สำหรับความคิดที่พลันพรั่งพรูขึ้นมาในใจนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกแปลกใจ แต่เธออยากแสดงสิ่งที่ตนสามารถทำได้ออกมาต่อหน้าพี่ไป๋ จากนั้นก็ได้รับคำชื่นชมจากเขา
และละครงิ้วนี้ สำหรับเล่อเหยาเหยา ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะบิดาเธอก่อนหน้านี้ชอบดูและฟังสิ่งนี้ ทุกวันตอนเช้าจะเปิดงิ้วกวางตุ้งพวกนี้ฟังเป็นประจำ
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยามั่นใจ และฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนเอ่ยปากกับหนานกงจวิ้นซีที่มองเธออย่างสัพยอก
“หากพวกละครงิ้ว บ่าวพอรู้มาบ้าง แต่บ่าวต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการจัดเตรียม เฮ้อ ทุกวันเพื่อละครงิ้วพวกนี้ ต้องเหนื่อยล้ามากเป็นแน่ ไม่รู้ว่าหากบ่าวคิดวิธีออกมาได้ องค์ชายเจ็ดจะให้รางวัลใดแก่บ่าวหรือ!”
แม้อยากแสดงความสามารถของตนออกมาต่อหน้าตงฟางไป๋ แต่หากมีเงินเป็นตัวเพิ่มพลังอีกสักหน่อย เล่อเหาเหยาย่อมชื่นชอบแน่นอน
ส่วนหนานกงจวิ้นซี เดิมทีคิดว่าครั้งนี้เล่อเหยาเหยาต้องลำบากเป็นแน่ แต่เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาเอ่ยปากอย่างมั่นใจเช่นนี้ และยังขอรางวัลจากเขา ทำให้เขาตกตะลึงไม่หยุด พลันเอ่ยเยาะเย้ยขึ้น
“เจ้าบ่าวผู้นี้ เรื่องยังไม่สำเร็จ จะเรียกรางวัลเร็วขนาดนี้ได้เช่นไร! เจ้ามั่นใจในตนเองเกินไปแล้ว หากเจ้าทำพลาดล่ะ! หากไทเฮาไม่ชื่นชอบ จะทำเช่นไร!”
“ฮ่าๆ หากไทเฮาชื่นชอบล่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
สำหรับคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาไม่ตอบแต่ถามกลับไป
ดวงตางามกลมโตแวววาวสดใสคู่นั้น เวลานี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเปล่งประกาย คล้ายหินโมราใต้แสงแดด
เห็นสายตามั่นใจเช่นนี้ของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีตกตะลึงชั่วขณะ พลันตบมือพร้อมเอ่ยขึ้นว่า
“ได้ เช่นนั้นครั้งนี้ ถ้าเจ้าทำให้ไทเฮาชื่นชอบได้ ข้าจะให้รางวัลเจ้าอย่างงาม!”
“สองร้อยตำลึง!”
หนานกงจวิ้นซีเพิ่งเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาพลันยื่นนิ้วออกมา ก่อนเอ่ยปากบอกราคา
เพราะโอกาสที่จะได้เปรียบองค์ชายเจ็ดนี้หาได้ยากยิ่ง จึงไม่อาจปล่อยให้ผ่านไป
และเธอตอนนี้ ต้องการเงินอย่างมากจริง!
เธอไม่อาจเป็นบ่าวในวังรุ่ยอ๋องแห่งนี้ไปตลอดชีวิต ดังนั้นตอนนี้เธอต้องพยายามหาเงินถึงจะถูก!
ส่วนหนานกงจวิ้นซีนั้น หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา มีใบหน้าตกตะลึงอีกครั้ง
แม้เงินสองร้อยตำลึงสำหรับเขา เดิมทีไม่ถึงกับมากมายอันใด แต่สำหรับพวกบ่าวนี้ เป็นเหมือนรางวัลจากสวรรค์!
“เจ้าบ่าวผู้นี้ ช่างโลภมากไม่รู้จักพอเสียจริง!”
“ฮ่าๆ ขอบพระทัยสำหรับคำชมขององค์ชายเจ็ด หากบ่าวสามารถทำให้ไทเฮาพอใจได้จริง เงินเล็กน้อยเหล่านี้จะเพียงพอหรือ! ”
เล่อเหยาเหยาตั้งใจแสร้งไม่ได้ยินคำพูดประชดของหนานกงจวิ้นซี ก่อนหัวเราะฮาฮาพลางเอ่ยออกไป
บนใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้น ดูลำพองใจ ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากแดงยกขึ้น รอยยิ้มดุจบุบฝานั้น น่ามองสะดุดตาอย่างยิ่ง ทำให้คนมองต่างมิอาจละสายตา
แต่การยั่วยุในแววตาของเธอ หนานกงจวิ้นซีย่อมเห็นอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่เชื่อว่าครั้งนี้เล่อเหยาเหยาจะทำสำเร็จ!
เพราะไทเฮาของเขา จู้จี้จุกจิกอย่างมาก การแสดงที่จัดเตรียมขึ้นเพื่อวันประสูติกาลของเธอทุกปี ก็ไม่เห็นว่าเธอมีสีหน้าชื่นชอบใดเลย
พอคิดถึงตรงนี้ หนานกงจวิ้นซีพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า
“หากเจ้าทำไม่สำเร็จล่ะ!”
“องค์ชายเจ็ด หากบ่าวทำไม่สำเร็จ ก็หมดหนทาง แต่เรื่องนี้องค์ชายเจ็ดเป็นคนมอบหมายให้กับบ่าวเองนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาพลันแสร้งทำราวเป็นผู้บริสุทธิ์ออกมา กระพริบตาคู่สดใสนั้นครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างสงสาร
“เจ้าบ่าวผู้นี้ ฝันหวานเกินไปแล้ว!เรื่องไม่เสร็จก็ร้องขอรางวัล หากผิดพลาดก็โยนความผิดมาที่ข้า”
“มิฉะนั้น เรื่องนี้บ่าวไม่ทำแล้ว เสียดายเมื่อครู่บ่าวคิดวิธีการดีๆ บางอย่างขึ้นมาได้ ตอนนี้เห็นทีคงไม่ได้ใช้การแน่เลย เฮ้อ…”
เอ่ยถึงตอนสุดท้าย เล่อเหยาเหยาตั้งใจถอนหายใจหนักออกมา แสร้งทำเป็นเสียอกเสียใจ
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กเสแสร้ง หนานกงจวิ้นซีย่อมโมโหอย่างมาก
เพียงแต่ ตงฟางไป๋ที่ด้านหลัง ได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา กลับดีใจออกมา
“โอ้ น้องเหยา เจ้าคิดสิ่งใดออกมาได้จริงหรือ”
ตงฟางไป๋น้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ดุจลำธารไหลเอื่อยนั้น ทำให้คนอุ่นใจ
เมื่อได้ยินตงฟางไป๋เอ่ยถามเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาย่อมไม่ปิดบังเขา พลันพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น
“ใช่ ไม่รู้พี่ไป๋เคยได้ยินเรื่องอู่ซงตีเสือมาบ้างหรือเปล่า”
“อู๋ซงตีเสือหรือ”
เมื่อได้ยิน ตงฟางไป๋ปรากฏความไม่เข้าใจขึ้นมาบนใบหน้า
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยากลับไม่อธิบาย แต่เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“เช่นนั้นอวยพรแปดประการล่ะ”
“ไม่เคย”
เมื่อได้ยิน ไม่เพียงตงฟางไป๋ที่มีสีหน้าไม่เข้าใจ กระทั่งหนานกงจวิ้นซีด้านข้างยังแปลกใจ
“เจ้าหมูน้อย ที่เจ้าพูดมา เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“เฮอๆ ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว เรื่องนี้บ่าวรู้ดียิ่ง!”
เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เล่อเหยาเหยาอดภูมิใจไม่ได้
เห็นเช่นนั้น หนานกงจวิ้นซีอดเบ้ริมฝีปากแดงน่ามองไม่ได้ ก่อนเอ่ยอย่างดูถูก
“เจ้าคุยโวโอ้อวด!เจ้าพูดน่าฟัง แต่รายละเอียดเป็นเช่นไร จะทำให้ไทเฮาชื่นชอบได้หรือไม่ ยังไม่รู้เลย!”
“องค์ชายเจ็ด บ่าวไม่ได้คุยโวโอ้อวด ถึงวันนั้นท่านก็จะรู้!”
“ดี เช่นนั้นข้าจะรอดู!”
ดังนั้นเล่อเหยาเหยาและหนานกงจวิ้นซีจึงพนันกันอีกครั้ง!
ตั้งแต่ต้นจนจบ พญายมกลับไม่เอ่ยออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
แต่กลับไม่มีคนรู้ว่าขณะที่เล่อเหยาเหยาต่อล้อต่อเถียงกับหนานกงจวิ้นซี หางตาของพญายมเหลือบมองมายังใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความมั่นใจถือดีนั้น
…
เพื่อเงินสองร้อยตำลึง ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาต้องสู้!
อีกทั้งเพราะงานประสูติกาลของไทเฮามีเวลาเพียงสิบวัน เวลากระชั้นชิด ดังนั้นพญายมจึงอนุญาตให้เล่อเหยาเหยาไม่ต้องปรนนิบัติเขา ให้สนใจเรื่องเตรียมงานของไทเฮา
แม้พญายมจะไม่พูดอันใดเลยตลอดเวลา แต่เขากลับยอมรับให้เธอจัดเตรียมเรื่องนี้ จึงทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก
เพราะงานวันประสูติกาลของไทเฮา ไม่ใช่เรื่องเล็ก หรือพญายมจะเชื่อในตัวเธอมากเพียงนั้น!
สำหรับความเชื่อมั่นของพญายม เล่อเหยาเหยาย่อมตกใจและดีใจแน่นอน แต่สำหรับความเย็นชาที่มีต่อเธอเช่นเดิม กลับทำให้เธอไม่พอใจ
เพราะทุกวันต้องเตรียมตัวเรื่องวันประสูติกาลของไทเฮา ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น
ครั้งนี้ เล่อเหยาเหยาตั้งใจเลือกละครงิ้วชื่อดังมาหลายเรื่องโดยเฉพาะ จากนั้นให้คนของคณะละครจัดเตรียม
สำหรับเรื่องพวกนี้ ความจริงเล่อเหยาเหยาถือว่าไม่ได้แปลกใหม่
เพราะตอนที่อยู่ในโรงเรียนก่อนหน้านี้ เธอมักเข้าร่วมกิจกรรมการแสดงพวกนี้บ่อยครั้ง
ดังนั้น ไม่นานเธอจึงเลือกเรื่อง《อู่ซงตีเสือ》และ《อวยพรแปดประการ》จัดเตรียมออกมาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มอบให้นักแสดงในคณะละครฝึกซ้อม
ส่วนหนานกงจวิ้นซีและตงฟางไป๋ก็มักมาดูการฝึกซ้อมของคณะละคร
แน่นอน หนานกงจวิ้นซีเพียงเพราะไม่เชื่อในตัวเล่อเหยาเหยาจึงมาชม
เพราะในสายตาของเขา เล่อเหยาเหยาเป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่ง จะรู้และเข้าใจเรื่องมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร อย่างมากก็ฉลาดในเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งเท่านั้น
แต่เขาไปที่คณะละครเพื่อดู จึงพบว่าบ่าวผู้นี้มีความสามารถ เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มากมาย
เพราะไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมเครื่องแต่งกายหรืออุปกรณ์การแสดง เล่อเหยาเหยามักทำสิ่งที่แปลกใหม่ออกมา กระทั่งหัวหน้าคณะละคร ยังมองเล่อเหยาเหยาใหม่
จึงเย้าเล่นว่าหากวันหน้าเล่อเหยาเหยาออกจากวังอ๋อง หางานอย่างอื่นทำไม่ได้ สามารถมาทำละครงิ้วกับเขาได้
สำหรับคำพูดของหัวหน้าคณะละคร เล่อเหยาเหยาย่อมชื่นชอบอย่างมาก
เพราะเธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถมีชื่อเสียงในยุคสมัยที่แปลกตานี้ได้ หากไทเฮาชื่นชอบ จะเจริญรุ่งเรืองอย่างมากแน่
เธอจะเชิดหน้าชูตาได้!
และต่อมาเมื่อคิดว่า นี่ถือว่าเป็นความคิดที่ดี
เพราะอีกสามปีข้างหน้า เธอจะออกจากวังรุ่ยอ๋อง หลังออกมาทำสิ่งใด เธอยังคิดไม่ออก หากเป็นไปได้ อาจมาทำละครงิ้วกับคณะละคร ความจริงหากนำละครงิ้วในยุคปัจจุบันเขียนออกมา นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกอย่างหนึ่ง
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยาที่อยู่ในคณะละครงิ้ว ยิ่งทำงานอย่างฮึกเหิม
แม้ทุกวันนี้เธอจะเหน็ดเหนื่อย ทุกวันกลับตำหนักหย่าเฟิงดึกดื่น เพียงล้างหน้าหวีผมง่ายๆ ก็ล้มตัวลงนอน เข้าสู่นิทราไป
แต่เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่า ชีวิตตอนนี้ กลับสงบอย่างยิ่ง
หลังยุ่งเรื่องวันประสูติกาลของไทเฮา ทุกวันต่างใช้ชีวิตอยู่ในคณะละคร ดังนั้น เธอจึงไม่เห็นหน้าพญายมมาหลายวันแล้ว
ได้ยินว่าพญายมพักนี้ก็ยุ่งมากเช่นกัน
ทุกวันเวลาส่วนใหญ่ต่างอยู่ในวังหลวง บางครั้งกระทั่งค้างแรมในวังหลวง
สำหรับชีวิตทุกวันที่ไม่มีพญายม น่าจะเป็นเรื่องที่เล่อเหยาเหยาฝันอยากได้มากที่สุด แต่ไม่รู้เหตุใด ทุกครั้งที่พลันหลับตาลง ใบหน้าเย็นชาโอหัง มักปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเธอ
เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงพอดี แสงแดดด้านนอกสว่างจ้า เล่อเหยาเหยาที่ยุ่งมาทั้งวัน เหนื่อยล้าคล้ายสุนัข
ดังนั้น หลังมีเวลาว่าง พลันมองหาที่เงียบสงบนั่งดื่มชาพักผ่อน
คณะละครงิ้วหมิงเฉิง อยู่ห่างจากวังรุ่ยอ๋องไม่ไกล นี่เป็นคณะละครงิ้วที่ดีที่สุดในเมืองหลวง วันเกิดเหล่าขุนนางผู้สูงศักดิ์หรืองานเลี้ยงใหญ่โต ต่างว่าจ้างให้คณะละครงิ้วหมิงเฉิงไปแสดง
คณะละครงิ้วหมิงเฉิง มีพื้นที่กว้างใหญ่อย่างมาก ด้านหลังไม่ไกล เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่
เวลานี้เป็นฤดูร้อน อากาศจึงร้อนระอุจนสามารถแผดเผาคนได้ แต่ด้านหลังที่นี่ปลูกต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีเอาไว้
ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีนี้ใบไม้งามดก แม้ด้านนอกจะมีแสงแดดสาดส่อง แต่เมื่อยืนใต้ต้นไม้ ใบหนาดกนั้น ต่างสามารถบดบังความร้อนด้านนอกไม่ให้ทะลุเข้ามาได้
รวมทั้งทะเลสาบแวววาวด้านหลัง ยามลมพัดผ่านมา ทำให้ผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
ภูเขาที่สลับทับช้อนอยู่ไม่ไกล สูงตระหง่านเทียมฟ้า เงาภูเขาสูงในน้ำ ภาพนี้งดงามดุจบทกวีภาพวาด
ส่วนเล่อเหยาเหยา กลับนอนอยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่อย่างเกียจคร้าน ง่วงงุน
พักนี้ เธอง่วงนอนเกินไปจริงๆ
…………………………………….