บทที่ 68 ชีวิตของข้ามีค่ายิ่งนัก

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

ชิงเฟิงกลืนน้ำลาย เขาเข้าใจมาตลอดว่าพิษในตัวของท่านอ๋องรุนแรงมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่า สัตว์มีพิษมากมายขนาดนี้กัดท่านอ๋องแค่คำเดียว ก็ตายกันหมดแล้ว อีกอย่าง……

น้ำในกระถางทองสัมฤทธิ์ที่ท่านอ๋องแช่อยู่นั้น จากที่เป็นสีใสก็กลายเป็นสีดำไปแล้ว ดำจนเหมือนสีหมึกเลย

นี่มัน……

นี่ถือว่าขับพิษในร่างกายท่านอ๋องออกไปได้แล้วใช่ไหม?

เขาถามว่า “แล้วจะทำยังไงกับสัตว์มีพิษพวกนี้ล่ะ?”

“ทำไม เจ้าอยากเก็บไว้กินหม้อไฟเหรอ ก็ต้องตักออกไปทิ้งสิ”

“ขอรับ……”

ชิงเฟิงน้อมรับคำสั่ง ตักสัตว์มีพิษที่ตายแล้วออกไปทั้งหมด

“แล้วท่านอ๋องออกมาได้หรือยัง?”

“ต้องแช่ต่อ สักหนึ่งชั่วโมงค่อยทำการครอบแก้ว ขับเลือดเสียในร่างกายออกมา”

“การครอบแก้ว? คืออะไร?” คือการรักษาอย่างหนึ่งเหรอ? ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ไปตัดไม้ไผ่มา แล้วตัดออกเป็นท่อนๆ ด้านหนึ่งให้ว่างเปล่า อีกด้านให้ปิดไว้” การแพทย์ในยุคนี้ล้าสมัยจริงๆ ขนาดการครอบแก้วก็ยังไม่มี

“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไป” ชิงเฟิงทำความเคารพเย่จิ่งหาน แล้วเดินออกไป

กู้ชูหน่วนกวาดตามองท้องฟ้าที่ใกล้สว่างแล้ว ถึงว่านางถึงได้รู้สึกง่วง

หาที่สบายๆ กู้ชูหน่วนกำลังจะงีบสักหน่อย เย่จิ่งหานก็พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า

“เจี่ยงเสวีย ดูนางให้ดีๆ ถ้านางกล้าหลับ โยนนางเข้าไปในดงงูทันที”

กู้ชูหน่วนมองค้อนเขาอย่างโมโห

“น้องชาย” ตัวเองถูกงูกัด ไม่ใช่นางสั่งให้กัดสักหน่อย จำเป็นต้องคิดบัญชีนี้กับนางไหม?

“เจ้าแช่ของเจ้าไป ข้านอนของข้า พวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกันดีไหม?”

“ไม่ดี ชีวิตของข้าสำคัญยิ่งกว่าอะไร” คำพูดนี้หมายความว่า ชีวิตของนางไม่ได้สำคัญเท่าเขา

“ได้ ชีวิตเจ้าสำคัญมาก”

กู้ชูหน่วนแทบจะเอาไม้จิ้มฟันสองอันมาค้ำหนังตาตัวเองไว้แล้ว

นางคิดสภาพพรุ่งนี้ที่ไปราชวิทยาลัยได้เลยว่า นางจะต้องหลับในห้องอย่างแน่นอน

ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว เทพสงครามก็ลุกออกมาจากน้ำ แล้วอาบน้ำอีกครั้ง ดูสดชื่นขึ้นเยอะมาก

กู้ชูหน่วนขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า พูดอย่างขี้เกียจว่า “ถอดเสื้อซะ”

“ถอดอีกแล้วเหรอ?”

ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้คิดจะแก้แค้นเขาใช่ไหม?

“ไม่ถอดแล้วจะทำการครอบแก้วได้ยังไง? ถ้าเจ้าไม่อยากรักษาแล้ว งั้นข้ากลับแล้วนะ”

“การครอบแก้วเพื่อขับเลือดเสียออกมาจริงเหรอ?”

“ไม่งั้นล่ะ”

คนที่หุ่นดีไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวเสียหน่อย จำเป็นต้องระแวงนางอย่างกับโจรไหม?

คืนนั้น นางแค่โดนวางยาถึงได้ข่มขืนเขา ตอนนี้ให้นางฟรีๆ นางก็ไม่เอาหรอก

เย่จิ่งหานกัดฟันกรอด “เปลี่ยนวิธีการรักษา”

การรักษานี้น่าหดหู่ไปหน่อย เขาไม่รักษาแน่นอน

“งั้นก็ทำตามวิธีการรักษาในวันนี้ แช่ก่อนสักเดือนหนึ่ง นี่คือใบสั่งยา”

“แค่นี้เหรอ?”

“รู้จักพาเถอะนะ เจ้าก็ไม่ดูวันนี้ขับพิษออกมาได้เท่าไหร่ ดูน้ำในกระถางทองสัมฤทธิ์นั่นสิ ดำจนเหนียวหนืดแล้วนั่นน่ะ”

ทันใดนั้นเย่จิ่งหานก็มองสองขาของตัวเอง แล้วเงยหน้ามองกู้ชูหน่วน “ขาของข้ามีหวังจะหายจริงๆใช่ไหม?”

กู้ชูหน่วนอยากจะบอกว่าไม่

แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นแววตาที่ประกายไปด้วยความหวังของเขาแล้ว คำพูดที่ออกมานั้นกลับเปลี่ยนไป “ก็ต้องมีหวังอยู่แล้ว”

ให้ตายสิ

นางโดนหลอกเลย?

อยากรักษาขาของเขา ยากยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์อีก

กู้ชูหน่วนข่มอารมณ์โกรธไว้ แล้วเดินออกไปอย่างโมโห “เช้าแล้ว ข้าไปเรียนก่อนนะ”

ชิงเฟิงหมดคำจะพูด

ท่านอ๋องอนุญาตให้นางไปแล้วเหรอ?

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า นางเป็นเจ้าของจวนนี้ อยากทำอะไรก็ไม่ต้องรอคำอนุญาตจากท่านอ๋อง

มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของกู้ชูหน่วน เย่จิ่งหานก็ขยับแก้วหยกขาวในมือ แววตาลึกซึ้ง

เจี่ยงเสวียขยับเข้าไปแล้วรายงานทั้งหมด

“ท่านอ๋อง หลังจากจบงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น มีทั้งหมดสิบแปดกลุ่มคนลงมือกับคุณหนูสามกู้ หนึ่งในนั้นมีสามกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้ชั้นยอด ข้าน้อยก็ใช้เวลาอยู่นานถึงชนะพวกนั้นได้”