บทที่ 153 โดนรังแก

จางซิ่วเอ๋อนึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองไปซื้อไข่โดยไม่บอกใคร คราวนี้จึงไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นไปอยู่ที่ไหน

จางซิ่วเอ๋อคิดแบบนี้แล้วก็เดินจ้ำไปข้างหน้า

เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านหน้า

หนึ่งในนั้นเหมือนจะเป็นเสียงของจางชุนเถา

จางซิ่วเอ๋อร้อนใจขึ้นมาทันที นางพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว พอจางซิ่วเอ๋อพุ่งเข้าไปในฝูงชน ก็เห็นจางซานหยานั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น จางชุนเถานั่งปลอบอยู่ข้าง ๆ จางซานหยาพลางหันไปโวยวายใส่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นเด็กหนุ่มอายุ 16-17 ปี

เด็กหนุ่มคู่กรณีมีรูปร่างจ้ำม่ำเพราะค่อนข้างอ้วน ตาคู่นั้นเล็กหยีราวกับไม่มีดวงตา

ในตอนนี้เขากำลังกัดฟันกรอดมองจางชุนเถาและจางซานหยา

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกคุ้นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ แต่นางนึกอยู่นานก็นึกไม่ออกว่าตัวเองเคยเจอเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหน พร้อมกับนึกอยู่ในใจว่าอาจจะเป็นเจ้าของร่างกระมังที่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้

ถึงจางซิ่วเอ๋อจะนึกไม่ออกแล้วว่าคน ๆ นี้คือใคร แต่เห็นท่าทางดุร้ายของเด็กหนุ่มคนนี้แล้วก็ไม่อาจมองเขาในทางที่ดีได้

จางชุนเถาตำหนิเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าทำแบบนี้กับซานหยาได้อย่างไร?”

เด็กหนุ่มคนนั้นโบกกำปั้น “พวกเจ้าขโมยของในบ้าน! ที่ข้าทำยังเบาไปด้วยซ้ำ เดี๋ยวข้าจะกลับบ้านไปกับพวกเจ้าให้ท่านย่าตีพวกเจ้า!”

ท่านย่า?

จางซิ่วเอ๋อมองเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา ถ้าเดาไม่ผิดนี่คงเป็นลูกชายคนโตของแม่เถา คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเจอลูกชายของแม่เถาที่นี่

เด็กคนนี้ชื่ออะไรนะ เหมือนจะชื่อเป่าเกินกระมัง

ใช่แล้ว จางเป่าเกิน

ชื่อมันบ่งบอกชัดเจน…..ความหมายเป่าเกิน ก็คือสายเลือดในการสืบทอดตระกูล

จางซิ่วเอ๋อกวาดตามองจางเป่าเกินแล้วรีบนั่งยอง ๆ ลงพลางถาม “ชุนเถา เกิดอะไรขึ้น?”

ชั่วพริบตาที่จางเป่าเกินเห็นจางซิ่วเอ๋อ สีหน้าเขาก็ดุร้ายขึ้นมาอีกครั้ง “ที่แท้เจ้าก็มาด้วย! ตัวขาดทุนสามตัวอย่างพวกเจ้าบังอาจขโมยเงินที่บ้านออกมาซื้อของ!”

“แถมยังซื้อของไร้ประโยชน์อย่างสายผ้าอีก!” จางเป่าเกินชี้สายผ้าบนหัวสามพี่น้อง

เพื่อให้จ้าวเอ้อร์หลางดีใจ ทั้งสามคนจึงผูกสายผ้าไว้บนหัวหมด

จ้าวเอ้อร์หลางยืนพูดอยู่ข้าง ๆ “นั่นน่ะข้าเป็นคนให้! พวกนางไม่ได้ขโมยเงินไปซื้อ!”

“เฮอะ พวกเจ้าอายุแค่นี้รู้จักอ่อยผู้ชายแล้วเหรอ? ไม่รู้ว่าใครในพวกเจ้าสามคนเป็นคนอ่อย? หรือว่าทั้งหมด? ถึงมีเด็กผู้ชายซื้อสายผ้าให้พวกเจ้า!” จางเป่าเกินก่นด่า

นี่เป็นครั้งแรกที่จางซิ่วเอ๋อเจอจางเป่าเกินหลังจากมาอยู่ในร่างนี้

เพราะเมื่อก่อนไม่เคยเห็นจางเป่าเกิน จางซิ่วเอ๋อจึงไม่มีภาพจำอะไรเกี่ยวกับคน ๆ นี้ ไม่มีทั้งดีและไม่ดี

พอตอนนี้มาเห็นแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้แล้วว่าคนบ้านเดียวกันเป็นอย่างไร

คนตระกูลจางมีคนดีไม่กี่คนจริง ๆ

ส่วนพวกนางสามพี่น้องโชคดีที่มีนิสัยเหมือนคนตระกูลโจว ไม่อย่างนั้น….จางซิ่วเอ๋อคิดแล้วอดตัวสั่นไม่ได้

โชคดีที่เจ้าของร่างแค่อ่อนแอไปหน่อย ไม่ใช่พวกสุดโต่ง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่มีบุญพอจะใช้ร่างจริง ๆ

จางซิ่วเอ๋อยังไม่ไปสนใจเสียงก่นด่าของจางเป่าเกิน แต่มองจางชุนเถา รอให้จางชุนเถาอธิบายเรื่องนี้ให้ตัวเองฟัง

นางไม่สนจางเป่าเกินไม่ใช่เพราะกลัวจางเป่าเกิน แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ต่อให้ต้องไปทะเลาะกับจางเป่าเกินนางก็งง

อย่างไรก็ต้องรู้ที่มาที่ไปก่อน นางถึงจะเถียงจางเป่าเกินได้

จางชุนเถาพูดอย่างโมโห “พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่ก็มา! พี่ไม่รู้หรอกว่าจางเป่าเกินน่าโมโหขนาดไหน”

พริบตาที่จางชุนเถาเห็นจางซิ่วเอ๋อ ก็ดูราวกับเจอที่พึ่ง

ก่อนหน้านี้ที่พวกนางพี่น้องโดนรังแกมา จางชุนเถาเป็นคนแบกรับไว้ แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใด จางชุนเถาพบว่าตัวเองเริ่มพึ่งพิงพี่สาว

โดยเฉพาะตอนที่ประจันหน้ากับจางเป่าเกิน จางชุนเถาไม่ใช่คู่มือของเขาเลย

ถ้าจางซิ่วเอ๋อยังนิสัยอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน พวกนางคงต้องโดนรังแกแน่ ๆ เวลานี้คงได้แต่ทนเท่านั้น

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาและเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ชุนเถา เจ้าค่อย ๆ เล่ามาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น?”

จางชุนเถาเอ่ยเสียงดัง “ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าเห็นร้านนี้ขายน้ำตาลปั้นรูปคนดูแปลกดี ก็เลยหยิบออกมา 12 เหรียญตั้งใจจะซื้อ 4 ไม้”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า จะซื้อน้ำตาลปั้น 4 ไม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทุกคนจะได้มีกันคนละไม้ จางชุนเถาทำได้ถูกต้องแล้ว

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ? เจ้าซื้อน้ำตาลปั้นมันเกี่ยวอะไรกับเขา?” จางซิ่วเอ๋อถามต่อ

จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าจางชุนเถาไม่มีทางไปหาเรื่องจางเป่าเกินอะไรนี่ก่อนหรอก

จางชุนเถาพูดไปก็เสียใจขึ้นมา “ใครจะรู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรไป? พอเห็นข้าหยิบเงินออกมาก็กระโดดมาแย่งถุงเงินข้า ข้าเอามาร้อยเหรียญเลยนะ!”

“ซานหยาร้อนใจจึงจะแย่งคืน เขากลับผลักจางซานหยาล้มลงกับพื้น! แล้วบอกว่าพวกเราขโมยเงินที่บ้าน!” จางชุนเถายิ่งพูดยิ่งโมโห

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ไม่ทันที่จางซิ่วเอ๋อจะพูดอะไร จางเป่าเกินพูดอย่างโอหังขึ้นมาอีกครั้ง “นังตัวขาดทุน! เจ้าเอาเงินที่บ้านมาแล้วยังกล้าพูดอีก! เจ้านี่ไม่มียางอายเลยใช่ไหม!”

“ข้าจะบอกให้นะ เจ้าอย่าคิดว่าจะเรียกพี่สาวเจ้ามาหนุนหลังได้! ใครไม่รู้บ้างว่าพี่สาวเจ้าเป็นคนอย่างไร?” จางเป่าเกินเอ่ยพลางยิ้มเย็น

จางเป่าเกินไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้ว จึงไม่รู้เรื่องจางซิ่วเอ๋อ

ไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อแต่งงานแล้ว ยิ่งไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่าย ๆ เหมือนก่อนแล้ว

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียง “ชุนเถา ซานหยา พวกเจ้าใจเย็นก่อน โดนหมากัดก็แค่ตีหรือด่ามันก็จบ แต่โมโหหมานี่ไม่จำเป็น”

“เจ้าว่าใครเป็นหมา?” จางเป่าเกินเดือดขึ้นมาทันที

จางซิ่วเอ๋อยิ้ม “ข้าว่าคนที่เห่าเสียงดังที่สุดไง! ทำไมเหรอ? หรือเจ้าเห่าเสียงดังสุด?”

จางเป่าเกินเอ่ยเสียงกราดเกรี้ยว “จางซิ่วเอ๋อ! เจ้าร้อนตัวแทนรึ! ระวังข้าจะตีเจ้าไว้เถอะ!”

พูดไปจางเป่าเกินก็โบกกำปั้นขู่จางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อเห็นแบบนั้นก็อดห่อกายไปข้างหลังไม่ได้ แค่หดตัวทีเดียวจางเป่าเกินก็ได้ใจขึ้นมา และมีทีท่าว่าได้คืบแล้วจะเอาศอก

จางซิ่วเอ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง นางเองไม่มีทางกลัวจางเป่าเกินหรอก

น่าขัน นางเคยกลัวใครในตระกูลจางบ้าง? จะกลัวจางเป่าเกินได้อย่างไร?

ที่นางมีปฏิกิริยาแบบนี้แค่คิดก็รู้ว่าเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของเจ้าของร่าง ถึงแม้เจ้าของร่างไม่ได้ทิ้งความทรงจำเกี่ยวกับจางเป่าเกินให้นาง แต่เวลาแบบนี้จางซิ่วเอ๋อจะไม่รู้ได้อย่างไร

เมื่อก่อนจางเป่าเกินคงเคยตีจางซิ่วเอ๋ออยู่บ่อย ๆ!

เป็นพี่ชายกลับตีน้องสาวตัวเอง! จางเป่าเกินทำเกินไปแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ตัวร้ายมาเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว จะสู้ยังไงล่ะเนี่ย

ไหหม่า(海馬)