บทที่ 125

ถ้าอีกเมืองมีทหารน้อยกว่าก็ยังพอว่าได้ แต่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้แผนล้มไม่เป็นท่าเลยก็ได้

เมื่อเห็นสีหน้าตะลึงของทุกคนถังหยินก็พูด “ไม่ต้องกังวลไป แม่ทัพหลีสำรวจแล้วว่าอีกเมืองนั้นไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก”

ทุกคนไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบนั้น พวกเขารู้สึกว่านี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายมาก ถ้าหากพลาดแค่เพียงเล็กน้อยนั่นหมายถึงชีวิต

ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาโต้แย้ง เขาหันไปกล่าวกับเฉิงจินในทันทีว่า “แม่ทัพเฉิง เจ้าจงพากลุ่มของเจ้าไปกับข้าด้วย ข้าจะให้พวกเจ้าจัดการพวกที่คิดจะหนี”

ชายคนนี้ได้รับการไว้วางใจจากถังหยินอย่างมาก เขาเปรียบเสมือนมือขวาเลยด้วยซ้ำ แม้แต่จางโจวเองก็ยังให้ความเคารพ

และเมื่อเฉิงจินได้ยินแบบนั้น เขาก็ไม่คัดค้าน

ถังหยินไม่กลัวที่จะบุกเมืองต่างแดนอยู่แล้ว หากแต่เขากลัวว่าพวกที่หนีจะไปขอกำลังเสริมมาช่วยเสียมากกว่า ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้จัดแจงให้หน่วยต่าง ๆ ซุ่มอยู่รอบ ๆ เพื่อเก็บกวาดพวกที่กำลังหนี

เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ถังหยินก็มองทุกคน “มีอะไรอื่นจะเสนออีกไหม ?”

ทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน

เมื่อเห็นแบบนั้น ชายหนุ่มก็พลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาดว่า “ในเมื่อไม่มีอะไรก็กลับไปได้ แต่ทว่าห้ามให้ข้อมูลในนี้ถูกเผยแพร่เป็นอันขาด !”

“น้อมรับบัญชา !”

“นอกจากนี้ เมื่อนายกองทุกคนกลับมาแล้ว พวกเจ้าก็จงให้พวกเขาคัดเลือกทหารม้าที่เก่งกาจที่สุดเอาไว้ด้วย”

“ขอรับนายท่าน” ในบรรดาทหารทุกคนในที่นี้ มีเพียงไป่หยงเท่านั้นที่ต้องไปป้องกันเมืองชายแดน

ในเวลานี้การฝึกทหารในรูปแบบของถังหยินนั้นเริ่มออกผลแล้ว เพราะมันทำให้พวกทหารม้าทั้งหมด 1 หมื่นนายสามารถควบขี่ม้าและต่อสู้ไปพร้อม ๆ กันได้อย่างมีประสิทธิภาพ !

“เอาล่ะ เลิกประชุมได้”

“น้อมรับบัญชา !”

ทุกคนต่างก็เดินออกจากที่นี่ไป เหลือแค่เพียงชิวเจิ้นที่กำลังรอจังหวะอะไรสักอย่างอยู่ “มีอะไรหรือเปล่าชิวเจิ้น ?”

เด็กหนุ่มเงียบไปก่อนตอบ “ม้าที่นายท่านซื้อมาสามารถใช้นำไปเสริมกับม้าที่เราจะใช้เดินทัพไปได้นะ”

ถังหยินไม่เข้าใจว่านั่นคืออะไร เพราะระยะทางที่ห่างกันไม่เท่าไหร่ งั้นแล้วทำไมถึงต้องมีม้าไปเสริมด้วยกัน ?

ชิวเจิ้นอธิบาย “เมืองราชสีห์น่าจะมีทรัพยากรมากมาย ถ้าหากนายท่านทำลายมันทิ้งก็น่าเสียดาย เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากให้ท่านเอาม้าที่เหลือไปขนมันกลับมา !”

จริง ๆ แล้วหลังจากที่ซื้อม้าโมมา มันก็ทำให้คลังแทบจะหมดตัวอยู่แล้ว แถมการนำทหารไปบุกเมืองด้วยจำนวนเพียงน้อยนิดก็เสี่ยงอีก ดังนั้นการไปครั้งนี้มันจึงควรที่จะมีอะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง

ถังหยินคาดไม่ถึงในจุดนี้ แต่ด้วยคำพูดนี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มคล้อยตาม “จริงด้วย ข้าลืมเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน ? ดูเหมือนว่าข้าจะต้องนำทหารไปเพียง 2 พันนายกับม้าเปล่า ๆ อีก 1 พันตัวเพื่อปล้นสะดมเมืองพวกมันบ้างแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชิวเจิ้นก็เริ่มจะกังวลขึ้นมา “แต่นายท่าน 2 พันนายมันน้อยเกินไป และเมืองราชสีห์เองก็ใหญ่ใช่เล่น ดังนั้นได้โปรดคิดใหม่อีกครั้งเถิด”

ถังหยินกล่าวอย่างไม่สนใจ “มี 3 พันนายแล้วเจ้ายังจะกลัวอะไรอีก ? เพราะต่อให้นำไปแค่ 1 พัน 5 ร้อยนายข้าก็สามารถจัดการพวกมันได้ !”

ชิวเจิ้นตัวสั่น เขาเข้าใจในความเก่งกาจของถังหยินดี แต่นี่มันก็ดูจะเกินไปหน่อย “ใช้ม้าเปล่าไปเพิ่มแค่ 1 พันตัวก็พอแล้ว พวกเรานั้นไม่ควรจะเสี่ยงมากเกินไป !”

ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “ถ้าข้าได้ของพวกมันกลับมา ก็คงจะดีไม่น้อยเลย”

ทั้งสองหัวเราะแห้ง ๆ ให้กัน และได้แต่หวังว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย

ตามที่ถังหยินกล่าวไว้ เพียง 3 วันหลังจากนั้น ม้าศึกที่สั่งไว้ก็มาถึง พวกมันถูกส่งไปอยู่รวมกันที่ค่ายนอกเมืองและให้ทหารได้เลือกสรรเป็นที่เรียบร้อย

การค้าขายครั้งนี้ ทำให้ชายหนุ่มเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก รวม ๆ กันแล้วนั้นเขาต้องส่งเงินไปทั้งหมดถึง 3 แสน 2 พันเหรียญเงินเลยทีเดียว

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อขายม้าแบบนี้และทุกฝ่ายต่างก็ดีใจที่ทำตามข้อตกลงกันได้ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ถังหยินจึงได้สั่งม้าเพิ่มอีก 2 พันตัว

แต่ทว่าในครั้งนี้เจาจูไม่สามารถขนส่งมันได้แล้ว เพราะม้าทั้งหมด 4 พันตัวนั้นคือทั้งหมดที่เขามีในแล้ว และหากจะให้หามาใหม่ มันก็ต้องใช้เวลามากพอควร ทว่าก็โชคยังดีที่ถังหยินนั้นไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก เจาจูจึงมีเวลาที่เยอะพอสมควร

เมื่อม้าศึกเหล่านี้มาถึง ถังหยินก็ได้เตรียมตัวออกเดินทางไปยังต่างแดน

ในคืนนั้น ทหารม้า 2 พันนายก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งที่จะเดินทางไปยังเมืองชายแดนแล้ว

ณ จวนของถังหยิน

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเกราะเต็มรูปแบบกำลังจัดเตรียมของอยู่ในห้องตนเอง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเคาะประตู

“เข้ามาได้ !”

ประตูเปิดออกพร้อมกับฟานหมินที่ก้าวเข้ามา

ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง “มีอะไรหรือเปล่าแม่หญิงฟาน ?”

“ข้าได้ยินว่าท่านกำลังจะไปรบที่ต่างแดนหรือ ?” ใบหน้าของนางดูเขินอายมากทีเดียวในขณะที่พูด

ไม่รู้ว่าใครบอกนางเรื่องนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มให้ “ก็แค่ศึกเล็ก ๆ น่ะ”

หญิงสาวส่ายหัว “ถ้ามันเป็นศึกเล็ก งั้นแล้วทำไมท่านต้องไปด้วย ?”

คำพูดนั้นทำให้เขาเงียบไป

เห็นดังนั้น ฟานหมินก็พลันเข้ามาช่วยเขาแต่งตัวแล้วถามต่อ “มันอันตรายมากหรือ ?”

ชายหนุ่มไม่คิดว่านางจะห่วงตนในเรื่องนี้ เขาเอียงคอแล้วตอบกลับไป “มันก็ยากที่จะพูดอยู่หรอก ทว่ากำลังใจทหารนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นถ้าหากข้าไม่ไปด้วย มันอาจจะพ่ายแพ้ก็เป็นได้”

หัวใจของฟานหมินแทบแตกสลาย นางรีบกล่าว “ข้าหวังว่าท่านจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยนะ”

ถังหยินหันกลับมาแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณเจ้ามาก” พูดจบเขาก็สวมเกราะเสร็จพอดี

ว่าแล้วเขาก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง พร้อม ๆ กันกับรอยยิ้มบริเวณมุมปากของชายหนุ่มที่กลายเป็นรอยยิ้มที่แสนเย็นชา “ไม่ต้องห่วงข้าหรอก สิ่งที่เจ้าต้องห่วงคือพวกทหารที่ข้าจะต้องออกไปจัดการต่างหาก”

หลังพูดจบ เขาก็มองลึกเข้าไปในดวงตาของฟานหมิน “ถ้างั้นข้าไปก่อนนะ” ก่อนที่จะเดินจากไป

ฟานหมินมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่กำลังเดินจากไปทีละน้อย จริง ๆ แล้วนางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมนางถึงได้พูดออกไปแบบนั้น นางไม่รู้ว่านั่นคือความเป็นห่วง หรือว่ามันคือความกังวลที่ความปลอดภัยของตัวเองกำลังจะหายไปกันแน่

ถังหยินเดินทางออกจากที่นี่พร้อมกับพี่น้องฉางกวงและทหารม้ากว่า 2 พันนายที่ตามมาด้านหลังตรงไปยังเมืองชายแดน

ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลกันมาก ทำให้พวกเขามาถึงเมืองดังกล่าวในเวลาไม่นานนัก

ในเมืองชายแดน นอกจากแม่ทัพไป่หยงแล้วก็ยังมี มูฉิง เฉิงจิน หลีเทียน และอัยเจียเข้ามาคุยกับเขา

หลังพบปะกัน ถังหยินก็ยืนรออยู่ข้างนอกพร้อมกับคำนวณเวลาอย่างมั่นใจ ถ้าหากเขาออกเดินทางตอนนี้ล่ะก็ จะต้องถึงที่เมืองราชสีห์อย่างเร็วที่สุดก็คือตอน 8 โมงเช้าแน่ ๆ

ดังนั้นเขาจึงหันมองทั้ง 4 คนและกล่าว “พวกเราอยู่ที่นี่นานไม่ได้ ต้องออกเดินทางกันแล้ว !”

“ขอรับนายท่าน !”

ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ถังหยินบอกกับทุกคน “แม่ทัพหลีพามูฉิงไปยังสถานที่ซุ่มโจมตีด้วย และให้แม่ทัพอัยพาข้าไปยังเมืองราชสีห์ ส่วนแม่ทัพเฉิงก็ไปกับข้า มีใครจะคัดค้านไหม ?”

“ไม่มีขอรับ”

“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว” ถังหยินโดดขึ้นม้าไป

ทหารทุกนายไม่รอช้า พวกเขารีบประจำตำแหน่งของตัวเอง และตามแม่ทัพของตนไปด้วยความรวดเร็วเข้าไปยังอาณาเขตของรัฐเบสซ่า

กองทัพเฟิงไม่เคยรุกรานเข้าไปในเขตของพวกมอร์ฟีสมาก่อนเลย ทำให้พวกมันชะล่าใจและไม่คิดตั้งป้อมปราการเอาไว้ตรวจภัยเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันทำให้ถังหยินเคลื่อนทัพได้อย่างสะดวกสบาย

หลังจากเข้าไปในเขตรัฐเบสซ่าได้แล้ว พื้นที่รอบข้างก็มีแต่ทุ่งหญ้าเต็มไปหมด หรือต่อให้จะเดินทางไปไกลกว่า 60 ลี้ก็แล้ว ทว่ามันก็ยังไม่มีแม้แต่บ้านเรือนหรือแม้แต่ที่ดินทำการเกษตรเลย

ดังนั้นต่อให้มีแผนที่อยู่ในมือ แต่ถ้าไม่มีการนำทางจากหลีเทียนหรืออัยเจียพวกเขาก็อาจหลงทางได้ง่าย ๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเฟิงถึงไม่เคยรุกรานพวกต่างแดนนี้คืนเลย ที่แท้ก็เป็นเพราะพื้นที่ที่ไม่แตกต่างนี้เองที่ทำให้หลงทางได้ง่ายมมาก

ม้าศึกจากแคว้นโมนั้นเร็วกว่าม้าทุกชนิด และในเขตที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งเตียนเช่นนี้ มันก็ได้ดึงเอาความสามารถของพวกมันออกมาจนถึงขีดสุด

เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะไปถึงเป้าหมายในช่วงสาย ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าพอมาถึงจริง ๆ นั้น เวลามันก็เพิ่งจะเช้าตรู่เท่านั้น