เล่มที่ 5 บทที่ 144 ข่าวลือ เป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“ฮึ นางให้เงินเจ้าเพิ่มสามอีแปะ เจ้าก็พูดจายกย่องนาง สตรีผู้นั้น นอกจากหน้าตาดี ยังทำอะไรเป็นอีก! ” ท่านป้าสี่เก็บเงินห้าอีแปะเสร็จ ก็กล่าวพร้อมหัวเราะอย่างดูแคลน

“ข้ารู้สึกว่าภรรยาเซียวยวี่นั้นเก่งมากทีเดียว เจ้าก็อย่าเอาแต่มองนางด้วยความคิดเช่นเดิม ข้าคิดว่านางต่างจากเดิมแล้ว”

“ต่างจากเดิมอย่างไร? ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างไม่พอใจ

ท่านลุงสี่ “เมื่อก่อนเห็นพวกเรามีหรือจะเอ่ยปากพูดอะไร ตอนนี้เอ่ยเรียกท่านลุงสี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเสียยิ่งกว่ากระไร นอกจากนั้น เจ้าดูสิ แต่ก่อนนางโหดร้ายกับจื่อเซวียนและจื่อเมิ่งอย่างไร เจ้าลองดูตอนนี้ นางดูแลเด็กสองคนได้ดีเพียงใด”

“เจ้าไม่รู้สึกหรือ ว่าภรรยาเซียวยวี่เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน? ” เมื่อท่านป้าสี่ได้ฟังดังนั้น จู่ๆ ก็เอ่ยถาม “หากไม่ใช่เพราะใบหน้านั้นยังคงเป็นเซี่ยยวี่หลัว เจ้าไม่รู้สึกหรือว่า ตัวนางเหมือนเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง? “

ท่านลุงสี่ผงะไป จากนั้นจึงกล่าว “เจ้าไม่พูดข้าก็ยังไม่รู้สึก พอเจ้าพูด ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงด้วย! “

“พวกท่านไม่เคยได้ยินเรื่อง ภูตผีสิงสู่งั้นหรือเจ้าคะ? “

เสียงหนึ่งดังขึ้นช้าๆ จากด้านหลัง ทำให้ท่านป้าสี่ตกใจสะดุ้งจนแทบกระโดดขึ้น

“หมิงจู เจ้าทำอะไรกัน? เช้าตรู่อย่างนี้ คิดจะทำให้คนตกใจตายหรืออย่างไร! ” ท่านป้าสี่ตบอกตัวเอง ตกใจจนใบหน้าขาวซีด

เซียวหมิงจูไม่ได้สนใจนาง กลับเข้าห้องไปต่อ

“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงพูดจาแปลกๆ แล้วไปเลย” ท่านป้าสี่ยังคงบ่นไม่หยุด ท่านลุงสี่ปรามนาง “ลูกสาวโตแล้ว เจ้าก็อย่าเอาแต่ว่านางเช่นนี้ นางเองก็อยากรักษาหน้ารักษาตาบ้าง”

ท่านป้าสี่กล่าวด้วยอารมณ์โมโห “นางก็โตจนใกล้จะถึงวัยออกเรือนแล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก เจ้าดูสิ ก็เพราะเจ้าคอยตามใจ! “

ท่านลุงสี่หัวเราะอย่างมีความสุข “เป็นเพราะข้า เป็นเพราะข้า! “

เสียงหัวเราะของสองสามีภรรยาดังขึ้นจากด้านนอก ส่วนเซียวหมิงจูที่อยู่ด้านใน เมื่อคิดถึงวาจาที่ซินแสกล่าวกับนางเมื่อวาน จู่ๆ แววตาของนางก็ดูดุร้าย

หมูสามชั้นเจ็ดจิน อาจมากกว่าแต่ไม่มีทางน้อยกว่า เนื้อหมูสีแดงสด ชั้นไขมันที่มันเยิ้ม ผสมรวมกัน นี่คือหมูสามชั้นอย่างดี

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกพึงพอใจในเนื้อหมูชิ้นนี้เสียยิ่งกว่าอะไร หลังจากล้างจนสะอาดแล้ว เทน้ำแกงปลาที่เคี่ยวเสร็จแล้วออกมา ใส่มันหมูลงกระทะเพื่อเคี่ยวน้ำมัน หลังจากในกระทะมีน้ำมันหมูไม่น้อยแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงเทเนื้อหมูที่หั่นเป็นชิ้นลงไปในกระทะทั้งหมด

วันนี้เลี้ยงอาหารช่างสร้างบ้านวันแรก เซี่ยยวี่หลัวใช้เนื้อหมูไปกว่ากึ่งหนึ่ง นางไม่คิดประหยัดแม้แต่น้อย

ผัดเนื้อหมูครู่หนึ่ง เนื้อหมูทุกชิ้นล้วนเปลี่ยนสีแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงเทซีอิ๊วเพื่อแต่งสี ผัดต่ออีกครู่หนึ่ง เทน้ำให้ท่วมเนื้อหมู ปิดฝาแล้วต้มต่อ

หลังจากต้มด้วยไฟแรงจนเดือด จึงอบต่อด้วยไฟอ่อน น้ำแกงปลา หน่อไม้ดอง หมูตุ๋นน้ำแดง และข้าวสุก ครบถ้วนแล้ว

เมื่อนำหมูตุ๋นน้ำแดงไปวางบนโต๊ะ ทางเซียวหย่งก็มาแล้ว

พาคนมาด้วยสามถึงสี่คน แต่ละคนลากรถเข็นไม้มาหนึ่งคัน บนรถเข็นไม้คืออิฐเทาที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ล้วนแต่เป็นอิฐชั้นดี

เซียวจิ้งยี่พาภรรยาของเขามาด้วย เดิมคิดว่าต้องมาช่วย ทว่า เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนยกอาหารที่มีทั้งปลาทั้งเนื้อหมูออกมา ทุกคนต่างก็ผงะไป

นี่… เสร็จแล้วงั้นหรือ?

เมื่อเห็นแววตาฉายประกายสงสัยของทุกคน เซี่ยยวี่หลัวจึงอธิบาย “ข้าตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เนื้อหมูนี่ต้องขอบคุณท่านลุงสี่ ที่ไปช่วยซื้อมาให้ข้าแต่เช้า ไม่อย่างนั้น หากไม่มีเนื้อหมูเป็นกับข้าวก็ยังไม่รู้ว่าจะต้อนรับทุกคนอย่างไร! “

เจ้าของบ้านจะวางรากฐานบ้าน มื้อแรกต้องเลี้ยงอาหารช่างสร้างบ้าน กินอาหารเริ่มงานอย่างครึกครื้น อาหารมื้อแรก ย่อมเป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติที่เจ้าของบ้านมีต่อช่างสร้างบ้าน

บ้านคนทั่วไป มีเนื้อหมูสักหนึ่งถ้วยก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เดิมทีมาบ้านเซี่ยยวี่หลัว ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กินของดีอะไร อย่างไรเสียเซี่ยยวี่หลัวก็มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก

สตรีผู้นี้มีแค่หน้าตาที่ดูดี ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ได้ยินว่าเวลาเซียวยวี่อยู่บ้าน งานทั้งในบ้านและนอกบ้านมีเซียวยวี่ทำคนเดียว นางไม่เพียงไม่ทำอะไร เวลากินข้าวเซียวยวี่ยังต้องให้คนยกไปให้นางกินถึงในห้อง

แม้แต่เข็มเย็บปักหรือเส้นด้ายก็ไม่เคยแตะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำงานบ้านงานเรือน

ทว่า เมื่อทุกคนเห็นโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกเช็ดจนสะอาดหมดจดวางไว้กลางลานบ้าน รวมถึงอาหารแต่ละจานที่วางอยู่บนโต๊ะ ต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากตาค้าง…

นี่… นี่คือภรรยาผู้แสนเกียจคร้านที่ทำอะไรไม่เป็นเลยตามที่เล่าลือกันงั้นหรือ?

ข่าวลือ เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่?

เอาเถอะ บางทีทำอาหารออกมา รสสัมผัสอาจจะทั่วไป ถึงอย่างไรสตรีที่งดงามรูปร่างบอบบางเช่นนี้ ย่อมไม่เคยทำงานบ้านงานเรือนมากนัก

เซี่ยยวี่หลัวต้อนรับพวกเซียวจิ้งยี่อย่างเป็นกันเอง “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านอาเซียวหย่ง เชิญนั่งเจ้าค่ะ วันนี้พวกเราเริ่มงาน ก็กินอาหารเริ่มงานอย่างครึกครื้นกันเจ้าค่ะ! “

เซียวจิ้งยี่มองดูอาหารบนโต๊ะ ถึงแม้จะมีเพียงสามอย่าง แต่สองอย่างล้วนเป็นอาหารหนัก น้ำแกงปลาหนึ่งชามใหญ่ ตัวน้ำแกงข้นและขาวดุจหิมะ แค่ได้กลิ่นก็หอมยิ่งนัก

ยังมีหมูตุ๋นน้ำแดงอีกหนึ่งชาม แม่เจ้า ชามใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าจะใช้หมูสามชั้นสี่ถึงห้าจินเลยทีเดียว!

ทุกคนนั่งลงตามลำดับ กวั่นซื่อภรรยาของเซียวจิ้งยี่อายุห้าสิบกว่าปี รวบเก็บผมอย่างเรียบร้อย ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่แววตากลับยังมีชีวิตชีวา แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนร้ายกาจและมีอารมณ์ฉุนเฉียว

เดิมทีนางไม่อยากมา อย่างไรเสียความรู้สึกที่มีต่อคนอย่างเซี่ยยวี่หลัว…

เมื่อก่อนนางก็เรียกเซี่ยยวี่หลัวเช่นนี้ ตามสามีตนเองมาอย่างไม่ยินดีนัก แต่แวบแรกที่เห็นเซี่ยยวี่หลัว เบื้องหน้ากลับสว่างวาบ

แม่หนูนี่ไม่มีความหยิ่งยโสและไร้มารยาทเหมือนแต่ก่อนแม้แต่น้อย ปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาท วางตัวเหมาะสม ที่สำคัญคือ แม่หนูนี่เป็นคนมีความสามารถที่ทำงานเป็น!

น้ำแกงที่อยู่ในชามนั่น น่าจะเป็นน้ำแกงปลากระมัง เคี่ยวน้ำแกงให้ข้นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ปกตินางเคี่ยวน้ำแกง ก็ไม่เคยเห็นว่าจะเคี่ยวให้เป็นเช่นนี้ได้!

แต่ละคนดื่มน้ำแกงปลาลงท้องไป ต่างก็ขยับปากทำเสียงแจ๊บๆ อย่างอดไม่ได้

แม่เจ้า เคยดื่มน้ำแกงปลาที่อร่อยขนาดนี้ที่ไหนกัน!

ทุกคนทยอยกันคีบหมูตุ๋นน้ำแดงขึ้นมากิน

หมูตุ๋นน้ำแดงเป็นเนื้อแดงเจ็ดส่วนไขมันสามส่วน เนื้อนุ่มไม่มันเลี่ยน เคี้ยวแล้วมีน้ำมันไหลเต็มปาก ทั้งหอมทั้งนุ่ม หมูตุ๋นน้ำแดงนี่อร่อยเกินไปแล้ว!

กวั่นซื่อมาอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนมาก็กินอาหารมาแล้ว แต่เมื่อเห็นหมูตุ๋นน้ำแดงบนโต๊ะ ทำได้ทั้งดูดีและหอมกว่าที่นางทำเสียอีก กวั่นซื่อก็อยากลองกินขึ้นมา

หมูตุ๋นน้ำแดงนี่ดูท่าทางเหมือนจะอร่อยมาก!

เมื่อเห็นกวั่นซื่อมองอาหารบนโต๊ะด้วยความอยากลิ้มลอง เซี่ยยวี่หลัวจึงตักน้ำแกงปลาให้กวั่นซื่อ “ท่านป้ากวั่น ท่านดื่มน้ำแกงปลาสักถ้วยสิเจ้าคะ! “

กวั่นซื่อก็ไม่ปฏิเสธ รับมาแล้วดื่มทันที เมื่อดื่มลงไป ทั้งหอมและเข้มข้น นางเคยดื่มน้ำแกงปลาที่หอมอร่อยขนาดนี้ที่ไหนกัน!

ดวงตานางพลันลุกวาว เซี่ยยวี่หลัวคีบหมูตุ๋นน้ำแดงให้นางสองชิ้น “ท่านป้ากวั่น ท่านลองชิมหมูตุ๋นน้ำแดงของข้าดูเจ้าค่ะ! “

กวั่นซื่อมักจะทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้เด็กๆ ที่บ้านกิน แต่หมูตุ๋นน้ำแดงที่นางทำทุกครั้งล้วนแห้งแข็ง หากเด็กๆ ฟันไม่ดี เคี้ยวยังเคี้ยวไม่ไหวเลย ต่อให้เคี้ยวไหว เนื้อหมูก็ติดตามซอกฟัน

แต่หมูตุ๋นน้ำแดงที่เซี่ยยวี่หลัวทำ พอใช้ตะเกียบคีบแล้ว ออกแรงหน่อยยังกลัวว่าจะคีบจนขาดออกจากกัน

เนื้อหมูนี่ช่างอ่อนนุ่มนัก!

พอกินลงไปหนึ่งคำ ปฏิกิริยาของกวั่นซื่อก็ไม่ต่างจากสามีของนางมากนัก หมูตุ๋นน้ำแดงนี่ทำได้อร่อยเกินไปแล้ว

หลังจากได้กินอาหารสองอย่างนี้ อคติที่กวั่นซื่อมีต่อเซี่ยยวี่หลัวในอดีตก็มลายหายไปจนสิ้น