บทที่ 126 ส่วนตัว

คู่ชะตาบันดาลรัก

เนื่องจากการนัดหมายของเหลยหง และการให้ร่วมมือของฮูหยินสอง การตรวจค้นตระกูลหมิงจึงจบลงอย่างรวดเร็ว เหล่าเจ้าหน้าที่เดินออกจากจวนตระกูลหมิงพร้อมกล่องใส่หลักฐานและสมุดบัญชี

ฮูหยินสองลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับไปที่เรือนของตนเองแล้วพบว่าคุณชายหกหมิงฮ่าวกำลังรอตนอยู่

หมิงฮ่าวในวัยสิบสามปีสูงเกือบเท่านางแล้วเขาในเวลานี้ดูสับสนและไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ฮูหยินสองรู้สึกหวั่นในใจ “ลิ่วเอ๋อร์”

“ท่านแม่!” หมิงฮ่าวรีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

“ทานมื้อเย็นหรือยังลูก เหตุใดถึงทำหน้าลำบากใจเช่นนั้น เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือ…”

“ท่านแม่ขอรับ!” หมิงฮ่าวพูดขัดจังหวะนาง “เวลาเช่นนี้ลูกจะนอนหลับได้อย่างไร ท่านแม่บอกลูกมาเถิด ท่านพ่อจะไม่กลับมาแล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

ฮูหยินสองฝืนยิ้ม “ลูกพูดอะไรน่ะ เหตุใดท่านพ่อจะไม่…”

“ลูกได้ยินหมดแล้ว!” หมิงฮ่าวตะโกน “เจ้าหน้าที่พวกนั้นมาที่นี่เพื่อตรวจสอบท่านพ่อ ท่านแม่ไม่ต้องปิดบังลูกหรอก ลูกไม่เด็กแล้ว ลูกมีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริงนะขอรับ!”

“ลิ่วเอ๋อร์!”

หมิงฮ่าวตระหนักว่าเขาเสียงดังมากเกินไปจึงพยายามสงบสติอารมณ์แล้วลดเสียงลง “ลูกขอโทษขอรับท่านแม่ ลูกแค่ใจร้อนไปหน่อย เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านพ่อ ท่านอาสี่กับพี่สี่ก็ไม่อยู่ ลูกเป็นชายที่โตสุดในเรือนนี้ ท่านแม่ ลูกไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ แล้วมีเรื่องอะไรแบ่งปันกับลูกได้หรือไม่ขอรับ”

พอได้ยินคำพูดนี้ฮูหยินสองก็ตระหนักได้ว่าเด็กน้อยในสายตาของนางไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด เด็กวัยนี้ในครอบครัวยากจนเริ่มทำงานหาเงินแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาไม่มีบิดาแล้ว เขาไม่สมควรจะรู้ความเลยหรือ

ฮูหยินสองมองบุตรชายแล้วพูดว่า “ลิ่วเอ๋อร์ หากลูกอยากรู้แม่ก็จะบอกลูก”

…………

เจี่ยงเหวินเฟิงลงมือปฏิบัติงานอย่างจริงจังในเวลาเพียงสามวันตงหนิงก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ม้าเร็วถูกส่งไปยังเมืองหลวงเพียงรอเบื้องบนสั่งการลงมา พวกเขาก็จะนำหลักฐานอาญาและผู้ที่เกี่ยวข้องไปยังเมืองหลวงทันที

หยางชูที่กลับมาจากข้างนอกเห็นเจี่ยงเหวินเฟิงดูเหนื่อยล้าจึงพูดออกไปว่า “ท่านไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยหรือ เห็นท่านเป็นเช่นนี้แล้วอย่างกับตาแก่อดนอนเลย!”

เจี่ยงเหวินเฟิงลูบใบหน้าตนเอง “ท่านบอกให้ข้าอย่าอดนอน ท่านก็ควรทำงานให้เยอะกว่านี้สิ! หากท่านไม่ทำก็เป็นข้าที่ต้องทำแทน”

หยางชูรู้สึกไม่ยุติธรรม “ข้าทำน้อยตรงไหนกัน แล้วการตายของอู๋ควนใครกันที่เป็นคนตรวจสอบ ไม่ใช่ข้าหรอกหรือ”

“แล้วท่านตรวจพบอะไรบ้างหรือไม่”

หยางชูพยักหน้า “ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าการตายของอู๋ควนมีคนจงใจให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะช่วยจวิ้นอ๋องเขาจึงถูกผู้อื่นชักนำ คนผู้นั้นฉลาดมาก ข้าตรวจสอบแล้วแทบไม่พบร่องรอยอะไรเลย”

เจี่ยงเหวินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ประมาทไม่ได้ ทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังนายท่านสาม อู๋ควนเองก็เช่นกัน หากเป็นคนกลุ่มเดียวกันจริงก็ถือว่าน่ากลัว”

เหตุใดจะไม่น่ากลัวเล่า หากไม่พบการตายของเกิงซานคงต้องยืดเวลาไปอีกหลายปี ฉีตงจวิ้นอ๋องคงถูกโน้มน้าวให้ก่อกบฏจริงๆ แน่

จะสำเร็จหรือไม่ก็ยังคงดำเนินต่อไป หากเกิดการก่อกบฏขึ้น สถานการณ์ทางการเมืองก็จะปั่นป่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองปั่นป่วน แคว้นฉีเหนือก็จะไม่สงบ

ต้องรู้ไว้ว่าแคว้นฉีเหนือที่ก่อตั้งมาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ ทางใต้มีแคว้นฉู่ใต้ ทางตอนเหนือมีหูเหริน หากเกิดความปั่นปวนขึ้นก็จะถูกกลืนกินอย่างง่ายดาย

“ข้าสงสัยว่าจะเป็นคนที่ทางใต้ส่งมา” หยางชูลดเสียงลง

หากแคว้นฉีเหนือเกิดความวุ่นวายใครกันที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นเพื่อนบ้านทั้งสอง เป่ยหูเป็นแคว้นเลี้ยงสัตว์ไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว มีเพียงฉู่ใต้เท่านั้นที่มีความสามารถทำเรื่องนี้ได้

ราชวงศ์ก่อนถูกทำลายแคว้นฉีกับแคว้นฉู่เข้ามาแทนที่ ไท่จู่จากแคว้นฉีเหนือเป็นนายทหารยศต่ำที่จู่ๆ ก็ผงาดขึ้นมา แต่แคว้นฉู่ใต้เป็นขุนนางเก่าจากราชวงศ์ก่อนที่แย่งชิงตำแหน่งมา

เพราะฉะนั้นชื่อเสียงของราชวงศ์ฉู่ใต้จึงไม่ค่อยดีนัก แต่ภูมิหลังของพวกเขาหนากว่ามาก สิ่งที่ราชวงศ์ก่อนเหลือไว้ส่วนใหญ่ถูกส่งต่อให้พวกเขาแทบทั้งหมด

“เป็นไปได้” เจี่ยงเหวินเฟิงพูด “เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบในภายหลังอย่างแน่นอน ตอนนี้เราต้องรายงานความจริงต่อฝ่าบาท”

หยางชูพยักหน้าแล้วถามเขา “ท่านไต่สวนนายท่านสามหรือยัง” เจี่ยงเหวินเฟิงส่ายหน้า

“ท่านทนมาได้อย่างไรกัน”

นายท่านสามตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ในตอนแรกเจี่ยงเหวินเฟิงไม่รู้เรื่องนี้ จนกระทั่งหยางชูรีบเดินทางกลับมาแก้ไขวิกฤตโดนล้อมศาลว่าการ เขาถึงเห็นว่านายท่านสามโดนจับตัวกลับมา

นิสัยของเจี่ยงเหวินเฟิงที่ชอบค้นหาความจริงลงลึกถึงแก่น เรื่องเกินความคาดหมายเช่นนี้แต่เขาสามารถทนได้ หยางชูรู้สึกเกินความคาดหมายมาก

“มีธุระมากมาย อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าการไต่สวนนายท่านสามเป็นเรื่องไม่จำเป็น”

“ทำไมรึ”

เจี่ยงเหวินเฟิงตอบ “ในใต้หล้าผู้ที่หัวอ่อนที่สุดก็คือบัณฑิต ผู้ที่หัวแข็งที่สุดก็คือบัณฑิต สองคนนี้ต่างกันตรงไหนขึ้นอยู่กับว่าในใจของพวกเขาไร้ความศรัทธาหรือไม่ คนอย่างอู่อี้เป็นคนไร้ประโยชน์อยู่แล้วเพียงแค่ทำให้กลัวก็ยอมพูดออกมาหมดเปลือก แต่คนอย่างนายท่านสาม…”

เขาส่ายหน้า “แม้ว่าเขาจะแตกต่างจากบัณฑิตทั่วไปในใจเขาไม่มีความคิดเมตตากรุณา แต่เขาก็มีความมุ่งมั่นมากกว่าคนทั่วไป พอมองเรื่องต่างๆ ที่เขาทำ พึ่งพาหลิ่วหยางจวิ้นอ๋อง แกล้งตายแล้วถอนตัวออกมาแล้วกลับตงหนิง โน้มน้าวฉีตงจวิ้นอ๋อง…ระยะเวลาสิบปี เขาเหมือนหนูที่ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ หากไม่มีเจตจำนงแน่วแน่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอดทนจนถึงวันนี้”

“ข้ามาคิดดูแล้ววิธีการไต่สวนเหล่านี้ไม่ได้ผลกับนายท่านสาม แต่ก็ยังคิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้ทำได้เพียงแค่ให้เขาเย็นลงก่อน”

เขาพูดไปหยางชูพยักหน้าไปรอจนเขาพูดจบหยางชูจึงยิ้ม “พอดีเลย ข้ามีวิธี ท่านอยากลองดูหรือไม่” เจี่ยงเหวินเฟิงมองเขาอย่างสงสัย

หยางชูไม่เปลี่ยนสีหน้า “วิธีนี้คงต้องขอยืมคนสักสองสามคน”

“ผู้ใดกัน”

“คนจากตระกูลหมิง” เขาคิด “หากนำฉีตงจวิ้นอ๋องไปด้วยจะดีที่สุด”

เจี่ยงเหวินเฟิงส่ายหน้า “คนในตระกูลหมิงท่านพาไปได้ตามใจชอบ แต่ฉีตงจวิ้นอ๋องท่านจะแตะต้องไม่ได้”

“ข้าไม่ได้แตะต้องเขาเพียงแค่ยืมมาใช้ก็เท่านั้น”

“ไม่ได้!” เจี่ยงเหวินเฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น “อู๋ควนตายอย่างลึกลับ จะต้องห้ามเกิดข้อผิดพลาดกับฉีตงจวิ้นอ๋องอีก”

หยางชูรู้อารมณ์ของเขาดี เห็นเขาเป็นเช่นนี้จึงไม่คิดเถียงสู้อีกทำได้แค่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “ได้ๆๆ ท่านเป็นหัวหน้าคำพูดของท่านคือที่สุด”

เจี่ยงเหวินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามกลับ “นี่เป็นความคิดของคุณหนูเจ็ดหรือ”

หยางชูเลิกคิ้ว “ท่านเดาถูกได้อย่างไร”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้ม “คนที่ใช้งานท่านได้ นอกจากนางแล้วยังมีใครอีก”

เขาหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “เดิมทีข้าไม่ควรยุ่งงานในส่วนของท่าน แต่พวกเราเดินบนเส้นทางเดียวกันมีมิตรภาพกัน…”

“อยากถามก็ถามมาเถอะ” หยางชูไม่ใส่ใจ “ใต้เท้าเจี่ยงทำตัวซาบซึ้งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”

“ได้!” เจี่ยงเหวินเฟิงตอบ “ทุกวันนี้ชื่อเสียงของคุณหนูเจ็ดแทบจะพังเพราะท่าน ถึงแม้เพื่อการสืบคดี แต่นางเป็นสตรีผู้หนึ่งจะไม่สนใจใยดีเลยไม่ได้ ท่านคิดจะทำอย่างไร”

หยางชูตอบไปว่า “จะให้ทำอย่างไรเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะแต่งงานกับนาง นางไม่ใช่สตรีธรรมดา อีกอย่างนางไม่สนใจเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ”

“นางไม่สนใจแล้วคิดว่าผู้อื่นไม่สนใจด้วยหรือ” เจี่ยงเหวินเฟิงพูด “เรื่องนี้ถึงแม้จะถูกปิดเอาไว้ แต่ก็คงมีข่าวรั่วไหลออกมาไม่มากก็น้อย นอกจากจะมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับท่านแล้ว ยังถูกสงสัยว่าเป็นคนที่สมรู้ร่วมคิดจ้องจะทำร้ายคนในครอบครัวอีก ท่านก็ทราบดีว่าโลกนั้นโหดร้ายกับสตรีเพียงใด เพียงเพราะเรื่องส่วนตัวเป็นเหตุให้ทำร้ายครอบครัว ชื่อเสียงเช่นนี้น่ากลัวแค่ไหนกัน”

………………………………….