บทที่ 152 ถ่ายทอดฝีมือ

พอทุกคนกลับไปก็เห็นจ้าวเอ้อร์หลางรออยู่ที่นั่นแล้ว เห็นลาง ๆ ว่าตะกร้าไผ่ที่เขาแบกมาบรรจุบางอย่างไว้ น่าจะซื้อยาของบัณฑิตจ้าวเรียบร้อยแล้ว

เถ้าแก่ชะโงกหน้าออกมามองทุกคน

โจวเหวินจึงรีบบอก “อาจารย์ สามคนนี้คือหลานสาวของข้า”

จางซิ่วเอ๋อคำนับเถ้าแก่พลางส่งยิ้มและพูดเสียงหวาน “วันนี้ท่านน้าเล็กพูดตลอดว่าท่านดูแลเขาไว้มาก พวกเราขอขอบคุณท่านเจ้าค่ะ”

เถ้าแก่มองโจวเหวิน เห็นโจวเหวินยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ หน้าตาใสสะอาด นึกถึงคำพูดจางซิ่วเอ๋อเมื่อครู่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที

“โจวเหวิน เจ้าตามข้ามา เดี๋ยวข้าสอนวิธีตีตู้ให้” จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้น

โจวเหวินตาเป็นประกาย ตอบทันที “ขอบคุณมากขอรับอาจารย์!”

เขาเรียนรู้อะไรหลายอย่างในร้านนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นการทำของชิ้นเล็กเช่นพวกเก้าอี้ ต่อให้ไม่ใช่ช่างไม้มืออาชีพก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ทำเป็น

ที่เถ้าแก่จะสอนเขาตอนนี้คือจะสอนวิชาจริงให้เขา!

ถึงจะยังไม่ได้เรียนวิธีสร้างบ้าน แต่ได้เรียนรู้วิธีตีตู้ก็ถือว่ายากมากแล้ว

ศิษย์ก่อนหน้านี้เรียนจนจบยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย!

โจวเหวินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างตื่นเต้น “คือ ข้าเข้าไปก่อนนะ….พวกเจ้า…..”

จางซิ่วเอ๋อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นรีบกล่าวยิ้ม ๆ “ท่านน้าเล็กไปเถอะ ข้าจะพาพวกเขาไปเดินเล่นหน่อยแล้วค่อยกลับบ้าน”

โจวหวินกำชับ “คนในเมืองมีมากมาย ทั้งที่นี่ยังวุ่นวายพลุกพล่าน พวกเจ้าเป็นเด็กรุ่นจงระวังตัวด้วย”

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังแล้วหัวเราะ โจวเหวินพูดเสียฟังดูแก่เชียว อย่างกับตัวเขาเองไม่ใช่เด็กรุ่นอย่างนั้นล่ะ

แต่จางซิ่วเอ๋อก็ยังพยักหน้าด้วยความจริงจัง “ท่านน้าเล็ก วางใจเถอะ ข้าจะดูแลพวกเขาให้ดี”

พูดจบจางซิ่วเอ๋อก็พาทุกคนไป ไม่อยู่รบกวนโจวเหวินอีก

เพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว จ้าวเอ้อร์หลางก็หยิบสายผ้าออกมาสามเส้นและพูดพร้อมรอยยิ้ม “สายผ้านี้ซื้อให้พวกพี่”

จ้าวเอ้อร์หลางอึกอักขึ้นมา “ถ้าพวกพี่ไม่รังเกียจก็เก็บไว้ผูกผมนะขอรับ”

จางซิ่วเอ๋อจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่าว่าจ้าวเอ้อร์หลางอยากตอบแทน นางรู้ว่าบ้านจ้าวเอ้อร์หลางยากจนขนาดไหน ที่บ้านมีเงินไม่มาก ต่อให้ตัวเองเกื้อหนุนบัณฑิตจ้าวได้ แต่บัณฑิตจ้าวก็ยังคงใช้ชีวิตด้วยความลำบาก

จ้าวเอ้อร์หลางยอมควักเงินออกมาซื้อของพวกนี้ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว

จางซิ่วเอ๋อทั้งรู้สึกอบอุ่นใจ และอยากปฏิเสธ

แต่ได้ยินจ้าวเอ้อร์หลางบอกว่า “แต่มันถูกไปหน่อย เส้นละเหรียญ พวก….พวกพี่อย่ารังเกียจกันนะ”

พูดจบจ้าวเอ้อร์หลางก็หน้าแดงด้วยความขัดเขิน

เขาเองก็รู้ว่าของแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะที่จะให้เป็นของขวัญ แต่เขาไม่มีเงินเหลือแล้วจริง ๆ

จางซิ่วเอ๋อได้ฟังจึงยิ้ม “ข้าเอาเส้นสีเขียวมรกตนะ สวยดี!”

จางชุนเถาก็ไม่โง่ นางกลอกตาและพูดยิ้ม ๆ “สายผ้านี่สวยจัง ข้าอยากซื้อตั้งนานแล้ว!”

ส่วนจางซานหยาน่ะเหรอ? ชอบสายผ้านี่จากใจจริง

จ้าวเอ้อร์หลางเห็นว่าชั่วพริบตาพวกนางก็แบ่งสายผ้ากันเสร็จสรรพ ความรู้สึกกังวลในใจจึงมลายหายไป มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าแทน

“ไปเถอะ เราไปที่ตลาดกัน ข้าจะซื้อไข่ไก่กับแป้ง เอ้อร์หลาง ข้าได้ยินว่าเจ้าก็ต้องซื้อเหมือนกัน เราไปด้วยกันนะ” จางซิ่วเอ๋อเรียก

จ้าวเอ้อร์หลางพยักหน้า “ได้เลย!”

ทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่ตลาด คราวก่อนที่มาตลาดเนื่องจากแม่โจวอยู่ และแม่โจวท้องอยู่ด้วย ทุกคนจึงไม่ได้ตั้งใจเดินดูมาก

โดยเฉพาะจางซานหยา มาคราวนี้สนใจในสิ่งไหนก็จะแวะดู

จางชุนเถาพอมีเงินติดตัวอยู่บ้าง เห็นท่าทางน้องสาวตัวเองและนึกถึงชีวิตลำบากของจางซานหยา อดสงสารไม่ได้ จึงแวะซื้อของจุกจิกให้จางซานหยาไม่น้อย

ไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่เป็นของที่จางซานหยาชอบ

จางซานหยาเดินอยู่ข้างหน้า ไม่นานนักก็มาถึงที่ที่ซื้อไข่ไก่ พอตกลงราคาได้ก็นั่งยอง ๆ ลงและเลือกไข่

ไข่ไก่ในยุคโบราณไม่ได้มีแค่เปลือกสีแดง แต่มีหลากหลายชนิด ในตะกร้าไข่ไก่มีทั้งเปลือกขาว เปลือกเขียว และเปลือกหลากสี

จางซิ่วเอ๋อเลือกไข่มา 80 ฟอง

ก่อนจะหันไปมองไข่เป็ดข้าง ๆ จางซิ่วเอ๋อนึกถึงไข่เป็ดเค็มที่กินบ่อย ๆ จึงซื้อไว้ 30 ฟองอย่างอดใจไม่ไหว ตั้งใจว่ากลับไปจะหาไหมาดอง

อีกสักพักจะได้มีไข่เป็ดเค็มกิน

อย่างไรซะดองไข่เค็มนั้นง่าย ไม่ต้องมีความสามารถพิเศษอะไร แถมรสชาติกลมกล่อมด้วย ถ้าตอนเช้ามีไข่เค็มครึ่งฟองไว้กินกับข้าวคงอร่อยเลิศไม่น้อย

จางซิ่วเอ๋อมองไข่ห่าน คิดได้ว่าของแบบนี้คนท้องกินแล้วดี

ไข่ห่านขับพิษจากตัวอ่อนได้ ก่อนคลอดกินไข่ห่านแล้วดีต่อสุขภาพมาก

พอคิดได้แบบนี้จางซิ่วเอ๋อย่อมต้องซื้อให้แม่โจวสักหน่อย

ไข่พวกนี้ใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ของจางซิ่วเอ๋อ ชาวบ้านที่ขายไข่ใส่เศษหญ้ามาให้ไม่น้อย พอปูเศษหญ้าชั้นนึงแล้วค่อยวางไข่ ทำอย่างนี้หลาย ๆ ชั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าไข่จะแตก

เนื่องจากไข่เป็ดและไข่ห่านแพงกว่าไข่ไก่มาก จางซิ่วเอ๋อซื้อของพวกนี้ไปด้วยเงิน 230 เหรียญ

คนขายไข่รับเงินแล้วแถมไข่ไก่ฟองเล็กที่กินคำเดียวหมดให้จางซิ่วเอ๋อ “อันนี้ข้าแถมให้เจ้า วันหลังมาซื้อบ่อย ๆ นะ”

ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เจอคนซื้อไข่แบบนี้ คนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างมาตลาดได้อย่างสะดวก ใครจะกักตุนไข่มากขนาดนั้นไว้ที่บ้าน พวกเขาซื้อแค่ 10-20 ฟอง กินหมดแล้วค่อยมาซื้อใหม่ก็พอ

ส่วนคนที่อยู่ห่างออกไปเป็นคนในหมู่บ้านทั้งนั้น

มีคนในหมู่บ้านสักกี่คนจะมาซื้อไข่ในเมือง

บ้านไหนไม่เลี้ยงไก่บ้าง

ถ้าไม่ได้เลี้ยงส่วนใหญ่ก็เป็นพวกคนจนที่ไม่มีเงินซื้อไข่กิน

ที่จริงจางซิ่วเอ๋อซื้อไข่ในหมู่บ้านก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้ แต่พอนึกถึงเรื่องที่หมู่บ้านชิงสือมีขนาดเล็กนิดเดียว ถ้าตัวเองไปซื้อไข่บ้านไหนจริง ๆ คงรู้กันทั้งหมู่บ้าน

ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนี้ต้องเข้าเมือง จางซิ่วเอ๋อคงไม่สละที่ใกล้ไปเอาที่ไกลหรอก

แต่ครั้งนี้มาเพราะเรื่องกระดานซักผ้า นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เอาไข่กลับไปด้วย

ด้วยความที่เลือกไข่เป็นเวลานาน จางซิ่วเอ๋อหันกลับไปก็เห็นว่าพวกจางชุนเถาหายไปแล้ว

นางขมวดคิ้ว เดินวนอยู่แถวเดิมรอบหนึ่งแต่ไม่เห็นสักคน

จางซิ่วเอ๋อเป็นห่วงนิดหน่อย แต่คิดได้ว่าพวกเขาสามคนอยู่ด้วยกันก็สบายใจขึ้นบ้าง

นางมองด้านหน้าแล้วมองด้านหลัง สุดท้ายตัดสินใจเดินไปข้างหน้า

เมื่อครู่นางอยู่ห่างจากทุกคนไม่ไกล เวลานี้ทุกคนหายไปคงเพราะพวกเขาไม่เห็นตัวเองจึงเดินเลยออกไป

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ยินดีที่ได้เลื่อนขั้นนะโจวเหวิน อาจารย์เอ็นดูถึงถ่ายทอดวิชาให้นะนั่น

เด็ก ๆ พลัดหลงกันเสียแล้ว จะหากันเจอไหมเนี่ย

ไหหม่า(海馬)