บทที่ 145 การสลบอาจจะดีที่สุด

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 145

การสลบอาจจะดีที่สุด

“ในละแวกนี้มีวัดร้างอยู่เพียงแค่แห่งเดียว จะต้องอยู่ที่นี่แน่” มีเสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นมา

“เอาเถอะ พวกเราเข้าไปจับพวกมันเพื่อระบายความโกรธของลูกพี่ใหญ่กันเถอะ”

เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายนั้นเป็นตัวบ่งบอกว่ามีคนมากมายกำลังมา แต่โชคดีที่พวกเขานั้นได้ออกมากันแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีวรยุทธ์ที่เป็นเลิศ แต่พวกเขาก็จะต้องแพ้แน่นอนหากต้องต่อสู้พร้อมกันรอบด้าน

เจียงหวายเย่ก็ได้อุ้มพาหลินซีเหยียนจากไปอย่างเงียบๆ

หลินซีเหยียนนั้นถูกอุ้มโดยเจียงหวายเย่ เพราะว่าตัวเขากับจี๋เฟิงนั้นมีวิชาตัวเบาจึงสามารถหนีได้เร็วกว่า แต่แล้ว หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆของเจียงหวายเย่

“เจียงหวายเย่หยุดก่อนและจะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว” หลินซีเหยียนกล่าวเตือนอย่างจริงจัง

เพราะการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทำให้หูของเขานั้นเต็มไปด้วยเสียงลมเย็น และแขนของเจียงหวายเย่ก็รู้สึกสั่นอย่างควบคุมไม่ได้อย่างชัดเจน

เขารู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา ซึ่งหนาวราวกับออกมาจากส่วนลึกในไขกระดูก แม้ว่าเขาจะพยายามเดินลมปราณแต่ก็ไม่สามารถขับความเย็นออกไปได้เลย

แล้วทันใดนั้นความวิงเวียนก็ได้แผ่เข้ามายังดวงตาของเขาแล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ลงไปทรุดกับพื้นทันที

“องค์ชาย! พระชายา!”

มองดูทั้งสองคนที่ตกจากต้นไม้ จี๋เฟิงก็ได้พุ่งไปหาอย่างเร่งรีบแต่ก็สายเกินไปแล้ว

เจียงหวายเย่นั้นได้กอดหลินซีเหยียนไว้ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่เขายังมีสติอยู่ แล้วใช้ตัวเองเป็นเบาะรองรับป้องกันนางจากความเจ็บปวด

“เจียงหวายเย่”

แม้ว่าตัวนางจะได้รับการปกป้อง แต่หลินซีเหยียนก็ยังรู้สึกราวกับหัวใจของตัวเองถูกกระแทกอย่างหนัก ดังนั้นนางจึงได้รีบลุกขึ้นมาดูอาการของเจียงหวายเย่

ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นหมดสติไปแล้ว จึงได้ถอดหน้ากากของเขาออก แล้วทำการเช็ดเลือดสีแดงที่ไหลออกมาช้าๆจากปากของเจียงหวายเย่

“พระชายาขอรับ องค์ชายเขา?” จี๋เฟิงมองเห็นองค์ชายที่กำลังอ่อนแอมาก ก็ได้มองไปที่องค์หญิง

หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดและมองดูรอบๆ “จี๋เฟิง เจ้าไปหาฟืนแห้งมาก่อไฟก่อน”

แล้วจี๋เฟิงก็ได้รับคำสั่งไป

ท่ามกลางป่ามืดนี้ หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่นั้นอยู่กันตามลำพัง

หลินซีเหยียนก็มองไปที่ชายที่กำลังหลับตาอยู่ แล้วความกังวลของนางก็ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลานี้ไม่มีสถานที่ที่จะใช้กันลมได้เลย และเจียงหวายเย่ก็ได้มีไข้ขึ้นสูงคาดว่าในเวลานี้น่าจะส่งผลถึงอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่าหนทางเดียวที่จะรักษาชีวิตเขาได้นั่นคือการใช้วิชาฝังเข็มทองคำที่ถูกปิดผนึก

ถึงแม้ว่าในเวลานี้นางจะมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของนาง แต่หลินซีเหยียนก็ยังหยิบเอากระเป๋าฝังเข็มออกมาอย่างชำนาญ แล้วดึงเข็มเงินออกมา 5 เข็ม แล้วฝังลงไปที่ตัวของ เจียงหวายเย่

ในช่วงเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นไม่กระดุกกระดิกอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาแล้ว หลินซีเหยียนคงนึกว่าเขาตายไปแล้ว

พอจี๋เฟิงได้กลับมาพร้อมกับฟืน ก็ได้ทำการจุดไฟด้วยตะบันไฟที่เขาพกมา แล้วพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

เมื่อแสงไฟสาดส่องเข้ามา หลินซีเหยียนก็มองเห็นใบหน้าขาวๆของเจียงหวายเย่นั้น หน้าแดงขึ้นมาอย่างผิดปกติและหัวใจของเขานั้นเต้นเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ “จี๋เฟิงจับเขาเอาไว้ที ข้าจำเป็นต้องจัดการกับบาดแผลที่หลังของเขาแล้ว”

“แต่พระชายาขอรับ พวกเรามีเวลาเหลือไม่มากนัก แสงจากกองไฟจำล่อให้ศัตรูเข้ามาหาหรืออาจจะเป็นงูพิษกับสัตว์ป่าก็ได้ขอรับ” จี๋เฟิงก็ได้ทำตามคำสั่ง แต่ก็ยังบอกหลินซีเหยียนถึงความอันตรายของสถานการณ์ในเวลานี้

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วหยิบเอามีดที่บางราวกับปีกของจักจั่นออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของนาง แล้วเอาไปลนไฟเพื่อฆ่าเชื้อ

“โชคยังดีที่เขาสลบอยู่ จะได้ไม่เจ็บปวดจากการรักษา”

แล้วมีดนั้นก็ได้ขยับเข้าไปหาแผลของเจียงหวายเย่อย่างช้าๆ แล้วจากนั้นก็ได้เฉือนตัดเอาชิ้นส่วนเนื้อออกมาอย่างรวดเร็ว มีเสียงครางดังขึ้นมาทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกเจ็บปวดในอกของนาง

แม้ว่าจี๋เฟิงนั้นจะเคยชินกับภาพสยดสยองและเลือดก็ตามที แต่เขาก็ยังต้องเบือนหน้าหนีอย่างทนมองไม่ได้

“แล้วคิดจะยึดอำเภอจ้าวกลับมาอย่างไรกัน?” หลินซีเหยียนก็ได้ถามด้วยสีหน้าจริงจัง นางนั้นอยากที่จะหาเรื่องคุยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้สดชื่นขึ้น

“องค์ชายนั้นตั้งใจที่จะตามหากองทัพเกราะดำก่อนขอรับ แล้วจากนั้นก็จะลอบเข้าไปในอำเภอจ้าวด้วยคนจำนวนเล็กๆจำนวนหนึ่ง แล้วจากนั้นก็บุกจากทั้งข้างในข้างนอกพร้อมกันแล้วจัดการให้หมดในคราวเดียวขอรับ”

ด้วยเหตุที่เป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายแล้ว จี๋เฟิงจึงได้พูดออกไปอย่างหมดเปลือกโดยที่ไม่กล้าปิดบังสิ่งใด

“นี่เจ้าติดต่ออยู่กับองค์ชายตลอดเวลาเลยอย่างนั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับว่าตัวเขานั้นไปขโมยกะหล่ำปลีจากบ้านคนอื่นมา

จี๋เฟิงก็ได้ก้มหัวลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ “ไม่ต้องกังวลขอรับพระชายา ข้าน้อยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการผิดต่อองค์หญิงเลยขอรับ”

ในเวลานี้หัวข้อนี้ก็ได้หนักหนามากขึ้นเรื่อยๆ หลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วก็ได้ก้มหัวของนางลงแล้วจัดการกับแผลของเจียงหวายเย่อย่างรวดเร็ว

เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้บาดแผลนั้นเปิดออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง หลินซีเหยียนก็ได้ทำการเย็บแผลของเจียงหวายเย่ด้วยด้ายตกปลาเป็นการฉุกเฉิน

เจียงหวายเย่ที่ปกติเป็นเหมือนกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ทั้งยิ่งใหญ่และแข็งแรง และยากที่จะพิชิตได้ แต่ในเวลานี้เขากลับหายใจอย่างอ่อนแรงและมีเสียงครางออกมาเป็นช่วงๆ

ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดใจจริงๆ

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ชายที่ไม่ได้สติตรงหน้านางด้วยดวงตาสีดำของนาง แล้วอารมณ์ในหัวใจของนางนั้นก็รู้สึกสับสนขึ้นมา มือของนางนั้นเต็มไปด้วยเลือดอุ่นๆของ เจียงหวายเย่ ซึ่งทำให้นางนั้นรู้ว่าเจียงหวายเย่เองก็หาใช่เทพเซียนไม่ แต่เป็นเพียงมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเท่านั้น

หลังจากที่ทำการเย็บแผลของเจียงหวายเย่เสร็จแล้ว ก็เป็นอันเสร็จเรื่อง จี๋เฟิงก็ได้ทำการแบกเจียงหวายเย่ไว้บนหลัง แล้วทั้งหมดก็ได้มุ่งหน้าไปยังฐานที่มั่นของพวกเขาที่อยู่ใกล้ๆกับอำเภอจ้าวโดยปราศจากซึ่งปัญหาใดๆ

ณ ฐานที่มั่นแห่งนั้น อันอี้และหน่วยเชียนจากหอพันกลก็ได้พากันกลับมาแล้ว

เมื่อเห็นเจียงหวายเย่ พวกเขาก็ได้พากันกรูออกมาอย่างร้อนรน แต่หลินซีเหยียนก็ได้ห้ามพวกเขาเอาไว้ แล้วกล่าว “เจียงหวายเย่ไม่เป็นอะไรแล้ว ต้องการแค่พักผ่อนก็พอ”

อันอี้นั้นเชื่อหลินซีเหยียนและเชื่อมั่นอย่างมากในความสามารถในการรักษาของนาง เขาจึงได้วางใจแล้ววางแผนลงมือขั้นตอนต่อไป

“นี่คือสูตรยาสำหรับบำรุงเลือดและขับเอาเลือดเสียออก เจ้าไปจัดการต้มให้นายท่านของเจ้าเสีย” หลังจากนั้นสักพักประตูที่ปิดอยู่ก็ได้ถูกเปิดออกมาโดยหลินซีเหยียน นางได้เดินไปหาอันอี้แล้วส่งสูตรยาให้เขา

อันอี้ก็ได้ลงไปจัดการด้วยตัวเอง หลังจากที่เขาออกไปได้สักพัก คนจากหน่วยเชียนก็ได้กลับมาเพื่อรายงาน

“ขอโทษนะแม่นาง ไม่ทราบว่าหัวหน้าหน่วยอันอี้อยู่ที่ไหนแล้ว?” เชียนฉีก็ได้ก้มหัวให้แล้วถาม

หลินซีเหยียนไม่ตอบเขาแต่ถามกลับไป “เจ้าทราบข่าวของเยี่ยจุนเจี๋ยบ้างหรือยัง?”

เชียนฉีก็ลังเลไม่รู้ว่าจะตอบออกไปดีหรือไม่ สีหน้าของเขาก็ไม่ดีขึ้นมา หลินซีเหยียนจึงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นกำลังอึดอัดใจอยู่ นางจึงได้ตอบออกไป “อันอี้กำลังต้มยาอยู่ห้องข้างๆ”

“ขอบพระคุณแม่นางมาก”

เชียนฉีก็ได้ถอยออกไป แล้วหลินซีเหยียนก็ได้มองตามหลังของเขาไป แล้วนางก็ได้พยายามเงี่ยหูฟังเพื่อได้ยินข่าวคราวสักเล็กน้อยก็ยังดี

“เรียนท่านหัวหน้าหน่วย ข้าน้อยพบร่องรอยของกองทหารเกราะดำอยู่ในภูเขาอูอวิ๋นขอรับ” เชียนฉีก้มหัวลงแล้วรายงาน “พบร่องรอยเลือดจำนวนมากอยู่ด้วย ข้าน้อยคิดว่าน่าจะมีคนจำนวนมากบาดเจ็บสาหัสทำให้ยากต่อการเคลื่อนพล พวกเขาน่าจะไปได้ไม่ไกลขอรับ”

“ดีมาก เจ้าพาเชียนอู่กับเชียนจิ่วออกไปค้นหาด้วยกัน” อันอี้สั่งการออกไปด้วยเสียงที่หนักแน่น จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะกล่าวเพิ่มเติมไป “แม่ทัพเยี่ยน่าจะมีเชียนอี้, เชียนเอ้อและเชียนซานคอยคุ้มครองอยู่ พวกเขาน่าจะทิ้งรอยอะไรไว้ให้ติดตาม เจ้าลองไปสังเกตดูให้ดี”

“ขอรับ” แล้วเชียนฉีก็ได้ลุกขึ้นแล้วจากไป

หลินซีเหยียนที่แอบฟังอยู่ข้างนอกห้องนั้นก็ได้รีบมองหาที่ซ่อนตัวแล้วหลบทันที