หลังจากอธิบายจบ ความวุ่นวายนี้ก็สิ้นสุดลง!
กัวหย่งเลี่ยงมองสาวสวยงามพิลาสเบื้องหน้า นี่คือภรรยาของตนจริงหรือ? แน่นอนว่าละม้ายคล้ายคลึงอยู่ ตรงนี้ตรงนั้นก็ดูเหมือนกัน แต่พอเอามารวมกันแล้วทำไมดูไม่เหมือนกันล่ะ! ตกลงจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่? กัวหย่งเลี่ยงรู้สึกเหลือเชื่อ!
ฟู่อวี้ฟางนั่งลงบนเตียง ถูกกัวหย่งเลี่ยงมองจนหน้าแดงไปหมด
“ดูพอหรือยังคะ!”
กัวหย่งเลี่ยงส่ายหน้า “ไม่…ฟางฟาง คุณจะดูดีเกินไปหรือเปล่า?”
“ผมยังกังวลอยู่เลยว่าทำศัลยกรรมออกมาแล้วจะเละเทะดูไม่ดี คุณก็รู้จักนิสัยพ่อแม่ผม ถ้าเห็นคุณศัลยกรรมมาเหมือนพวกสาวๆ ในเน็ตจะต้องโกรธแน่!”
“ตอนนี้ดีแล้ว ดูดีจริงๆ!”
กัวหย่งเลี่ยงชมอยู่สิบกว่านาที มองดูใบหน้าตรงโน้นตรงนี้อย่างละเอียด “นี่เป็นของจริงหรือ?”
เฉินชางอธิบาย “นี่เป็นของจริงทั้งหมดครับ คุณฟู่เพียงแค่ปรับรายละเอียดบนใบหน้าเล็กน้อย ความจริงคุณฟู่ก็ดูดีมากอยู่แล้ว หลังจากทำนิดหน่อยก็เป็นแบบนี้แล้วครับ ยิ่งไปกว่านั้น การศัลยกรรมเล็กน้อยแบบนี้ก็เหมือนกับการกรีดใบหน้าให้เป็นแผล พอหายดีแล้วก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร”
กัวหย่งเลี่ยงรู้สึกแปลกใจ “ดี! ยอดเยี่ยม! สุดยอด! ที่แท้นี่ก็คือการศัลยกรรมนี่เอง!”
ฟู่อวี้ฟางแค่นเสียงใส่กัวหย่งเลี่ยงอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าจะเหมือนกับสาวๆ ที่คุณดูในเน็ตทั้งวี่ทั้งวันนั่นน่ะหรือ? ท่าทางคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง ดูผ่านหน้าจอจะรู้หรือว่าพวกเธอหน้าตาเป็นยังไง!”
“หมอเฉินนับเป็นปรมาจารย์เลยนะคะ เป็นคนออกแบบการศัลยกรรมให้ดารา ถ้าไม่ใช่พี่เสี้ยวแนะนำ ฉันคงไม่มีโอกาสได้เจอหมอเฉินหรอก!”
กัวหย่งเลี่ยงได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้ารัว เพียงมองก็เข้าใจถึงความห่างชั้นจริงๆ เป็นการศัลยกรรมเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับมีความแตกต่างกันมากขนาดนี้เชียว
ต้องบอกว่ากัวหย่งเลี่ยงเป็นคนมีประสบการณ์มาก ไม่ว่าอะไรก็เคยเห็นทั้งนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับโลกของการศัลยกรรม พริบตานั้นยังอดถอนใจไม่ได้
เพียงแต่ในตอนที่เขาหันไปเห็นเสี้ยวเถียนฮวาก็ยิ่งตกตะลึง เนิ่นนานผ่านไปจึงค่อยพูดว่า “คุณ…คุณคือพี่เสี้ยว?”
เสี้ยวเถียนฮวาพยักหน้า “ค่ะ ออกไปข้างนอกไม่กี่วันก็จำพี่เสี้ยวไม่ได้แล้วหรือคะ!”
กัวหย่งเลี่ยงยิ้มกว้างขึ้น “ไม่ใช่เพราะพี่เสี้ยวสวยขึ้นทุกวันหรือครับ!”
ตอนนี้เอง เสี้ยวเถียนฮวาจูงผู้หญิงด้านหลังเดินออกมา พริบตานั้นกัวหย่งเลี่ยงถึงกับตาค้าง “นี่คงไม่ใช่น้องสาวเหมยจื่อหรอกนะ? โอ้โห การศัลยกรรมนี่จะดูเกินไปรึปเล่าๆ!”
ตอนนี้กัวหย่งเลี่ยงเข้าใจแล้ว นับว่าได้พบคนสุดยอดเข้าแล้ว
การศัลยกรรมไม่อาจคิดง่ายๆ แบบนี้ ไม่คิดว่าจะออกแบบหน้าตาจนเป็นเช่นนี้ได้ กัวหย่งเลี่ยงรู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา
เขาหันไปมองเฉินชาง รู้สึกขอบคุณจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด!
หูฉวนจินหัวเราะ มองไปที่กัวหย่งเลี่ยงแล้วพูดว่า “ประธานกัว ยังอยากศัลยกรรมกลับไปเหมือนเดิมอีกไหมครับ?”
กัวหย่งเลี่ยงรีบส่ายหน้า “ไม่แล้วครับ! ยอดเยี่ยมจริงๆ ประธานหู คลินิกศัลยกรรมของคุณเป็นรังเสือมังกรจริงๆ ดูถูกไม่ได้เลย!”
ภรรยาดูดีแล้วมันดีกับใครล่ะ? ในใจกัวหย่งเลี่ยงจะไม่ดีใจได้หรือ? ทำออกมาสวยขนาดนี้…ก็เหมือนได้เปลี่ยนภรรยาใหม่ ไม่รู้ว่าในใจมีความสุขจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว
ส่วนเรื่องอธิบายกับพ่อแม่หรือ? ศัลยกรรมออกมาสวยขนาดนี้ คือความสวยอย่างแท้จริง ยิ่งไปกว่านั้นยังดูสง่าใจกว้างมีเอกลักษณ์ อธิบายไปนิดหน่อยก็พอ ไม่เป็นไร!
คลินิกเอกชนก็เป็นเช่นนี้เอง ลูกค้าคือพระเจ้า ต้องบริการให้ครบถ้วน!
หากบริการจนลูกค้าผู้ร่ำรวยพึงพอใจ ตอนจ่ายเงินพวกเขาจะไม่ขี้งกเลยสักนิด
ในตอนที่ฟู่อวี้ฟางให้บัตรกับเฉินชาง ถึงกับคว้ามือเฉินชางไว้ “เสี่ยวเฉิน วันหน้าออกแบบหน้าอกให้ฉันนะคะ!”
เฉินชางแทบอยากสะบัดมือออก “ได้ครับพี่ฟู่ ไม่มีปัญหา!”
ค่าผ่าตัดสามแสน อิงตามราคาของเสี้ยวเถียนฮวาในตอนแรก
……
……
ตอนนี้ในห้องทำงานเหลือเพียงหูฉวนจิน จางจื้อซินและเฉินชาง
หูฉวนจินพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฉิน จื้อซินพูดเรื่องคุณกับผมแล้ว บอกว่าคุณมีความสามารถ วันนี้ได้พบ คุณเก่งจริงๆ ครับ”
“คุณก็มาทำงานที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว จื้อซินบอกกับผมตลอดว่าอยากทำสัญญาให้คุณฉบับหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เอาแบบนี้ดีไหมครับ? คุณเป็นเพื่อนจื้อซิน งั้นผมจะให้เงินปันผลคุณสิบเปอร์เซ็น คุณก็มาทำคลินิกด้วยกันกับจื้อซินเลย ส่วนเงินปันผลสิบเปอร์เซ็นนี่…ผมก็ไม่ต้องการให้คุณลงเงินหุ้น คุณแค่ช่วยมาทำก็จะได้เงินปันผลทุกเดือน ดีไหมครับ?”
จางจื้อซินได้ยินก็เบิกตากว้าง มูลค่าการลงทุนของคลินิกศัลยกรรมแห่งนี้ไม่น้อยเลย เงินปันผลสิบเปอร์เซ็น ถ้าดูจากข้อมูลปีที่แล้ว อย่างน้อยปีหนึ่งก็คงหลายล้านแล้ว!
ไม่ต้องใช้เงินลงหุ้นก็ได้รับเงินปันผล หูฉวนจินใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
เฉินชางเองก็ตกตะลึงไปแล้ว จางจื้อซินเคยบอกเขาว่า ในปีหนึ่งๆ คลินิกศัลยกรรมทำกำไรได้หลายสิบล้าน เงินปันผลสิบเปอร์เซ็นก็หลายล้านแล้ว
แต่สวรรค์คงไม่ประทานแป้งย่างให้คนหิวฟรีๆ เฉินชางเข้าใจดี
เขายิ้มพูดว่า “ประธานหูให้ความสำคัญกับผมเกินไปแล้วครับ ผมต้องไปทำงานที่โรงพยาบาลทุกวัน มาที่นี่ตรงเวลาตลอดไม่ได้ เงินปันผลขนาดนั้น ถ้าผมรับไว้คงรู้สึกผิดแย่เลย”
หูฉวนจินส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ๆๆ ถ้าคุณเข้าร่วมกับพวกเรา กิจการของพวกเราจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน พวกเราใช้เรื่องนี้เจาะกลุ่มลูกค้าระดับสูง ใช้เรื่องการออกแบบมาโฆษณา แล้วก็บ่มเพาะทีมผ่าตัดที่มีฝีมือสูงสักทีม ส่วนคุณ เสี่ยวเฉิน คุนรับผิดชอบเรื่องการออกแบบก็พอครับ ยิ่งไปกว่านั้น…พวกเราจะไม่หักค่าออกแบบของคุณเลย แล้วจะช่วยกำหนดราคาให้คุณด้วย”
เฉินชางหวั่นไหวเข้าให้แล้ว!
ไม่ว่าเหตุการณ์จะร้ายจะดีก็ได้เงิน ใช้ทักษะฝีมือในการลงหุ้น ไม่มีความเสี่ยงแม้แต่น้อย
หูฉวนจินเห็นเฉินชางลังเลจึงรีบพูดต่อ “พวกเราจะไม่กดดันคุณมากเกินไป คุณอยากเลิกตอนไหนก็ได้นะครับ แต่คุณต้องรับประกันว่าจะมาที่คลินิกเดือนละหกวัน คุณไม่ต้องหาลูกค้าให้ผมก็ได้ พวกเราจะหากันเอง”
“แน่นอนพวกเราจะไม่กดดันคุณมากเกินไป ผมรู้ว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินเสียงและหยางเทา พวกคุณจะร่วมมือกันก็ได้ ขอเพียงไม่กระทบกับงานประจำวันของคุณก็พอ ส่วนสัญญาอย่างละเอียดผมจะให้จื้อซินส่งให้คุณดูก่อน คุณว่าดีไหมครับ?”
หูฉวนจินเองก็ไม่คิดจะลากเฉินชางไปลงเรือลำเดียวกัน เขาหวังแค่ว่าจะใช้เฉินชางเป็นป้ายโฆษณา เพิ่มคุณภาพการบริการเท่านั้น
ตอนนี้ธุรกิจศัลยกรรมไม่ง่ายเลยจริงๆ มีเยอะเกินไป หลายปีมานี้ผุดขึ้นราวดอกเห็ด นี่จึงเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้คลินิกตัวเองเท่านั้น
เฉินชางก็คือโอกาสของพวกเขา!
ความจริงเฉินชางไม่จำเป็นต้องมาที่คลินิกทุกวัน เพราะลูกค้าระดับสูงไม่ได้มีมากขนาดนั้น
แม้เงินปันผลส่วนนี้จะดูมาก แต่ความจริงมูลค่าที่เฉินชางสร้างสมควรมากกว่านั้นเยอะ หูฉวนจินคิดใคร่ครวญอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว ยิ่งมีเรื่องในวันนี้ของกัวหย่งเลี่ยง เขาก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเอง
หูฉวนจินพยักหน้า “เรื่องนี้เสี่ยวเฉินไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจก็ได้นะครับ คุณคิดดูให้ดี ความจริงผมเองก็เป็นคนทำธุรกิจ อย่างนี้เขาเรียกว่าได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน”
เฉินชางยิ้มอย่างเขินอาย “ขอบคุณความหวังดีของประธานหูนะครับ แต่ว่าเงินมากเกินไป โชคดีมากะทันหันเกินไป ผมยังไม่ทันได้เตรียมตัวเลยครับ”
หูฉวนจินยิ้ม “ค่อยๆ คิดครับ! ไม่รีบ! ถ้าคุณมีความคิดการร่วมมืออย่างอื่นก็บอกผมได้เลยนะครับ พวกเราต้องคุยกัน สัญญาถึงจะออกมาดี!”
พูดจบหูฉวนจินก็ลุกขึ้นตบแขนเฉินชางเบาๆ แล้วกลับไป เหลือเพียงจางจื้อซินและเฉินชางที่นั่งมองหน้าสบตากันอยู่ในห้อง!
จางจื้อซินก็ใช้ทักษะฝีมือแทนเงินในการร่วมหุ้นเช่นกัน รวมทั้งหมดแล้วเขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็น ส่วนหูฉวนจินคนเดียวมีหุ้นมากว่าครึ่ง คิดเป็นหกสิบเปอร์เซ็น ส่วนเถ้าแก่น้อยคนอื่นๆ แค่แบมือคอยรับผลประโยชน์ ไม่ได้เข้าร่วมกันจัดการดูแล แค่ได้เงินปันผลปลายปีก็พอแล้ว
เฉินชางมองจางจื้อซิน “อาจารย์จาง คุณว่าผมควรตอบรับดีไหมครับ?”
จางจื้อซินคิดอยู่นาน สุดท้ายจึงบอกว่า “พูดไปแล้วก็มีแต่ข้อดีทั้งนั้น แต่สุดท้ายจะเซ็นสัญญานี้หรือไม่ก็พูดยาก ของอย่างเงินปันผลมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ผมคิดว่าถ้าผมเป็นคุณ ผมจะร่วมมือกันด้วยวิธีอื่น!”
เฉินชางถามอย่างแปลกใจ “วิธีไหนหรือครับ?”
จางจื้อซินนั่งยืดตัวตรง มองไปที่เฉินชางแล้วพูดว่า “คุณยังไม่เคยบินเดี่ยวสินะครับ? ทำเอง รับงานแบบอิสระไปเลย! ผ่าตัดครั้งหนึ่งได้เงินเท่าไหร่ก็เท่านั้น แถมเวลายังค่อนข้างอิสระ คุณทำตามความสะดวกของตัวเองก็พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ต้องดูแลเรื่องอื่น เกิดปัญหาก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ถ้าคุณเข้าร่วมหุ้นรับเงินปันผล พอคนอื่นเกิดปัญหา คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วย”
“ถึงอย่างไรตอนนี้คุณก็ใช้การออกแบบเป็นหลักและการผ่าตัดเป็นรอง เมื่อเป็นแบบนี้ คุณออกแบบครั้งหนึ่งได้เงินหนึ่งแสน ทำการผ่าตัดครั้งหนึ่งก็คิดราคาตามมาตรฐาน ทำที่ไหนก็ได้!”
“ไม่งั้นเงินปันผลสิบเปอร์เซ็นนี้คงไม่ได้มาง่ายๆ แน่ จะต้องมีเรื่องวุ่นแต่ละอย่างมากมาย บางเรื่องที่คุณไม่อยากทำก็ยังต้องทำ”
เฉินชางได้ยินข้อเสนอของจางจื้อซินก็ดวงตาสว่างวาบ ใช่แล้ว!
ตนสามารถใช้วิธีรับงานอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่กับที่ แม้ตอนนี้จะเหมือนได้รับส่วนแบ่งเยอะ นั่งเพลินๆ ก็ได้เงิน ไม่ทันไรก็มีคลินิกศัลยกรรมมาอยู่ตรงหน้าแล้ว!
แต่ตนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมหุ้นส่วนก็ร่วมมือกันได้ไม่ใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นทำแบบนี้จะอิสระมากกว่า เหมือนกับการผ่าตัดให้ฟู่อวี้ฟางตอนนี้ ตนได้ค่าออกแบบ ส่วนค่าผ่าตัดก็แบ่งกัน
จะอย่างไรเขาก็มีทักษะฝีมือ หากมีเวลาก็รับงาน ไม่มีเวลาก็ทำเรื่องของตัวเองไป
มีแต่ได้กับได้!
จางจื้อซินสูดหายใจลึก คิดใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ผมคิดว่าอนาคตของคุณคงไม่หยุดอยู่แค่เมืองอันหยางหรอก เมืองอันหยางใหญ่ขนาดนี้ มีคนมากมาย คุณเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ด ยังไม่แน่ว่าในอนาคตจะอยู่ที่ไหน? ถึงตอนนั้นคุณจะทำอย่างไร?”
“คุณจะต้องวางรากฐานให้อนาคตของคุณด้วย หากจะหาเงินก็ต้องทำในระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้คุณอาจได้เงินปันผลเพราะทางคลินิกมอบเวทีให้คุณแสดงความสามารถ และมีพนักงานเฉพาะทางทำการสำรวจตลาดและกลุ่มลูกค้า ดังนั้นหากเลือกวิธีนี้ในช่วงสองปี คุณอาจหาเงินได้มาก”
“แต่คุณต้องเข้าใจอย่างหนึ่ง ทำแบบนี้ชื่อเสียงจะเป็นของคลินิกจื้อซิน จะไม่มีชื่อเสียงของคุณ ต่อให้คุณออกไปไหนชื่อของคุณก็จะถูกมัดรวมอยู่กับคลินิก ไม่เหมือนกับการที่คุณรับงานอิสระเอง นั่นจะเป็นชื่อเสียงของคุณทั้งหมด ภายหลังไปที่ไหนก็จะได้ประโยชน์เป็นของตัวเอง!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จางจื้อซินก็มองเฉินชาง “ดังนั้นเรื่องนี้ ที่สุดแล้วก็ต้องดูตัวคุณเองว่าจะเลือกแบบไหน แต่โดยส่วนตัวผม ผมชอบแบบที่สองมากกว่า มีความสุข อิสระ และได้เงินไม่น้อยด้วย!”
“คุณก็เหมือนกับหวังเชิน ตอนนี้เขามีฉายา ‘เจ้าแห่งดวงตา’ ไปแล้ว ไม่ว่าที่ไหนก็อยากเชิญเขาไป! ยังต้องกังวลว่าจะไม่มีข้าวกินอีกหรือ!”