ณ บ้านสกุลจ้าน จ้านเฟิงอวี้หนังตาขวากระตุกไม่หยุด รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรจะเกิดขึ้น รู้สึกว่าตัวเองอาจคิดมากเกินไป
“รายงาน ท่านหัวหน้าเผ่า หลิวหลี บ้านสกุลหลงมาพร้อมกับมังกรโลหิต มาระเบิดประตูใหญ่ของบ้านสกุลจ้านแล้วขอรับ” ลูกศิษย์คนหนึ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทีลนลาน
“อะไรนะ นางมาระเบิดประตูบ้านข้าหรือ นางมาระเบิดประตูบ้านข้าทำไม” จ้านเฟิงอวี้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที นังหนูคนนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นลูกสาวของน้องชายเขา เรื่องราวในตอนนั้นเขาก็ได้ยินมาบ้าง แต่เพื่อจะปกปิดความอับอายจึงเลือกที่จะเงียบ ตอนนี้เพื่ออะไรกัน จึงมาสร้างความบาดหมางใหญ่โตเช่นนี้
ณ หน้าประตูบ้านสกุลจ้าน คนกลุ่มหนึ่งมองหลิวหลีด้วยท่าทีหวาดกลัว มองมังกรโลหิตที่อยู่ด้านหลังของนางด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่า ทว่าทำไมคู่พันธสัญญาของพวกเขาเห็นหลิวหลีแล้วกลับรู้สึกกลัวมากกว่าล่ะ จากการส่งข้อความที่ขาดๆ หายๆ ของเหล่าบรรดาคู่พันธสัญญา พวกเขาจึงได้รู้ว่าบนตัวของหลิวหลีมีพลังของความน่าเกรงขาม ซึ่งนั่นส่งผลกับอสูรเทพด้วยเช่นกัน
“หลงหลิวหลี เจ้าคิดจะทำอะไร” วันนี้บังเอิญเป็นวันเข้าเวรของจ้านอวิ๋นจิ่งที่เคยมีเรื่องกับหลิวหลีมาก่อน จ้านอวิ๋นจิ่งลำบากใจอย่างมาก นังปีศาจตนนี้ไปเจออะไรมาอีก ลูกศิษย์บ้านสกุลจ้านช่วงนี้ออกจะเชื่อฟัง คงจะไม่ได้ไปทำให้นังปีศาจตนนี้โมโหแน่
“ทำอะไรน่ะหรือ เจ้ามองไม่ออกหรือไง” หลงหลิวหลีพูดเสียงต่ำ เพลิงอัคคีทั้ง 5 สีลุกโชน ทำให้คนกลุ่มนั้นรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
“หลงหลิวหลี เจ้าคิดว่าพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าสูงส่ง แล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ เจ้าฝันไปเถอะ บ้านสกุลจ้านยังมียอดฝีมืออีกมาก เจ้ารีบไปเสียเถอะ ในขณะที่บ้านสกุลจ้านยังมีมิตรภาพอันดีกับสกุลหลงอยู่” จ้านอวิ๋นจิ่งพยายามพูดจาหว่านล้อมหลิวหลี เขายังคงสำนึกบุญคุณที่หลิวหลีเคยช่วยชีวิตเขาตอนที่อยู่ในแดนลี้ลับ
“จ้านอวิ๋นจิ่ง ข้ามาที่บ้านสกุลจ้านก็เพื่อคนผู้หนึ่ง ส่งตัวจ้านเฟิงจวินมา ไม่เช่นนั้นข้าจะบุกเข้าไปลากตัวมันมา เจ้ารู้ความสามารถของข้าดี อย่าทำให้ลำบากใจกันทั้งสองฝ่ายเลย”
“เจ้ามาหาจ้านเฟิงจวิน? ตอนนี้นางถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน เจ้ายังจะมาหานางอีกทำไม” จ้านอวิ๋นจิ่งจำได้ว่าตอนนั้นหลิวหลียังไม่ได้มีพลังบำเพ็ญเพียรสูงขนาดนี้ได้สู้กับจ้านเฟิงจวิน แขนทั้งสองข้างของจ้านเฟิงจวินในตอนนี้ก็ยังเบี้ยวอยู่ ไม่มีใครกล้ารักษาให้กับนาง
“ทำไมน่ะหรอ ข้าอยากจะสะสางเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้วน่ะสิ เจ้าหลีกไป” หลิวหลีก็ไม่ได้เกรงใจ ใช้เพลิงอัคคีเปิดทาง ทำให้พวกจ้านอวิ๋นจิ่งก็ต้องถอยหลังหลบเพลิงอัคคี
ณ บ้านสกุลหลง หลงจิ่งหลินวิ่งด้วยท่าทีลุกลี้ลุกรนเข้าไปในที่ที่พ่อกับพี่ชายกำลังพูดคุยกัน
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ แย่แล้ว หลิวหลีบุกเข้าไปที่บ้านสกุลจ้าน” หลงเหวินเซวียนยังไม่ทันได้ตำหนิลูกชายคนที่สาม ก็ได้ยินเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้น
“อะไรนะ นังหนูกลับมาแล้วหรอ ทำไมไปที่บ้านสกุลจ้านอย่างไม่บอกไม่กล่าวเลยล่ะ” หลงเหวินเซวียนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือรู้สึกไม่เข้าใจ
“อย่าเพิ่งถามเรื่องพวกนี้เลย ท่านพ่อ พวกเราพาคนไปกันเถอะ” หลงจิ่งอู๋กล่าว นังหนูอย่าเพิ่งเสียท่านะ
ในเวลาเดียวกัน สกุลหนานกง สกุลฮัวและสกุลหลินก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาก็ประหลาดใจหลงหลิวหลีคิดจะทำอะไรกันแน่
หลิวหลีบุกเข้าไปด้านใน เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้ว่าศาลบรรพชนอยู่ที่ไหน หลิวหลีผู้ที่มีความอดทนต่ำจึงจับตัวจ้านอวิ๋นจิ่งมา
“พาข้าไปศาลบรรพชน”
“เจ้า เจ้าปล่อยอวิ๋นจิ่งเดี๋ยวนี้”
“ไม่ปล่อย นอกจากพวกเจ้าจะพาข้าไปศาลบรรพชน ข้าต้อการพบจ้านเฟิงจวิน” หลิวหลีจับไหล่ของจ้านอวิ๋นจิ่งไว้แล้วพูด
จ้านอวิ๋นจิ่งรู้สึกแค่ว่าเขาดวงไม่สมพงศ์กับหลิวหลีจริงๆ เจอนางทีไรไม่เคยมีเรื่องดี
“นังหนูสกุลหลง ปล่อยอวิ๋นจิ่งเดี๋ยวนี้” จ้านเฟิงอวี้ก็รีบรุดเข้ามา
“ผู้นำสกุลจ้าน ข้าอยากเจอจ้านเฟิงจวิน ข้าไม่อยากทำร้ายใคร” หลิวหลีพูดในขณะจับจ้านอวิ๋นจิ่งไว้
“นังหนู จ้านเฟิงจวินก็ได้รับโทษที่สมควรจะได้รับแล้ว ต้องอยู่ในศาลบรรพชนไปตลอดชีวิต นังหนู หากปล่อยไปได้ก็ปล่อยไปเถอะนะ” จ้านเฟิงจวินหว่านล้อม
“แบบนั้นเรียกลงโทษหรือ เป็นการปกป้องกระมัง วันนี้ข้าจะต้องเจอจ้านเฟิงจวินให้ได้” หลิวหลีไม่ยอมเลยแม้แต่น้อย
“หลิวหลี ให้ไปศาลบรรพชนเป็นการลงโทษจริงๆ จ้านเฟิงจวินไม่ใช่ผู้อาวุโสของสกุลจ้านอีกต่อไป เจ้ารามือเถอะ” จ้านอวิ๋นจิ่งกล่าวเตือน
“ไม่ได้ พวกเจ้าคิดจะกลบเกลื่อนใช่ไหม ข้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ผู้นำสกุลจ้าน พวกเจ้าคิดว่าการจัดการของพวกเจ้าถือเป็นการทำร้ายข้าหรือว่าอย่างใด” หลิวหลีไม่ยอมรับวิธีการจัดการเช่นนี้แม้แต่น้อย
“ท่านเอ๋าเลี่ย ท่านจะไม่ห้ามปรามนังหนูหน่อยหรือ” จ้านเฟิงอวี้ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงมองเอ๋าเลี่ยที่อยู่ด้านหลัง
“ห้ามปราม? ทำไมข้าต้องห้าม ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมคู่พันธสัญญาของหลงซินเยว่ในตอนนั้น ซึ่งคือลูกหลานของเผ่ามังกรของข้า ทำไมถึงได้สิ้นลมหายใจก่อนหลงซินเยว่” เอ๋าเลี่ยจ้องมองจ้านเฟิงอวี้
ในใจของจ้านเฟิงอวี้ราวกับมีคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามา รู้มาก่อนอยู่แล้วใช่ไหม มิน่าถึงเป็นเช่นนี้ วันนี้คงจะจบไม่สวยแน่ เรื่องน่าอับอายขนาดนี้ อย่างไรเสียก็ปิดไม่มิดหรอก จ้านเฟิงอวี้รู้สึกหมดเรี่ยวแรง
“แล้วนังหนู เจ้าจะจัดการกับจ้านเฟิงจวินอย่างไร” จ้านเฟิงจวินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า
“จัดการน่ะหรอ ข้าไม่เอาชีวิตนางอยู่แล้ว แต่ว่าข้าจะทำอย่างไร ข้าคิดว่าหัวหน้าบ้านสกุลจ้านไม่ต้องมายุ่งจะดีกว่า” หลิวหลีไม่ยอมลดละ สิ่งที่ทำให้หลิวหลีโมโหกว่านั้นคือ เห็นได้ชัดว่าผู้นำสกุลจ้านรู้เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก
“มานี่ ไปพาตัวจ้านเฟิงจวินมา” จ้านเฟิงอวี้หมดเรี่ยวแรง เพื่อจ้านเฟิงจวินแล้ว เขาต้องแลกอะไรไปบ้าง ดูแล้วเหมือนไม่คุ้มเท่าไหร่นัก และพลาดไปมากมาย มองหลิวหลีที่มากความสามารถ เดิมเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของบ้านสกุลจ้าน ตอนนี้กลับกลายเป็นความภาคภูมิใจของบ้านสกุลหลง ลิขิตสวรรค์ ทำให้สกุลจ้านของเขาต้องสูญเสียยอดฝีมือไป
จ้านเฟิงจวินหลบอยู่ในศาลบรรพชนไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ในช่วงหลายวันมานี้ นอกจากความเจ็บปวดที่แขนของนาง ที่เหลือก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มีต่อหลิวหลีและบ้านสกุลจ้าน
ได้ยินว่าผู้นำสกุลให้คนมาพาตัวนางออกไป นางนึกว่าผู้นำสกุลคิดได้แล้ว จะปล่อยนาง เมื่อถามคนที่มานำทาง ก็พบเจอแต่กับความเกลียดชังเท่านั้น
กระทั่งเห็นหลงหลิวหลี จ้านเฟิงจวินเห็นท่าไม่ดี นังปีศาจทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“จับนางไว้” เมื่อเห็นจ้านเฟิงจวินคิดหนี จ้านเฟิงอวี้จึงออกคำสั่งให้ไปจับจ้านเฟิงจวินไว้
“ผู้นำสกุล ท่านคิดจะทำอะไร” แววตาของจ้านเฟิงจวินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พลังเซียนของนางถูกปิดกั้นไว้ เมื่อออกแรงเพียงนิดเดียวแขนทั้งสองข้างของนางก็รู้สึกเจ็บปวด
“เฟิงจวิน เรื่องเมื่อหลายสิบปีก่อนที่เจ้าเคยทำเอาไว้ ถึงเวลาสะสางแล้วล่ะ”
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่ผิด ไม่ผิด คนที่ผิดคือนังหลงซินเยว่ หญิงชั่วนั่น” จ้านเฟิงจวินพร่ำราวเสียสติ
“ทั้งที่ข้าเป็นคู่หมั้นหมายของอาหลิง แต่นังนั่นกลับเข้ามายุ่ง ข้าวางแผนจัดการนางแล้วจะทำไม นางติดค้างข้า นางนั่นแหละที่เป็นคนติดค้างข้า” จ้านเฟิงจวินตะโกนเรื่องราวในอดีต พ่อลูกสกุลหลงที่เพิ่งเข้ามาได้ยินคำพูดที่เอื้อนเอ่ย ของนางพอดี
“เจ้าบอกว่าซินเยว่เข้ามายุ่งกับคู่หมั้นของเจ้า เจ้าก็ทำร้ายนางได้หรือ” หลงเหวินเซวียนได้ยินคำพูดนี้ อยากจะฆ่าจ้านเฟิงจวินนัก
“เฟิงจวิน เจ้าผิดแล้ว เรื่องการแต่งงานระหว่างเจ้ากับอาหลิง ข้าเป็นคนบังคับเอง อาหลิงไม่ยินยอม เขาถึงได้ออกไปด้านนอกจนพบหลงซินเยว่ เขากลับมาบอกข้าว่าได้เจอคนที่ชอบแล้ว หวังว่าข้าจะเห็นด้วย แล้วขอให้ข้าถอนการหมั้นหมายกับเจ้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำแบบนี้ ตอนนั้นอาหลิงสติเลือนลาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็หลอกเขาว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับเขาคือเจ้า แล้วก็ถูกหลงซินเยว่เห็นเข้า ใครจะไปรู้ว่าอาเลี่ยจะกลายเป็นคนที่เงียบขรึม เมื่อรู้ว่าโคมวิญญาณของหลงซินเยว่ดับก็เสียสติไป ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า” ทันใดนั้นเส้นผมของจ้านเฟิงอวี้ก็กลายเป็นสีขาวโพลนในทันที เมื่อเขาได้เปิดเผยความจริงในอดีตทั้งหมด
ลูกศิษย์บ้านสกุลจ้านทุกคนเงียบ พวกเขานึกไม่ถึงว่าหัผู้นำสกุลของพวกเขาเป็นคนเช่นนี้
“ผู้นำสกุลจ้าน เรื่องนี้ท่านถือว่าเป็นแค่ผู้ร่วมกระทำความผิดเท่านั้น ไม่ใช่ตัวการ ท่านจะทำอย่างไรข้าไม่สนใจ เพียงแต่ว่า ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ขอให้ท่านยืนดูอยู่เฉยๆก็พอ”
หลิวหลีพูดจบ ก็ปล่อยเพลิงอัคคีทั้งห้า ทำให้ลูกศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ จ้านเฟิงจวินกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง หลิวหลีปล่อยความน่าเกรงขามออกมาโดยไม่รู้ตัว บีบให้คู่พันธสัญญาของจ้านเฟิงจวินออกมา จากนั้นก็ใช้อำนาจของอสูรเทพในตำนานบีบให้คู่พันธสัญญาของจ้านเฟิงจวินยกเลิกพันธสัญญาต่อกัน จ้านเฟิงจวินส่งเสียงร้องดัง คู่พันธสัญญาของนางก็อาการสาหัสปางตาย จากนั้นก็ใช้เพลิงอัคคีทั้ง 5 ชนิดเผาจ้านเฟิงจวินทั้งเป็น จ้านเฟิงจวินส่งเสียงร้องทรมาน ถึงแม้ลูกศิษย์สกุลจ้านจะทนไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงเบือนหน้าหนีไปเท่านั้น หลิวหลีเก็บเพลิงอัคคี จ้านเฟิงจวินที่สูญเสียพลังเซียนไปหมดสิ้น ก็กลายร่างเป็นหญิงชราผมขาว
“จ้านเฟิงจวิน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดี ข้าทำลายจุดชี่ไห่ของเจ้า ทำลายแกนวิญญาณของเจ้าด้วย แต่ว่าแค่นี้ยังไม่เท่าไหร่” หลิวหลีพูดจบก็ดีดนิ้ว ยาศักดิ์สิทธิ์เม็ดหนึ่งลอยเข้าไปในปากของจ้านเฟิงจวินแล้วละลายทันที
“นี่คือยายืดอายุ คุณภาพชั้นเลิศ คุ้มครองให้เจ้ามีอายุได้ถึงร้อยปี เจ้าใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไปถึงร้อยปีแล้วค่อยข้าตัวตายสำเร็จโทษตัวเองละกัน”
สำหรับจ้านเฟิงจวินแล้ว การลงโทษนี้คือการลงโทษที่ทรมานที่สุด
“ไม่ ไม่ ไม่” จ้านเฟิงจวินร้องตะโกน แต่ก็ไม่มีใครกล้าให้ความช่วยเหลือ
“ผู้นำสกุลจ้าน แม้ท่านจะมีความผิด แต่ว่าข้าก็คงจะพูดอะไรมากไม่ได้ หากคนผู้นั้นยอมยกโทษให้ท่าน ท่านก็จะไม่มีความผิด” หลิวหลีรู้สึกว่าเรื่องของผู้นำสกุลจ้านให้มารดานางจัดการเองดีกว่า นางรับผิดชอบแค่จัดการแก้แค้นศัตรูของท่านแม่ก็เพียงพอ
“ใคร” จ้านเฟิงอวี้ยิ้มด้วยความเศร้า
“เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็จะรู้เอง” หลิวหลีไม่ได้บอกว่าเป็นใคร
“กิเลนตัวนี้ข้าจะเอากลับไป ถึงนางจะรอดพ้นจากโทษตายได้ แต่ก็ยังคงต้องได้รับโทษอยู่ดี” หลิวหลีเก็บกิเลนที่อาการสาหัสปางตายกลับมา อยู่ๆคนในสกุลจ้านก็รู้สึกว่าสิ่งที่จ้านอวิ๋นจิ่งพูดมาตลอดนั้นเป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนี้คือปีศาจ น่ากลัวเสียเหลือเกิน
“ท่านตา ท่านลุงทั้งสอง พวกเราไปกันเถอะ” หลิวหลีพยุงหลงเหวินเซวียนที่เพิ่งจะรู้ความจริง แล้วพาคนบ้านสกุลหลงทุกคนจากไป
“ผู้นำสกุลจ้าน ข้าไม่ชอบอะไรที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ” หลิวหลีทิ้งคำพูดที่แฝงนัยยะที่ไม่ชัดเจนไว้ ให้จ้านเฟิงอวี้ไปเดาเอาเอง
“นังหนู หมายความว่าอะไร” จ้านเฟิงอวี้พึมพำกับตัวเอง
……………..…………………..…