงานกับบุตรชายคนรองตระกูลหมิงมายี่สิบห้าปี ใช้ชีวิตอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่ามายี่สิบห้าปี แม่สามีและลูกสะใภ้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ฟังคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วจะไม่เศร้าได้อย่างไร แต่ตอนนี้นางจะพูดอะไรได้ ละทิ้งสามีเพื่อช่วยบุตรชาย การตัดสินใจนี้ไม่มีทางสั่นคลอนนางรู้สึกเสียใจกับฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินสองคุกเข่าลงช้าๆ “ขอบคุณท่านแม่ที่เข้าใจเจ้าค่ะ”

ทำความเคารพเสร็จนางก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว ฮูหยินผู้เฒ่าหันหน้ากลับมามองห้องที่ว่างเปล่าแล้วนางก็น้ำตาไหล

นางเป็นมารดา นางก็อยากช่วยบุตรชายของนาง แต่นางไม่สามารถช่วยได้!

วันนั้น วันที่ลูกสองพาคนมาขอรับโทษ นางก็รู้ดีว่าตระกูลหมิงได้จบสิ้นแล้ว! นางเกลียดตนเองที่ไม่ตายให้เร็วกว่านี้ถึงต้องมาเห็นฉากนี้ด้วยตาตนเอง…

………….

ยามบ่าย ผู้ตรวจสอบเดินทางมาถึงคนที่นำคนกลุ่มนี้มาก็คือเหลยหง เมื่อเขามาถึงก็ส่งคนไปเชิญหมิงเวย

“คุณหนูเจ็ด” เหลยหงยืนขึ้นและคำนับ ตระกูลหมิงในตอนนี้ไม่มีบุรุษมีเพียงฮูหยินสองที่อยู่ที่นี่

หมิงเวยคำนับกลับแล้วหันไปคำนับฮูหยินสอง “ท่านป้าสอง”

ฮูหยินสองไม่ยิ้ม แต่พยักหน้าตอบรับ “เวลายังไม่สายพวกเราเริ่มกันเถอะ!” เหลยหงเข้าประเด็น “ฮูหยินสอง เชิญท่านนำทางได้เลยขอรับ”

ฮูหยินสองพยักหน้า “ใต้เท้า เชิญท่านตามข้ามา”

ระหว่างทางทั้งสองคนได้ยินฮูหยินสองพูดว่า “สิบปีก่อน จู่ๆ ท่านพี่ก็ขอให้ข้าทำความสะอาดเรือนแห่งหนึ่ง และใช้ที่นั่นเป็นห้องหนังสือของเขา อย่างอื่นล้วนเป็นเรื่องรอง แต่ต้องเงียบพอ สิบปีมานี้นอกจากแม่เฒ่าหม่าที่เป็นคนสนิทก็ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปแม้แต่ข้าด้วย”

ฮูหยินสองหยุดชะงักแล้วยิ้มหยัน “บุรุษผู้นั้นประมาท เขาไม่คิดเลยว่าห้องนั้นข้าเป็นคนทำความสะอาด เรือนนี้ข้าเป็นคนดูแลถึงไม่สามารถก้าวเท้าเข้าไปได้ คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่ามีคนซ่อนอยู่ในห้องนั้น!”

พูดถึงตรงนี้พวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้านอกเรือนแล้ว เหลยหงส่งสัญญาณเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังก็บุกเข้าไป ฮูหยินสองเดินเข้าไปช้าๆ

“ที่นี่ ถึงแม้ข้าจะไม่ได้เข้ามาสิบปี แต่มีของอะไรบ้างข้าก็รู้ไปไม่น้อยกว่าเขาหรอก!”

เรือนนี้มีขนาดไม่ใหญ่มีเพียงห้องสามห้อง ส่วนห้องครัวและห้องคนรับใช้อยู่ด้านนอก

ฮูหยินสองเปิดห้องหลักและพูดว่า “ของที่พวกท่านต้องการน่าจะอยู่ในห้องนี้ คนผู้นั้นอยู่ที่นี่ไม่นาน ที่นี่ยังมีการใช้งานอยู่พวกท่านลองสังเกตดูว่ามีห้องลับหรือไม่”

หมิงเวยมองนางอย่างคาดไม่ถึง “ท่านป้าสอง…”

ฮูหยินสองไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปไม่นาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็รายงานออกมาเสียงดัง

“ใต้เท้า พบห้องลับแล้วขอรับ!”

…………………………………………