ตอนที่ 110.1 วันประสูติของไทเฮา (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

หลังจากโรงหมอของตงฟางไป๋ที่เริ่มจัดการได้เสร็จลง ไม่นานก็เริ่มเปิดกิจการ

เรื่องนี้ ทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจ

ขณะเดียวกันวันประสูติของไทเฮา หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน ใกล้จะถึงเข้ามาแล้ว

เมื่อวันเกิดไทเฮาค่อยๆ เข้าใกล้มา ภายในวังรุ่ยอ๋องก็เริ่มยุ่งเช่นกัน

ส่วนเล่อเหยาเหยาก็รู้จากปากของผู้อื่น

ไทเฮาองค์ปัจจุบัน คือฮองเฮาพระองค์ก่อน เป็นพระมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

ว่ากันว่า ฮ่องเต้องค์ก่อนมีสามวังหกตำหนัก แต่กับฮองเฮาพระองค์ก่อน กลับทรงทะนุถนอมรักใคร่อย่างยิ่ง จนเป็นที่อิจฉาของคนรอบข้าง

และฮ่องเต้องค์ก่อนมีพระโอรสไม่มาก นอกจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและรุ่ยอ๋อง ก็มีพระธิดาเพียงไม่กี่คนและทรงอภิเษกสมรสกับแคว้นอื่นออกไป

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ลือกันว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันและรุ่ยอ๋อง สนิทสนมกันอย่างมาก คนหนึ่งสุภาพอ่อนโยน คนหนึ่งฉลาดเฉลียวเด็ดขาด จึงทำให้ดูแลแคว้นเทียนหยวนให้สงบสุขมีระเบียบแบบแผน

แม้รุ่ยอ๋องจะไม่ใช่บุตรที่พระนางคลอดออกมาเอง แต่สำหรับรุ่ยอ๋อง ไทเฮาก็ทรงรักมากเช่นกัน

ดังนั้นวันประสูติกาลครั้งนี้ของไทเฮา จึงเฉลิมฉลองไปทั่วแคว้น ภายในวังรุ่ยอ๋อง ก็ยุ่งกับการเตรียมเรื่องวัน

ประสูติกาลของไทเฮาเช่นกัน

ท่าทางของพญายมที่มีต่อไทเฮา ก็เพียงพอทำให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับไทเฮามาก

ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยง ด้านนอกสาดส่องด้วยแสงแดด

แสงแดดสีทองสดใสนั้น คล้ายเต็มไปด้วยพลังอันไม่มีขีดจำกัด กระจายเสน่ห์อันร้อนแรงออกมาสู่พื้นดินไม่หยุด

แผดเผาใบไม้จนเหี่ยวแห้ง กระทั่งสายลมที่พัดโชยมา ต่างนำพาอากาศที่ร้อนระอุเข้ามาด้วย

ภายในอากาศ คล้ายสามารถได้กลิ่นสิ่งของที่ถูกเผาไหม้

หน้าร้อนพระอาทิตย์สาดแสงแรงกล้า จึงมักร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ทำให้คนหงุดหงิด สะลืมสะลือ ดังเล่อเหยาเหยาในเวลานี้

อยู่ปรนนิบัติในมุมห้องหนังสือตามหน้าที่ หลังได้ยินคนภายในห้องหารือกัน ศีรษะเธออดที่จะพับตกลงมาที่หน้าอกไม่ได้

เฮ้อ พักนี้เธอง่วงเกินไปจริงๆ

ไม่รู้เหตุใด พักนี้เธอคล้ายไม่ได้ยุ่งมากมาย แต่ทุกวันเธอคล้ายนอนไม่พอ

โดยเฉพาะทุกวันตอนเช้า หากไม่ต้องไปปรนนิบัติพญายมล้างหน้าหวีผม เธออยากนอนยาวไม่ตื่นขึ้นมา

แต่พญายมพักนี้  หลังครั้งก่อนที่เธอกลั่นแกล้งเขา เขามักมองเธออย่างเย็นชาตลอด

กลิ่นอายเย็นยะเยือก สีหน้าเย็นชา บนใบหน้าคล้ายเขียนว่าห้ามเข้าใกล้นั้น ทำให้คนที่เห็นรู้สึกด้านชาและไม่พอใจ

สำหรับพญายมตอนนี้ เล่อเหยาเหยายังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับเขา แต่อย่างน้อย พญายมตอนนี้คงไม่คิดไม่ดีกับเธอขึ้นอีกแน่ นี่น่าจะถือว่าเป็นเรื่องดี!

เล่อเหยาเหยาพลางคิดในใจ ภายในหัวหนักอึ้ง และหาวนอนอยู่ด้านข้างไม่หยุด ร่างกายคล้ายอ่อนแรง

สำหรับท่าทางคล้ายไก่จิกข้าวของเล่อเหยาเหยา แน่นอนว่าย่อมตกอยู่ในสายตาของสามคนที่กำลังหารือเรื่องวันประสูติกาลของไทเฮาอยู่ภายในห้องหนังสือ

“ข้าว่านะเจ้าหมูน้อย พักนี้ตอนดึกเจ้าไปเป็นขโมยที่ใดมาหรือ”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก

ทุกครั้งหากไม่ได้จิกกัดเล่อเหยาเหยา เขามักจะคันปาก

และเขาไม่ใช่คนโง่ พักนี้ศิษย์พี่ใหญ่ เปลี่ยนไปเย็นชากว่าเมื่อก่อนมาก โดยเฉพาะกับเจ้าหมูน้อยนี้ ราวกับก้อนน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก

แต่ ศิษย์พี่ใหญ่ยิ่งทำเช่นนี้ต่อเจ้าหมูน้อย หนานกงจวิ้นซียิ่งรู้สึกแปลกใจ

เพราะศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนไปตั้งแต่คืนนั้นที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้

ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงของศิษย์พี่ใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าหมูน้อยนี้แน่นอน

แต่ไม่ว่าเขาจะเอ่ยซักถามเช่นไร ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไม่ปริปาก เขาจึงอัดอั้นตันใจอย่างมาก

ขณะที่หนานกงจวิ้นซีคิดในใจ ทางเล่อเหยาเหยาที่กำลังยืนสะลืมสะลืออยู่ด้านข้าง พลันถูกเอ่ยเรียกจนตกใจตื่นทันที

สมองยังมึนงง ทว่าเมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าหนานกงจวิ้นซีกำลังเอ่ยพูดกับเธอ เล่อเหยาเหยาจึงโมโหขึ้นมา

น่าตายนัก!

สังคมทาสที่ไม่มีอำนาจนี้! กระทั่งชื่อยังถูกคนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างตามใจ

หมูหรือ! เจ้าสิเป็นหมู  บ้านเจ้าทุกคนล้วนเป็นหมู!

เล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจจบ กัดริมฝีปากครู่หนึ่ง ก้มหน้าหลุบตาลง แสร้งทำท่าทางของบ่าว ก่อนเอ่ยประชดขึ้น

“องค์ชายเจ็ดช่างพูดน่าขันนัก บ่าวจะไปปีนกำแพงบ้านผู้อื่นที่ใดกันได้ล่ะ”

แม้เล่อเหยาเหยาจะพูดด้วยท่าทางต่ำต้อย แต่คำพูดที่เอ่ยออกไปกลับแฝงไปด้วยความหมาย

โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงคำว่าปีนกำแพง น้ำเสียงเน้นหนักหลายส่วน หนานกงจวิ้นซีไม่ใช่คนโง่ จึงฟังออกว่าเธอหมายถึงเรื่องครั้งแรกที่เขาปีนกำแพงเข้ามาในวังอ๋อง

‘เขา’ หมายความว่าเขาคือขโมย!

เมื่อได้ยิน หนานกงจวิ้นซีมีสีหน้าเก้อเขิน พลันกัดฟันกรอด

เจ้าบ่าวคารมคมคาย! เรื่องฝีปาก เขาคล้ายจะสู้ ‘เขา’ไม่ได้

หลังนึกถึงเรื่องนี้ หนานกงจวิ้นซีอึดอัดในใจ ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูเหม็นราวกับหินในห้องส้วม

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงหัวเราะในใจ

ฮึ!เด็กน้อย คิดเล่นกับเธอ เขายังอ่อนเกินไป!

คิดในใจอย่างภูมิใจ เวลานี้เล่อเหยาเหยาไม่ง่วงนอนอีกแล้ว จึงกระพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยๆ มองไปรอบด้าน

สบเข้ากับสายตาแฝงรอยยิ้มและสงสัยของตงฟางไป๋เข้าพอดี

เห็นเช่นนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย พลันได้สติ ยกมุมปากขึ้นยิ้มจางๆ ให้กับเขา

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเล่อเหยาเหยามีอยู่ไม่ได้นาน พลันรู้สึกถึงสายตาคมกริบที่มองตรงมายังเธอ

จึงตกใจ พลันหันหน้ามองไปยังสายตาคมกริบนั้น เมื่อมองเห็นกลับเป็นใบหน้าเย็นชาขู่เข็ญของพญายม

แต่เวลานี้ พญายมยมกำลังยกถ้วยชาขึ้นจิบลิ้มรส

กิริยาสง่างาม แต่กลับกระจายความเย็นถึงกระดูกออกมา ดวงตาเยือกเย็นของเขายังหลุบมองยังถ้วยชาในมืออยู่เงียบๆ ด้วยใบหน้าเย็นชา

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดสงสัยไม่ได้

เมื่อครู่ เธอรู้สึกชัดเจนถึงสายตาคมกริบที่ส่องมาที่ตัวเธอ แต่ตอนนี้เมื่อมองกลับไปก็เห็นใบหน้าเย็นชาของพญายมอีกครั้ง หรือเธอจะคิดไปเอง!

อาจจะใช่!

เธอพักนี้ง่วงงุนอย่างหนัก ดังนั้นอาจจะคิดไปเอง!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาค่อยเบือนสายตาจากพญายม ขณะเดียวกันก็ได้ยินหนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้าง หลังจากที่ถูกตนทำให้โมโห คล้ายฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ พลันยิ้มอย่างมีเลศนัย มองมายังเธอ ทำให้เล่อเหยาเหยาอดหนังศีรษะชาวาบ ในใจคาดเดาไปต่างๆ นานา

เด็กน่าตายนี้ ต้องคิดเรื่องไม่ดีมาหาเรื่องเธอแน่นอน

เธอกับเขาสองคน คล้ายเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติที่แล้ว ดังนั้นชาตินี้จึงหาเรื่องกันตลอดเวลา ไม่ให้ผู้ใดได้มีความสุข จริงอย่างที่คิด…

“เจ้าหมูน้อย ภายในสมองเจ้ามีเรื่องแปลกให้น่าอัศจรรย์มากที่สุด เช่นนั้นครั้งนี้ข้าจะมอบโอกาสทองให้แก่เจ้า!วันประสูติของไทเฮาต้องจัดการแสดง เนื้อหาการแสดงเหล่านี้ เจ้าลองคิดดูสิว่าควรทำเช่นไรถึงจะดี!”

“เอ่อ”

เห็นหนานกงจวิ้นซีโยนงานหนักเรื่องวันประสูติกาลของไทเฮามาที่ตน เล่อเหยาเหยาพลันพูดไม่ออก

“องค์ชายเจ็ด บ่าวจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้เช่นไร”

ทราบว่าหนานกงจวิ้นซีตั้งใจ เล่อเหยาเหยาจึงเพียงเอ่ยอย่างถ่อมตัว

แต่ในใจกลับก่นด่าไม่หยุด รู้ว่าเด็กนี้มีเจตนาไม่ดี

วันประสูติกาลไทเฮา!ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ หากเธอตอบตกลง ผิดพลาดขึ้นมาจะทำเช่นไร แม้เธอจะมีสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไป

แม้เล่อเหยาเหยาจะคิดเช่นนี้ แต่เห็นชัดว่าหนานกงจวิ้นซีครั้งนี้ไม่คิดปล่อยเธอไปง่ายๆ ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นต่อว่า

“เจ้าหมูน้อย เจ้าอย่าถ่อมตัว!ผู้ใดจะไม่รู้ว่าเจ้ามีความเห็นที่ดีมากที่สุด ไป๋ครั้งก่อนเรื่องทางซีเจียงและเหอหนานที่ข้าเคยเอ่ยถึง และเรื่องพวกลัทธินอกรีตควักหัวใจ ต่างเป็นวิธีการที่เจ้าหมูน้อยนี้คิดออกมา!”

หนานกงจวิ้นซีพอพูดถึงตรงนี้ อดเอ่ยกับตงฟางไป๋ไม่ได้

“โอ้ จริงหรือ น้องเหยาช่างเป็นเสาหลักของแคว้นเสียจริง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี ตงฟางไป๋ยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยชื่นชมเล่อเหยาเหยา

เมื่อได้ยินคำชื่นชมของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยารู้สึกภูมิใจ

โดยเฉพาะคนนี้คือตงฟางไป๋ เห็นใบหน้ายิ้มแย้มที่สุภาพอ่อนโยนของเขา ดุจความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ในเดือนสาม ทำให้คนที่มอง ไม่ว่าจะรู้สึกเลวร้ายเพียงใด ต่างก็สูญหายไป

แต่เล่อเหยาเหยายังหัวเราะอย่างถ่อมตัว

“ขายหน้าพี่ไป๋แล้ว ครั้งก่อนข้าเพียงนึกขึ้นมาได้อย่างไม่ตั้งใจจึงช่วยเหลือได้เท่านั้น”

“คิดไม่ถึงเจ้าหมูน้อยก็จะรู้จักถ่อมตัวเช่นนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ!เช่นนั้นครั้งนี้ แผนการเฉลิมฉลองวันประสูติกาลของไทเฮาต้องอาศัยเจ้าแล้ว!”

ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างยังไม่ได้เอ่ยพูด หนานกงจวิ้นซีก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เขาให้เล่อเหยาเหยาเข้ามาร่วมเรื่องนี้ด้วย

ทราบว่าหนานกงจวิ้นซีคิดแกล้งเธอ ทำให้เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างมาก

แต่เธอยังคงข่มกลั้นเอาไว้ เพราะตอนนี้เธอจะพูดเช่นไร เป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่ง ไม่สามารถทำสิ่งใดเกินหน้าที่ของบ่าวได้

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงอดกลั้นเอาไว้ จากนั้นก็กัดฟันกรอดพร้อมเอ่ยว่า

“องค์ชายเจ็ด กระทั่งพระพักตร์ของไทเฮา บ่าวยังไม่เคยพบ ไม่รู้ความชอบของไทเฮา จะสามารถเตรียมการแสดงใดให้ไทเฮาชื่นชอบได้เช่นไร องค์ชายเจ็ดทำให้บ่าวลำบากใจอย่างยิ่ง!”

“เฮอะ ไม่เคยเห็นไทเฮาก็ไม่เป็นอันใด ความชอบของไทเฮา ข้าบอกกับเจ้าก็เพียงพอแล้ว เจ้าฟังให้ชัด ไทเฮาเพียงชอบพวกการแสดงงิ้ว แต่พวกคณะงิ้วในเมืองหลวง ทำการแสดงวนไปวนมามีแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น เดาว่าไทเฮาคงดูจนเบื่อแล้ว เจ้าหมูน้อย เจ้ามีความคิดมากมาย ลองดูสิว่าจะคิดเรื่องละครงิ้วที่ดีใดขึ้นมาได้!”

หนานกงจวิ้นซีเอ่ยจบ โยนงานหนักมอบให้แก่เล่อเหยาเหยา

เรื่องนี้เล่อเหยาเหยาจนใจอย่างยิ่ง

กำลังคิดจะเอ่ยปากว่าไม่ได้ แต่ว่าหางตาเหลือบไปเห็นตงฟางไป๋ที่นั่งอยู่ด้านข้าง

เห็นเพียง เวลานี้ตงฟางไป๋กำลังยิ้มมุมปาก แววตามองเธออย่างอ่อนโยน

คล้ายรอฟังว่าเธอจะสามารถพูดความคิดเห็นที่น่าสนใจอันใดออกมา

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตะลึงไปชั่วขณะ พร้อมตกใจในใจ คำปฏิเสธจึงไม่ถูกเอ่ยออกมา

เพราะไม่รู้เหตุใด เธออยากแสดงความสามารถของตนออกมาต่อหน้าตงฟางไป๋ อยากได้รับคำชื่นชมของเขา