ตอนที่ 79 ชายสองคนปะทะกัน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มุมปากของเยวี่ยเจ๋อยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ “ใช่! ข้าเสร็จแน่”

เยวี่ยซู่เบิกตากว้างมองพี่ชายตัวเอง  พี่ใหญ่เขานี้ช่างกล้า ตัวเขาผู้เป็นน้องต้องยอมรับเลยจริง ๆ

เวลานี้มีคนงานมารายงาน “คุณชายเจ๋อ นายน้อยน่าหลานขอพบท่านขอรับ”

เยวี่ยเจ๋ออึ้งไปเล็กน้อย “นายน้อยน่าหลานรึ ? นายน้อยของหอการค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเซี่ยโจว น่าหลานอวี้น่ะรึ ?”

“ขอรับ”

“เขามาขอพบข้าทําไมกัน ?” เยวี่ยเจ๋อนึกฉงนสงสัย นายน้อยของหอการค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเซี่ยโจว จะอยากพบคนธรรมดาอย่างเขาได้อย่างไรกัน ?

“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ”

“เชิญเขาขึ้นไปที่ห้องชั้นบน ข้าจะไปพบเขาเดี๋ยวนี้” เยวี่ยเจ๋อกล่าว

ภายในห้องชั้นบนของหอเทียนเว่ย ชายผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำเงินหล่อเหลา และชายชุดขาวที่ดูอ่อนโยนนั่งอยู่ข้างใน

ดวงตาจิ้งจอกเรียวยาวของน่าหลานนอวี้ค่อย ๆ มองสูงขึ้น เขาหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่ง กล่าวว่า “คุณชายเยวี่ย ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าหมอปีศาจผู้สร้างยานี่ของหอหมอปีศาจของพวกเจ้า เป็นใครมาจากไหนกันแน่ ?” น่าหลานอวี้กล่าวเข้าประเด็น เขาเองไม่ได้เจอมู่ซีมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหามู่ซีได้ที่ใด

ยาที่เคยแปลกประหลาด ณ ตอนนี้มีขายในหอหมอปีศาจ เขาเดาเอาว่าคงต้องเกี่ยวอะไรกับมู่ซีอย่างแน่นอน และข่าวลือแปลกประหลาดนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงมากหมอผู้นั้นจะเป็นมู่ซี

เยวี่ยเจ๋อกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าไม่อาจบอกได้ ขออภัย”

น่าหลานอวี้ยิ้ม กล่าวขึ้น “ขอเพียงตอบคําถามนี้ของข้า ข้าสามารถจัดหายาเม็ดระดับห้าให้คุณชายเยวี่ยได้”

ดวงตาของเยวี่ยเจ๋อฉายแววเย็นยะเยือก “นายน้อยน่าหลาน ต่อให้ท่านหยิบยาระดับเก้าออกมา บอกไม่ได้ก็คือบอกไม่ได้”

น่าหลานอวี้อึ้งงัน ในชีวิตของเขาไม่มีเรื่องที่เขาใช้สมบัติเงินทองจัดการไม่ได้ คิดไม่ถึงว่ามีสองคนที่ไม่อาจใช้วิธีนี้ด้วยได้  หนึ่งคือมู่ซี  สองคือเยวี่ยเจ๋อ

“ข้าไม่มีเหตุผลแล้ว” ดวงตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ “แต่ข้าเดาว่าหมอปีศาจที่ปรุงยาน่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่กระมัง!”

แววตาของเยวี่ยเจ๋อยิ่งมองยิ่งเย็นชา หากนายน้อยหอการค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเซี่ยโจวคิดแผนชั่วร้ายอะไรกับพี่ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมให้ประสบความสําเร็จ

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ในแววตาของเยวี่ยเจ๋อ น่าหลานอวี้ก็มั่นใจได้เจ็ดถึงแปดส่วน  เขายิ้ม กล่าวว่า “คุณชายเยวี่ยไม่จําเป็นต้องกังวล หากหมอปีศาจที่หลอมยานั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องตระกูลมู่”

มู่ซี… มู่… เขาน่าจะคิดได้นานแล้ว

เยวี่ยเจ๋อทอแววตาหนักใจมากขึ้นทุกที เขานั้นเมื่อเทียบกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เจนจัดในสนามการค้า ยังขาดความช่ำชองนัก

เห็นเยวี่ยเจ๋อเงียบไป น่าหลานอวี้ยิ้มพึงพอใจก่อนจะกล่าวว่า… “ความรู้สึกของคุณชายเยวี่ยที่มีต่อท่านผู้นําตระกูลมู่ไม่ธรรมดา หากต้องการอะไร ข้าก็ยินดีช่วย อย่างไรเสียพวกเราก็เคยร่วมมือกับหมอปีศาจมาก่อน”

เยวี่ยเจ๋อกล่าวเสียงเข้ม “เรื่องของข้า ไม่จําเป็นต้องให้นายน้อยน่าหลานลงมือหรอก พวกเราไม่ได้สนิทกัน”

“เจอกันครั้งแรกต่างแปลกหน้า ครั้งต่อไปเดี๋ยวก็คุ้นชิน  ข้ากับหมอปีศาจสนิทกันมาก” รอยยิ้มบนใบหน้าของน่าหลานนอวี้ดูสดใส ทั้งยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

พี่ใหญ่สนิทกับน่าหลานอวี้มาก เขาอยู่กับพี่ใหญ่มาตลอดกลับไม่รู้ เยวี่ยเจ๋ออึ้งไปเล็กน้อย อยากจะต่อยหน้ายิ้ม ๆ นั่นเสียจริง

ถึงอย่างไรเขาจำต้องระงับอารมณ์ตัวเอง แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเขาทรยศ  มันเปิดเผยออกมาชัดเจน  เจ้าสุนัขจิ้งจอกน่าหลานอวี้มีความสามารถ หากสืบหาเบาะแสย่อมได้รู้อะไรบางอย่างเพิ่มเป็นแน่

เขาต้องอดทน เยวี่ยเจ๋อต้องอดทนไว้!

น่าหลานนอวี้กับเยวี่ยเจ๋อสนทนากันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวอำลากัน

เยวี่ยเจ๋อคิดในใจว่าเรื่องที่น่าหลานอวี้มานี้ เขาต้องรายงานให้พี่ใหญ่ทราบ ไม่รู้ว่าหอการค้าอันดับหนึ่งกําลังคิดการใดอยู่ ?

น่าหลานอวี้นั้น เขาแน่ใจอยู่หลายเรื่อง นั่นก็คือมู่ซีกับตระกูลมู่…

มู่ซีคงจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกับตระกูลมู่ และเยวี่ยเจ๋อกับมู่ซี พวกเขาทั้งสองต้องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน  เขาใจเย็นมากก่อนที่จะได้รู้เรื่องแรก แต่หลังจากนั้นไม่นาน  ลองนึกภาพว่าเยวี่ยเจ๋อน่าจะชอบมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ แม้จะแปลกใจ แต่เขาก็ต้องใจเย็น ๆ

เขากล่าวอย่างเศร้าโศกเสียใจ “มู่ซี ถ้าข้าไม่ลงมือก่อน  เจ้าคงไม่ลืมข้าหรอกใช่ไหม ?”

หลังจากกล่าวคําอําลากับน่าหลานอวี้ เยวี่ยเจ๋อก็รีบไปหามู่เฉียนซีและบอกเรื่องนี้กับนาง

“หืม… น่าหลานอวี้มาหาเจ้ารึ ?” เมื่อได้ยินคําพูดของเยวี่ยเจ๋อ มู่เฉียนซีรู้สึกประหลาดใจเล็ก ๆ

น่าหลานนอวี้เดาไม่ผิด มู่เฉียนซีได้รับยาวิเศษมากมาย นางฝึกปรุงยาจนลืมเขาไปโดยไม่รู้ตัว

“น่าหลานนอวี้ช่วยข้ามาไม่น้อย ไม่ใช่เขาข้าก็คงไม่ได้รู้จักผู้อาวุโสฮั่ว วันหน้าข้าต้องขอบคุณเขาให้ดีแล้ว หึ ๆ” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหัวเราะ

“ขอบคุณ  พี่ใหญ่ แต่ข้ารู้สึกว่าน่าหลานอวี้มีใจไม่บริสุทธิ์ เขาดูจะร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าสุนัขจิ้งจอกเสียอีก อย่าไปสนิทสนมกับเขาจะดีกว่า” เยวี่ยเจ๋อกล่าวอย่างฮึกเหิม

“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ เป็นพี่ใหญ่ของเจ้ามามีแต่คิดร้ายต่อผู้อื่น ไม่มีใครสามารถคิดร้ายกับข้าได้ง่าย ๆ  ข้าต้องคิดว่าจะขอบคุณน่าหลานอวี้อย่างไร ตระกูลน่าหลานร่ำรวยกว่าตระกูลมู่เสียอีก ราวกับไม่มีสิ่งใดที่…”

เมื่อเห็นพี่ใหญ่ที่ไม่เคยรู้สึกอะไรคิดอยากขอบคุณจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น เยวี่ยเจ๋อยิ่งรู้สึกกังวลในใจ

……

สามวันผ่านไป ตระกูลมู่ยังไม่ได้ส่งคนมารับมู่หรูเหยียน

มู่หรูเหยียนนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดวงจันทร์ด้านนอก น้ำตาไหลพราก  นางกระซิบกับตัวเอง “ท่านปู่ หรูเหยียนคิดถึงท่านมากเหลือเกิน หรูเหยียนอยากกลับบ้าน ฮือ ๆ ๆ”

ซวนหยวนหลี่ซางเปิดประตู ก็เห็นภาพคนงามกำลังร่ำไห้คิดถึงปู่ผู้เป็นที่รัก เขาอดไม่ได้ที่จะทุกข์ใจไปกับนางด้วย  เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับมู่หรูหยียน

มู่หรูเหยียนนอกจากต้นกําเนิดที่ต่างกันเล็กน้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ความแข็งแกร่ง พรสวรรค์ ความปราดเปรื่อง นางล้วนโดดเด่นกว่าใคร  เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในแคว้นจื่อเยี่ยที่คู่ควรกับเขา

นอกจากนี้ มู่หรูเหยียนยังต่างจากหญิงคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก  หญิงคนอื่นเพียงแค่เห็นเขาก็แทบที่จะเอาตาติดมากับร่างกายเขา แต่นางกลับมองเขาเหมือนเป็นคนธรรมดา ไม่ประจบสอพลอเขาเพียงเพราะเขาเป็นองค์รัชทายาท

เพราะความสมบูรณ์แบบและพิเศษของนาง เขาจึงติดตามนางมาตลอดหลายปีนี้  แม้ว่าต้นกำเนิดของนางจะไม่เพียงพอที่จะเป็นพระชายา แต่เขาก็เก็บตําแหน่งพระชายาไว้ให้นาง

มู่หรูเหยียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็ตระหนกตกตื่นราวกับกระต่ายน้อยที่ตกใจจนกระโดด นางปิดหน้าอุทานออกมา “องค์รัชทายาท!”

ซวนหยวนหลี่ซางกล่าว “หรูเหยียน  ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว เรียกข้าว่าหลี่ซางก็พอ ถ้าเจ้าอยากกลับบ้านและอยากพบปู่ของเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไป …ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน แม้แต่มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถขวางข้าได้”

ดวงตาที่อ่อนโยนของซวนหยวนหลี่ซางเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ทําให้มู่หรูเหยียนรู้สึกหลงใหล  นางซาบซึ้งทว่าหวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน

“องค์รัชทายาท  ข้า… เรื่องเล็กน้อยนี้ไม่ควรรบกวนองค์รัชทายาทเลย  ซีเอ๋อร์จะต้องมารับข้าอย่างแน่นอน”

“หรูเยียน เจ้าใจดีเกินไปแล้ว มู่เฉียนซีอยากให้เจ้าไม่กลับไปที่ตระกูลมู่อีกตลอดไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าเปิดเผยเรื่องบางอย่างของนาง” ซวนหยวนหลี่ซางจำเป็นต้องพูด

“ไม่ ไม่มีทาง…” นางกัดริมฝีปากล่าง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ

“เจ้าพักผ่อนเถอะหรูเหยียน เรื่องที่เจ้าจะกลับไปยังจวนสกุลมู่ ปล่อยให้ข้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องกล่าวแย้งสิ่งใดอีก” ซวนหยวนหลี่ซางยื่นคำขาด

……

เช้าวันรุ่งขึ้น ซวนหยวนหลี่ซางพามู่หรูเหยียนไปยังจวนสกุลมู่

“องค์รัชทายาทมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เสียงแหลมดังออกมาจากจวนสกุลมู่

เมื่อองค์รัชทายาทมาถึง ทุกคนในตระกูลมู่ก็ออกมาต้อนรับ มีเพียงมู่เฉียนซีและมู่อวู่ซวงที่ไม่แยแส พวกเขาเกียจคร้านเกินกว่าจะสนใจ

ซวนหยวนหลี่ซางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากล่าวถาม “มู่เฉียนซีล่ะ ?”

.