เล่มที่ 5 บทที่ 126 เหนือความคาดหมาย

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

องค์หญิงหมิงเยว่ผู้นี้ชอบพอท่านอ๋องของจวนพวกตน มิรู้ว่าหากนายหญิงรู้เรื่องเข้าจะเป็นเช่นไร

    “เจ้าพูดอะไรนะ? องค์หญิงหมิงเยว่เกาะแกวอแวท่านอ๋อง? ไปเห็นที่ไหนมาอย่างนั้นหรือ?”

    ป๋ายจีรู้สึกประหลาดใจ ที่ต้าจิ้นแห่งนี้ อย่าว่าแต่หญิงสาวชนชั้นสูงเลย แม้แต่หญิงสาวชนชั้นธรรมดายังต้องรักษาระยะห่างกับผู้ชาย

    “ข้าเห็นที่กระโจมของไท่จื่อนั่นแหละ องค์หญิงหมิงเยว่ไม่มียางอายเลยแม้แต่น้อย! ท่านอ๋องไม่สนใจนาง แต่นางยังคงเกาะแกะท่านอ๋องไม่ปล่อย อีกทั้งยังแกล้งเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตา แต่ถึงอย่างนั้นท่านอ๋องก็ยังไม่สนใจนาง ฮึ อีกเพียงนิดเดียวหน้าของนางก็จะจมดินอยู่แล้วเชียว!”

    พูดก็พูดเถิด ป๋ายจื่อชอบการแสดงออกของท่านอ๋องยิ่งนัก

    องค์หญิงหมิงเยว่งดงาม แต่นายหญิงของตนเองงามยิ่งกว่า

    ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องมิได้สนใจไยดีองค์หญิงไร้ยางอายคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

    ไม่เหมือนกับนายหญิงของตนเอง ท่านอ๋องกลัวเหลือเกินหากนายหญิงได้รับบาดเจ็บแม้เพียงนิดเดียว

    “เช่นนั้นก็ดีแล้ว จริงซิ เจ้าอย่าได้เล่าเรื่องนี้ให้นายหญิงฟังเด็ดขาด หากนายหญิงรู้เรื่องเข้า เกรงว่าจวนอวี้จะไร้ซึ่งความสงบสุขอีกต่อไป”

    ป๋ายจีถอนหายใจพลางเอ่ยกำชับ ป๋ายจื่อรีบพยักหน้าลงอย่างแข็งขัน

    นางรู้สึกอารมณ์ของหลินเมิ้งหยาดี

    นายหญิงที่มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอ หากใครก็ตามเข้ามาแย่งของขนาง คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน

    แค่ได้เห็นสภาพของคุณหนูรองกับคุณหนูเจียงก็รู้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น…องค์หญิงหมิงเยว่ก็เป็นถึงองค์หญิงนี่นา

    หากนางถูกหลินเมิ้งหยาจัดการจริงๆ ขึ้นมา เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นเรื่องราวคงบานปลายใหญ่หลวง

    ไม่นาน ทางด้านไท่จื่อส่งคนมาเชิญหลินเมิ้งหยา

    ถึงอย่างไรนางก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

    “มาเร็วเหมือนกันนี่ ป๋ายซูอยู่เฝ้ากระโจมที่นี่ พวกเจ้าสามคนตามข้ามา”

    หลินเมิ้งหยามิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก สำหรับนางแล้ว นี่เปรียบเสมือนละครฉากหนึ่งที่ตนเองจัดแจงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    ขณะเดียวกัน บรรยากาศระหว่างไท่จื่อและฮ่องเต้หมิงยิ่งกดดันมากขึ้น ไม่ว่าไท่จื่อจะอธิบายเช่นไร แต่ฮ่องเต้หมิงกลับไม่ยอมฟัง

    ลั่นวาจาเพียงว่าไท่จื่อจะต้องมอบตัวคนร้ายที่ทำร้ายหูลู่หนานให้กับเขา

    ยิ่งไปกว่านั้นหลงเทียนอวี้และหูเทียนเป่ยพยายามเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ ดังนั้นไท่จื่อจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบากทันที

    “ฮ่องเต้หมิง ข้าได้บอกแล้วว่าจะหาคำตอบเรื่องนี้ให้กับท่าน นี่หรือว่าท่านไม่เชื่อคำพูดขององค์ชายรัชทายาทเช่นข้าแล้วหรือ?”

    สีหน้าเคร่งขรึม หากมิใช่เพราะเสด็จแม่รับสั่งเอาไว้ว่าจะต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฮ่องเต้หมิงแล้วล่ะก็ เขาคงมิยอมอดทนอดกลั้นเช่นนี้

    “ไท่จื่อ อาหนานเป็นลูกชายของกระหม่อม อีกทั้งยังเป็นถึงองค์ชายแห่งซีฟาน เขาตายโดยไร้สาเหตุ อีกทั้งคนร้ายยังถูกไท่จื่อสังหาร หรือว่าซีฟานทำอะไรให้ไท่จื่อไม่พอใจ ดังนั้นจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกัน?”

    คำพูดของฮ่องเต้หมิงทำให้ไท่จื่อรู้สึกอับอาย

    เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดฮ่องเต้หมิงที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีกับตนเองจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้

    หรือเรื่องที่เขาส่งคนไปฆ่าหูลู่หนานจะแดงขึ้นมา?

    ชำเลืองมองด้วยความสงสัยไปทางฮ่องเต้หมิงและหูเทียนเป่ย พวกเขาไม่เหมือนคนที่รู้เรื่องนั้นเลยนี่นา!

    “ชายาอวี้เสด็จ…”

    ชายทั้งสองที่กำลังแสดงท่าทีข่มกันหันไปมองร่างบางที่กำลังเยื้องย่างเข้ามาภายใน

    วันนี้หลินเมิ้งหยามิได้สวมใส่ชุดชาววัง แต่กลับสวมใส่ชุดล่าสัตว์พอดีตัวสีฟ้าน้ำทะเล

    ผมรวบเป็นทรงง่ายๆ ใบหน้าประแป้งเล็กน้อย ลักษณะท่าทางงดงามบริสุทธิ์ประหนึ่งคนที่กำลังจะไปเดินชมป่าเขาก็มิปาน

    “ถวายคำนับไท่จื่อ ฮ่องเต้หมิง”

    ถวายคำนับอย่างมีมารยาท หลินเมิ้งหยายังคงรักษาท่าทีสงบนิ่ง ราวกับว่านางมิเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

    “ชายาอวี้จะไปเที่ยวเล่นหรือกระไร เหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้เล่า?”

    องค์หญิงหมิงเยว่แสร้งทำทีเอ่ยถามอย่างสนิทสนม ผู้หญิงในกระโจมแห่งนี้ล้วนสวมใส่ชุดชาววังรุ่มร่าม มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่แต่งตัวสบายๆ แต่กลับดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มทุกคน

    ช่างเป็นหญิงงามที่มีความคิดล้ำลึกยิ่งนัก ไม่อาจประมาทได้เลยจริง ๆ

    “ใช่แล้วเพคะ ท่านอ๋องบอกว่าหาตัวคนร้ายที่ทำร้ายองค์ชายรองเจอแล้ว เพราะฉะนั้นพระองค์จึงจะพาหม่อมฉันไปสร้างความผ่อนคลาย”

    เดินเข้ามาหยุดยืนข้างกายหลงเทียนอวี้ ก่อนจะนั่งลง

    สามีภรรยาคู่นี้เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก

    “หรือพวกเราจะเลื่อนเรื่องเที่ยวไปก่อนดีเพคะท่านอ๋อง?”

    เอียงศีรษะ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวานใสน่ารักน่าชัง หลินเมิ้งหยากะพริบตาปริบๆ อย่างซุกซนเพื่อส่งสัญญาณให้หลงเทียนอวี้ให้ความร่วมมือในการแสดงของตนเอง

    แม้จะอาศัยอยู่กับนางมิใช่เพียงวันสองวันแล้ว ทว่าหลงเทียนอวี้ยังคงไม่คุ้นชินกับการเล่นสนุกของนางเช่นนี้

    พยักหน้าลง มือหนายื่นเข้าไปกุมมือนุ่มนิ่มดั่งปุยนุ่นของนาง ขณะเดียวกัน สายตาอิจฉาตาร้อนขององค์หญิงหมิงเยว่จ้องมาทางหลินเมิ้งหยาเขม็ง

    เมื่อครู่ นางพยายามเข้าหาหลงเทียนอวี้ก่อน แต่กลับถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่าทางเสแสร้งของหญิงสาวคนนั้นจะทำให้หลงเทียนอวี้เป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปหานางก่อนเช่นนี้

    แม้แต่นางที่เป็นคนนอกยังมองออกว่าหลินเมิ้งหยากำลังแสดงละคร! เหตุใดหลงเทียนอวี้ต้องเล่นละครกับนางด้วย?

    “ในเมื่อมาถึงกันหมดแล้ว เช่นนั้นเรื่องการตายของหูลู่หนานควรจะทำให้กระจ่างเสียที”

    เสมือนฮ่องเต้หมิงมองมิเห็นการแสดงความรักระหว่างหลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาอย่างไรอย่างนั้น เขาส่งเสียงเคร่งขรึม

    ไท่จื่อชักสายตากลับ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขสถานการณ์คับขันตรงหน้า

    “ข้าคิดว่าชายาอวี้น่าจะมีเรื่องที่ต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องในคืนนั้นใช่หรือไม่?”

    คำพูดของไท่จื่อเสมือนการโยนขี้ให้กับหลินเมิ้งหยาอย่างไรอย่างนั้น

    หลินเมิ้งหยาเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ลุกขึ้นยืน ก่อนจะถอนหายใจแล้วหลุบตาต่ำ

    “อันที่จริงวันนั้นหม่อมฉันไปหาองค์ชายรองและเกิดมีปากมีเสียงกันด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่เยว่ถิง แต่ถึงกระนั้นหม่อมฉันก็มิได้ประทุษร้ายเขาแต่อย่างใด หม่อมฉันเพียงแต่พลั้งมือออกชกไปที่ริมฝีปากของเขา แต่ด้วยร่างกายกำยำขององค์ชายรอง หม่อมฉันจึงมิอาจทำได้สำเร็จ”

    แน่นอนว่าหูลู่หนานปฏิบัติไม่ดีต่อเยว่ถิงก่อน

    ดังนั้นคำพูดของหลินเมิ้งหยาจึงน่าเชื่อถือ

    “อีกอย่าง องค์ชายรองมีฝีมือในการต่อสู้ รูปร่างสูงใหญ่ กว่าหม่อมฉันจะชกเขาได้ก็ต้องกระโดดจึงจะถึง ไท่จื่อลองตรองดูเถิดว่าหม่อมฉันที่มีร่างกายบอบบางเช่นนี้จะเอาชนะองค์ชายรองได้อย่างไร?”

    หยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก หลินเมิ้งหยาเอ่ยอ้างเหตุผล

    แต่ไหนแต่ไรมานางมีชิงหูคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ

    อันที่จริง คนส่วนใหญ่ล้วนไม่รู้ว่าข้างกายนางมีเขาอยู่

    ไม่ว่าหลินเมิ้งหยาจะฉลาดมากมายขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วนางเป็นเพียงหญิงสาวบอบบางคนหนึ่งเท่านั้น

    ส่วนหูลู่หนานโหดร้ายขนาดไหน ทุกคนสามารถดูได้จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเยว่ถิง

    คนทั้งหมดเหลือบมองหลินเมิ้งหยา ก่อนจะส่ายหน้า

    การที่หญิงสาวร่างเล็กบอบบางสามารถเอาชนะชายหนุ่มร่างกำยำได้ดูจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

    “เจ้า…บางที เจ้าอาจจะมีคนคอยช่วยเหลือก็เป็นได้!”

    ไท่จื่อถูกหลินเมิ้งหยาโต้กลับจนเดือดดาล สีหน้าเปลี่ยนไปตามอารมณ์

    ใบหน้าเคร่งขรึมเผยความโกรธเกรี้ยวออกมาให้เห็น ก่อนที่จะพยักเผยิบหน้าไปทางหลงเทียนอวี้

    “เป็นไปไม่ได้ วันนั้นข้ากับหลงเทียนอวี้ร่ำสุรากันตลอดทั้งคืน แม้จะเดินออกจากกระโจมไปบ้าง แต่ก็มินานนัก เพราะฉะนั้นคนที่ทำร้ายน้องชายของข้าจะต้องไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน”

    ไม่มีใครคาดคิดว่าพยานปากเอกของหลงเทียนอวี้จะเป็นหูเทียนเป่ย

    คนที่ตายคือน้องชายของเขา เขาที่เป็นพี่ชายคงไม่ผันตัวมาเป็นพยานให้กับศัตรูหรอกกระมัง?

    หลินเมิ้งหยาตกตะลึงเล็กน้อย หลงเทียนอวี้ติดสินบนอะไรหูเทียนเป่ยกันนะ เขาจึงผันตัวมาเป็นพยานปากเอกให้เช่นนี้

    จะต้องมีอะไรอย่างแน่นอน!

    “ไท่จื่อ ในเมื่อท่านเอ่ยว่าคนร้ายมิใช่พวกหญิงต่ำช้าเหล่านั้น เช่นนั้นได้โปรดมอบตัวคนร้ายตัวจริงให้กับข้าด้วย”

    คำพูดของฮ่องเต้หมิงเสมือนคำตัดสินขั้นสุดท้าย

    สมองของไท่จื่อแทบระเบิด นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดฮ่องเต้หมิงและหูเทียนเป่ยจึงเข้าข้างหลงเทียนอวี้

    “บางทีคนร้ายที่ฆ่าองค์ชายรองอาจเป็นพวกนางทั้งสาม แต่หากอ้างอิงจากคำพูดของชายาอวี้ องค์ชายรองที่มีฝีมือในการต่อสู้คงไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวเพียงสามคนหรอกกระมัง?”

    แม้ไท่จื่อจะพยายามหาทางรอดสุดท้าย ทว่าหลงเทียนอวี้กลับไม่ให้โอกาสนั้น

    “อันที่จริงพวกนางทั้งสามคนหาใช่นักเต้นระบำธรรมดาไม่ เหตุเพราะพวกนางเป็นนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋”

    คำพูดของหลงเทียนอวี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนก

    เถาฮวาอู๋ กลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเจียงหูน่ะหรือ! เหตุใดความตายขององค์ชายรองจึงไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาได้เล่า?

    “อย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อน พวกนางล้วนเป็นนักเต้นระบำที่ติดตามกองทัพมา แล้วพวกนางจะเป็นนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ได้อย่างไร”

    ความโกรธในหัวใจของไท่จื่อพลุ่งพล่านดั่งเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เขาเป็นผู้คัดเลือกนักเต้นระบำทั้งสามคนนั้นเพื่อมอบให้กับหูลู่หนานเอง แล้วพวกนางจะกลายเป็นนักฆ่าแห่งเถาฮวาอู๋ได้อย่างไร?

    “หากไท่จื่อไม่เชื่อ เช่นนั้นยกศพมาพิสูจน์ด้วยกันดีหรือไม่เพคะ?”

    ใบหน้าของหลินเมิ้งหยาประดับไว้ซึ่งรอยยิ้ม ราวกับว่านางกุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือ

    “ได้ เข้ามา ไปนำศพของพวกนางมาเดี๋ยวนี้”

    ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปจนเกินกว่าความคาดเดาของไท่จื่อแล้ว เรื่องพวกนี้เหลวไหลเกินไป

    ขณะที่ทหารกำลังจะไปนำร่างของนักเต้นระบำมา อยู่ๆ ด้านนอกกระโจมพลันเกิดเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้น

    “รายงาน…ทูลไท่จื่อ อยู่ๆ ชายชุดดำสวมหน้ากากจำนวนมากโผล่ออกมาจากป่า ตอนนี้กำลังต่อสู้กับทหารองครักษ์พ่ะย่ะค่ะ”

    “ว่าอะไรนะ?”

    ไท่จื่อตกตะลึง ใบหน้าแข็งทื่อ

    เป็นไปได้อย่างไร? ใต้เท้าจางบอกว่าสั่งให้ตรวจสอบความปลอดภัยรอบบริเวณป่าแล้วมิใช่หรือ?

    เหตุใดจึงมีชายชุดดำปรากฏตัวออกมา?

    “ทูลไท่จื่อ ชายชุดดำเหล่านั้นมีฝีมือในการต่อสู้ขั้นสูง ตอนนี้ส่งคนไปช่วยทหารองครักษ์แล้ว ไท่จื่อได้โปรดรีบกลับวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตราย”

    ข่าวที่ได้รับรายงานทำให้ไท่จื่อกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

    “ทหารองครักษ์ประจำตระกูลให้เข้าร่วมการต่อสู้กับทหารองครักษ์ ทุกคนจงปกป้องคุ้มครองไท่จื่อให้ดี แยกย้ายกันได้”

    ในช่วงเวลาคับขัน หลงชิงหานออกคำสั่งเสียงดัง

    ทหารองครักษ์ประจำตระกูลล้วนทำตามคำสั่งของหลงชิงหาน

    “ท่านอ๋อง ระวังตัวด้วยนะเพคะ”

    ขณะเดียวกัน หลงเทียนอวี้หยิบดาบของตนเองออกมาเพื่อออกไปต่อสู้เคียงข้างหลงชิงหาน

    หลินเมิ้งหยาเอ่ยกำชับหลงเทียนอวี้ด้วยความกังวล ดวงตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

    “วางใจเถิด สั่งให้ป๋ายซูคอยคุ้มครองดูแลเจ้าเสีย”

    หลงเทียนอวี้ตบบ่าของหลินเมิ้งหยาพลางออกคำสั่งเสียงเรียบ