“ท่านผู้นำตระกูลกำลังนอนพักผ่อนอยู่พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้คนไปแจ้งนางแล้ว พระองค์อย่ากริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านตอบด้วยความเคารพ

“ท่านปู่!” มู่หรูเหยียนเห็นท่านปู่ของตน ก็ร้องเรียกด้วยรอยยิ้มสดใสทันที

ท่านผู้เฒ่าเอามือปาดน้ำตา กล่าวว่า “หรูเหยียน ที่หลานต้องเป็นแบบนี้เพราะปู่เอง ปู่ไร้ประโยชน์เอง”

“ท่านปู่… ข้า…”

ทันใดนั้นเสียงอันเกียจคร้านดังขึ้น “ส่งเสียงดังรบกวนข้าแต่เช้าเช่นนี้ มีเรื่องอะไรกันรึ ?”

จากนั้น เสียงสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเสียงแมลงหวี่แมลงวัน “ซีเอ๋อร์ ข้า…”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้ความอดทน นางไม่ใคร่จะสนใจสตรีน่ารำคาญ

“มู่หรูเหยียน เจ้าคิดว่าคำพูดข้าเป็นเพียงลมที่พัดผ่านเช่นนั้นหรือ ? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้า แล้วเจ้ายังจะกล้าเสนอหน้ามาเหยียบจวนตระกูลมู่ของข้าอีกรึ ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับมู่เฉียนซีที่ไร้เหตุผล ซวนหยวนหลี่ซางมิอาจรักษาภาพลักษณ์ของเจ้าชายสง่างามไว้ได้อีก  เขากล่าวด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ “มู่เฉียนซี! เจ้าหยุดรังแกหรูเหยียนได้แล้ว ข้าเป็นคนพาหรูเหยียนมาที่นี่เอง”

มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นมองซวนหยวนหลี่ซาง “เหอะ! ต่อให้ท่านเป็นองค์รัชทายาท จวนตระกูลมู่นี้ก็เป็นของข้า ข้ามู่เฉียนซีผู้นำตระกูลพูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ผู้ที่ข้าไม่ต้อนรับ ห้ามก้าวเท้าเข้ามาเหยียบตระกูลมู่เด็ดขาด!”

มู่เฉียนซีฉีกหน้าซวนหยวนหลี่ซางผู้เป็นถึงองค์รัชทายาทอย่างไม่ใยดี

ซวนหยวนหลี่ซางหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ม “มู่เฉียนซี! เจ้าบังอาจยิ่งนัก หรูเหยียนนางกำลังจะเป็นพระชายาของข้าองค์รัชทายาท นางเพียงแค่อยากกลับจวนมาหาท่านปู่ของนาง หากเจ้าคิดขัดขวาง เท่ากับเจ้าบังอาจดูหมิ่นฮ่องเต้!”

ซวนหยวนหลี่ซางกล่าววาจาเช่นนี้ ท่านผู้เฒ่าสะใจยิ่งนัก เมื่อใดที่หรูเหยียนหลานเขาได้อภิเษกกับองค์รัชทายาท ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวสตรีอย่างมู่เฉียนซีอีกต่อไปแล้ว

“ท่านพี่หลี่ซาง…” มู่หรูเหยียนเอ่ยเรียก แก้มนางแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอาย นางหันไปมองซวนหยวนหลี่ซางด้วยดวงตาปริ่มน้ำตา

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน “เหอะ! กลับจวนอย่างนั้นรึ ? มู่หรูเหยียนโดนตัดออกจากตระกูลมู่แล้ว องค์รัชทายาท ท่านอยากดูรายชื่อของตระกูลมู่หรือไม่ล่ะ ?”

“มู่เฉียนซี เจ้ามันสตรีโหดเหี้ยม! เจ้าอิจฉาริษยาใช่หรือไม่จึงตัดนางออกจากตระกูลเช่นนี้” ดวงตาซวนหยวนหลี่ซางวาบประกายกล้าแทบลุกเป็นไฟ

“นั่นมันเป็นเรื่องของข้า อีกอย่าง วันนั้นมู่หรูเหยียนเป็นคนยอมรับเอง นางยอมรับที่จะออกไปเอง เยวี่ยเจ๋อก็อยู่ เขาเป็นพยานให้ข้าได้” มู่เฉียนซีกล่าวพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ข้า… ซีเอ๋อร์ ไม่นะ ข้าเกิดในตระกูลมู่ ตระกูลมู่เลี้ยงดูข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรข้าก็ไม่มีวันออกจากตระกูลมู่เด็ดขาด… มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ใช่! มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดกัน เจ้าล้มเลิกการตัดข้าออกจากตระกูลมู่เถิดนะ” มู่หรูเหยียนเอ่ยเสียงหม่นเศร้าเคล้าน้ำตา ใบหน้านางซีดเซียว

“เหยียนเอ๋อร์ หลานที่น่าสงสารของข้า ฮือ ๆ ๆ…” ท่านผู้เฒ่าร้องไห้สะอึกสะอื้น

“เยวี่ยเจ๋อเป็นคนของเจ้า เจ้าว่าอะไรเขาก็เออออห่อหมกตามเจ้าหมดอยู่แล้ว ตระกูลมู่มีแต่เงินทอง นอกจากเงินทองก็ไม่มีดีอะไรเลย หรูเหยียนเป็นถึงสตรีอัจฉริยะอันดับสองในแคว้นจื่อเยี่ย  ในตระกูลมู่เจ้ายังคิดร้ายต่อนางถึงเพียงนี้ หากไม่เป็นเพราะนางรักและภักดีต่อตระกูลมู่ เจ้าคิดรึว่านางจะอยู่ในตระกูลมู่ของเจ้า!” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ

มู่เฉียนซีโบกมือ กล่าวเย้ยหยันประชดระชัน “อ้อ… เช่นนั้นเชียวรึ ? อืม ในเมื่อไม่อยากอยู่ องค์รัชทายาท ท่านโปรดพาว่าที่พระชายาของท่านไสหัวออกไปจากจวนตระกูลมู่ด้วย”

“มู่เฉียนซี บังอาจนัก!”

“บังอาจอย่างไรหรือ ? ที่นี่เป็นจวนตระกูลมู่ ท่านจะทำไม ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยิ่งผยอง

ซวนหยวนหลี่ซางตระหนักและเข้าใจถึงความรู้สึกของของซวนหยวนหลี่เทียนและซวนหยวนจือแล้ว พวกเขาล้วนถูกสตรีอย่างมู่เฉียนซียั่วโทสะ

เกลียดนักสตรีผู้นี้! นางทั้งหยิ่งผยองทั้งยโสโอหัง เขาอยากจะปลิดชีพนางเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย

ทว่าช่างน่าเสียดายจริง ๆ ที่นางมีผู้อาวุโสสามแห่งตระกูลมู่ มู่อวู่ซวงผู้แข็งแกร่งคอยปกป้องอยู่ ต่อให้พวกเขาอยากจะปลิดชีพนาง  เกรงว่าความเหี้ยมโหดของมู่อวู่ซวงจะทำให้ตัวเขาองค์รัชทายาทต้องจบชีวิตลง

ช่างน่าอึดอัดขัดใจ เขาอยากสังหารนางมู่เฉียนซี แต่ว่ามิอาจลงมือกระทำเช่นนั้นได้

สมแล้วที่ซวนหยวนหลี่ซางเป็นถึงพระราชโอรสของฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ย แม้ว่าจะเกิดโทสะหนักหนาเพียงใด ยังคงควบคุมอารมณ์ตนได้อย่างดี

ซวนหยวนหลี่ซางสูดลมเย็นเข้าปอด กล่าวขึ้น “มู่เฉียนซีเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ ? หรูเหยียนก็แค่อยากจะกลับจวนมาอยู่ดูแลท่านปู่ของนางอย่างบริสุทธิ์ใจเพียงเท่านั้น นางมิคิดแย่งสิ่งใดไปจากเจ้า”

“เรื่องนั้นข้าไม่รู้ด้วย แต่ว่าช่วยไม่ได้ ข้าเห็นหน้านางแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างยิ่ง” มู่เฉียนซีกล่าว แสร้งตีหน้าซื่อไร้เดียงสา

มู่เฉียนซีปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี นางไม่ยอมฟังสิ่งใดลมปากของใครเลย

ท้ายที่สุดซวนหยวนหลี่ซางกำหมัดแน่น

“มู่เฉียนซี เจ้ากล้าพนันกับข้าสักตั้งหรือไม่ ?!”

“พนันรึ ? พนันอย่างไรล่ะ ?”

“จินอู๋ถาง เรามาประลองกันสักตั้ง เจ้าคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเจ้าใช่หรือไม่ ?!” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวยั่วยุ

มู่เฉียนซีถาม “พนันการประลองครั้งนี้ หากข้าแพ้ ท่านจะขอให้หรูเหยียนกลับจวนตระกูลมู่ได้ใช่หรือไม่ ?”

“ถูกต้อง คำขอของข้ามีเพียงคำขอเดียวเท่านั้น ตามที่เจ้าว่า”

มู่เฉียนซีกล่าวติดตลก “องค์รัชทายาท ท่านทำไปก็เพื่อสตรีไร้ค่าผู้เดียวแท้ ๆ  หากข้าเป็นผู้ชนะ ท่านก็จะไม่ได้ตามคำขอ และหวังว่าท่านคงไม่ปฏิเสธคำขอของผู้นำตระกูลเช่นข้าหรอกนะ”

“ข้าเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นจื่อเยี่ย เจ้าวางใจได้”

ดวงตาดำล้ำลึกมองใบหน้าซวนหยวนหลี่ซาง ก่อนจะเลื่อนไปมองมู่หรูเหยียนข้าง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าว “อันที่จริงแล้วคำขอของข้าง่ายเพียงนิดเดียว หากข้าเป็นผู้ชนะ ท่านก็ต้องคืนเงินทุนที่ตระกูลมู่เลี้ยงดูมู่หรูเหยียนมาเป็นเวลาสิบแปดปี”

ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวตอบทันที “ข้าก็คิดว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไร ที่แท้ก็เรื่องเล็กนิดเดียว ตระกูลมู่ช่วยข้าเลี้ยงดูปลูกฝังสตรีผู้งดงาม อีกทั้งยังมีความสามารถมากมายเช่นนี้ให้มาเป็นพระชายาของข้า แค่ชดใช้เงินทุนคืนถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าไม่นึกกริ่งเกรงใด ๆ ถือเสียว่าเป็นเงินสินสอดส่วนหนึ่งของหรูเหยียนก็แล้วกัน”

“องค์รัช… อ่า… ท่านพี่หลี่ซาง…” มู่หรูเหยียนซาบซึ้งใจ นางมองซวนหยวนหลี่ซางด้วยดวงตาอ่อนหวาน

ซวนหยวนหลี่ซางรู้ดีว่าการที่เขาลงมือช่วยนาง ความดีนี้ของเขาสามารถแลกใจของสตรีงดงามมากความสามารถผู้นี้ได้

“องค์รัชทายาท แต่…”

ท่านผู้เฒ่าหันไปมองซวนหยวนหลี่ซาง อยากจะกล่าวคำบางอย่างแต่ก็ทำไม่ได้ ในช่วงสิบแปดปีที่ผ่านมา ตระกูลมู่ทุ่มเงินไปกับมู่หรูเหยีบนเป็นจำนวนมาก  อย่างไรก็ตาม เงินที่ทุ่มเทไปเพื่อให้นางใช้ฝึกมาถึงปัจจุบันจวบจนได้เป็นถึงสตรีอัจฉริยะอันดับสองในแคว้นจื่อเยี่ยรองจากมู่หรูอวิ๋นนั้นไม่น้อยเลย

เงินนี้อาจจะมากกว่าที่ฮ่องเต้ซวนหยวนจือลงทุนให้กับองค์รัชทายาทเป็นสิบเท่าก็ว่าได้

“ท่านผู้เฒ่ามู่ มีอะไรรึ ? มีอะไรก็กล่าวมาได้” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวถามท่านผู้เฒ่า

“ขอพระองค์ทรงเบามือ อย่าทำร้ายท่านผู้นำตระกูลมู่ของพวกข้าเลย ถึงแม้ว่าท่านผู้นำตระกูลมู่จะแข็งแกร่ง ทว่าพระปรีชาสามารถของพระองค์เหนือกว่านางเล็กน้อย ขอพระองค์ทรงพระกรุณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ท่านผู้เฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไม่ว่าเงินจำนวนนั้นจะน่ากลัวเพียงใด ทว่าก็ไม่เดือดร้อนถึงตน อย่างไรเสียผู้ที่ต้องชดใช้เป็นถึงองค์รัชทายาท  เป็นถึงบุรุษอัจฉริยะของแคว้นจื่อเยี่ย จะพ่ายแพ้ให้คนอย่างมู่เฉียนซีได้อย่างไร ?

แต่หากพนันในครั้งนี้ สามารถทำให้มู่เฉียนซีพ่ายแพ้สิ้นชีพลงได้ จะเป็นการดีอย่างยิ่ง

ซวนหยวนหลี่ซางพยักหน้า กล่าววาจาออกจะเย้ยหยัน “เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่ทำให้มู่เฉียนซีบาดเจ็บหรอก อย่างไรนางก็เป็นถึงผู้นำตระกูลมู่ ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่ง”

มู่เฉียนซีกลอกตา มองไปด้านบนเพดาน ครุ่นคิดในใจ ‘เหอะ! ผู้เฒ่าน่ารำคาญนี่แสดงละครตบตาได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!’

นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “แล้วพนันครั้งนี้จะเริ่มเมื่อไหร่รึ ?”

“พรุ่งนี้ยามบ่าย เจอกันที่จินอู๋ถาง มู่เฉียนซีเจ้ามีความเห็นอย่างไร ?”

ยิ่งเร็วยิ่งดี!

“ไม่มีปัญหา ข้าตกลงเจอกันพรุ่งนี้ยามบ่าย” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซวนหยวนหลี่ซางไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นคิดเหมือนกันกับตน ยิ่งประลองเร็วก็ยิ่งดี ตระกูลมู่จะได้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เสียที

“หากเป็นเช่นนี้ วันนี้เหยียนเอ๋อร์ก็สามารถอยู่ที่จวนตระกูลมู่ได้แล้ว” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าว มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าตนเองจะได้รับชัยชนะ

.