ตอนที่ 755 พระชายาของเราน่าทึ่งที่สุด

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

[ถังหนิงกำลังจะบอกว่าเธอไม่เคยเก็บเอาไป๋อวี๋มาใส่ใจเลยงั้นสินะ]

 

 

[ความหมายในคำพูดของถังหนิงมันชัดเจนอยู่แล้ว เธอไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับใครเพราะเธอมีเส้นทางของตัวเองให้เดินไงล่ะ!]

 

 

[คำพูดต่างๆ ของไป๋อวี๋ฟังดูแปลกๆ ไปเลย…]

 

 

[ในวงการนี้มีศิลปินอยู่ในกี่คนหรอกที่รู้จักคิดเพื่อตัวเอง ดังนั้นถังหนิงถือเป็นคนแบบที่หาได้ยากนะ ส่วนไป๋อวี๋รู้แค่วิธีเลียนแบบเส้นทางของคนอื่น ถ้าเอาสองคนนี้มาเปรียบเทียบกันจะเห็นความแตกต่างได้ทันทีเลย]

 

 

คนที่พูดว่าถังหนิงทำตัวเป็นปลิงเกาะกระแสไป๋อวี๋ต้องถึงกับหน้าแดงด้วยความอับอาย เพราะในความเป็นจริงนั้น ถังหนิงไม่เคยแม้แต่จะสนใจไป๋อวี๋ ไป๋อวี๋ต่างหากที่ประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป

 

 

เช่นเดียวกันคนที่พูดว่าถังหนิงกำลังออกมาโชว์อีคิว ถังหนิงทำเพียงแค่พูดในสิ่งที่เธอคิด เธอไม่เคยมีความคิดที่จะเปรียบเทียบอะไรกับไป๋อวี๋เลย การที่ไป๋อวี๋ออกมาพูดแทนถังหนิงระหว่างการสัมภาษณ์ต่างๆ เป็นเรื่องที่เธอทึกทักเอาเองทั้งสิ้น

 

 

พูดง่ายๆ ว่า ใจความสำคัญที่ถังหนิงสื่อคือไม่ว่าไป๋อวี๋จะพูดหรือทำอะไร ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวของกับเธอ เธอเพียงแค่ต้องการโฟกัสไปที่การแสดงของเธออย่างสงบสุขเท่านั้น

 

 

ขณะที่ไป๋อวี๋คิดว่าตัวเองได้สร้างความลำบากให้ถังหนิงไว้มากมาย ถังหนิงกลับไม่สะทกสะท้านและหลบหลีกปัญหาทุกอย่างที่ถูกโยนใส่ได้อย่างมีชั้นเชิง

 

 

[ฮะๆๆ ไป๋อวี๋ต้องขายหน้ามากแน่ๆ สร้างเรื่องเขียนบททุกอย่างขึ้นมาเอง แล้วโดนถังหนิงสะบัดบ๊อบใส่ในตอนสุดท้าย]

 

 

[ฉันอยากให้ถังหนิงร้อยคะแนนเต็มสำหรับการโต้ตอบในครั้งนี้เลย ในฐานะศิลปิน ไม่จำเป็นต้องทำตัวสมบูรณ์แบบต่อหน้าทุกคนหรอก ไม่งั้นคนดูก็พุ่งเป้าไปที่ข้อบกพร่องของคนคนนั้น คอยดูเถอะ ทันทีที่ไป๋อวี๋เกิดมีข่าวฉาวอะไรขึ้นมาละก็ มันจะต้องแย่ยิ่งกว่าแย่แน่ ไม่เหมือนถังหนิงที่พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าตัวเองไม่ใช่คนใจดีแล้วทุกคนก็เข้าใจจุดนี้ดี ต่อให้ถังหนิงมีข่าวฉาวในอนาคต ทุกคนก็จะเข้าใจการตัดสินใจของเธอถ้ามีใครสักคนเกิดล้ำเส้นขึ้นมา]

 

 

[ไป๋อวี๋ กลับไปเล่นที่บ้านไป ถังหนิงไม่อยากเล่นกับเธอหรอก]

 

 

ทุกย่างก้าวของถังหนิงล้วนแต่ใช้งานได้จริง ไม่ว่าใครจะพยายามเข้ามายุ่งย่ามชีวิตเธอแค่ไหน เธอก็ยังคงอยู่ในเส้นทางของตัวเองเสมอ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับการเปรียบเทียบของคนอื่น

 

 

หลังการให้สัมภาษณ์ บรรดานักข่าวก็ทยอยเดินออกจากบริเวณงาน ทุกคนเดินออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ แม้แต่ตอนที่กำลังเดินออกมานั้น ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “ไอหยา ถังหนิงนี่เกลียดไม่ลงจริงๆ นะ ไม่ว่าเราจะแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับเธอแค่ไหน สุดท้ายเราก็สัมผัสได้ถึงความจริงใจของเธออยู่ดี”

 

 

“จนถึงตอนนี้ ถังหนิงถือเป็นคนที่อวดตัวน้อยที่สุดเท่าที่ฉันรู้จักมาเลยนะ ดูเวลาที่ไป๋อวี๋เอาไปสนใจคนอื่นสิ จะมีเวลาที่ไหนเหลือไปฝึกฝนการแสดงกัน คำพูดของไป๋อวี๋อาจจะฟังดูดีนะ แต่ที่จริงแล้วร้ายน่าดู…”

 

 

“ใครสนล่ะ ถังหนิงพูดแล้วว่าเธอไม่ใส่ใจเรื่องไป๋อวี๋ แล้วเราจะไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องทำไมกัน ตราบใดที่ยังมีข่าวให้เขียน นั่นต่างหากที่สำคัญ!”

 

 

“ถูกเผง! ถึงไป๋อวี๋จะให้สัมภาษณ์ด้วยดีมาตลอด แต่ก็ไม่มีสักคนที่เธอจะไม่พูดวกวนอยู่กับคำตอบของตัวเอง ในขณะที่ต่อให้ถังหนิงไม่ค่อยให้สัมภาษณ์เพราะไม่ชอบเป็นจุดเด่น แต่ทุกคำที่เธอพูดกับสื่อล้วนแต่เป็นคำพูดที่พวกเราอยากได้ยินทั้งนั้น ฉันรู้สึกว่ายังไงก็ต้องอยู่ข้างถังหนิงนั่นแหละ”

 

 

“ฉันอยากสัมภาษณ์คนแบบถังหนิงอีกเยอะๆ เลย แบบนั้นเราจะใช้ชีวิตในฐานะนักข่าวบันเทิงต่อไปได้!”

 

 

ไม่ว่ายังไง การเบี่ยงเบนประเด็นอย่างมีชั้นเชิงของถังหนิงได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์

 

 

นี่ทำให้บรรดาแฟนๆ ของถังหนิงรู้สึกภาคภูมิใจ

 

 

ไม่ว่าแฟนคลับของไป๋อวี๋จะพูดอะไรเกี่ยวกับถังหนิงก็ไม่สำคัญ เพราะแฟนคลับของถังหนิงจะไม่เล่นด้วยอยู่แล้ว ถึงอย่างไรทั้งตำแหน่งพรีเซนเตอร์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ทั้งบทละครชั้นเยี่ยม ทั้งเอเจนซี่ที่ทรงอำนาจที่สุดและชายผู้เป็นเจ้าของล้วนแล้วแต่เป็นของถังหนิงทั้งสิ้น

 

 

บรรดาแฟนคลับของไป๋อวี๋ต่างโกรธแค้น แต่การโจมตีของพวกเขาไม่ต่างอะไรกับการต่อยลงบนผ้านวมนุ่มๆ ที่ทั้งไร้เรี่ยวแรงและอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้กำลังจะอกแตกตายแต่พวกเขาไม่อาจพูดยั่วยุอะไรแฟนคลับของถังหนิงได้

 

 

เช่นเดียวกับคนที่ก่อนหน้านี้ต่อต้านการที่ถังหนิงจะแสดงในเรื่อง ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ทันทีที่พวกเขาเห็นการกลับคืนวงการอย่างเต็มภาคภูมิของถังหนิงพร้อมด้วยรูปร่างที่ดียิ่งกว่าแต่ก่อน ประกอบกับความมั่นคงทางจิตใจ พวกเขาก็ทำได้เพียงยอมศิโรราบให้กับเธอ

 

 

[ถ้าเรามองไปรอบๆ วงการบันเทิงของปักกิ่งทุกวันนี้ นอกจากถังหนิงก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นซิงหลานอีกแล้ว เธอจริงจังกับการแสดงจริงๆ!]

 

 

[หน้าแตกไปอีก! คุณถังหนิง คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจวิถีทั้งหมดของโลกหรอก พวกเราจะเป็นแรงสนับสนุนให้คุณเอง คุณแค่ทุ่มเทให้กับการแสดงเป็นพระชายาของคุณก็พอแล้ว]

 

 

[ถังหนิงต้องไม่เป็นไรแน่ ฉลองให้กับพระชายา!]

 

 

[ใครอีกคนกำลังจะถูกบีบเป็นชิ้นๆ พระชายาของเราน่าทึ่งที่สุด!]

 

 

ผู้คนมากมายคาดหวังให้ถังหนิงออกมาอธิบายเกี่ยวกับไป๋อวี๋ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นถังหนิงคงเป็นคนที่น่าผิดหวังน่าดู…

 

 

กลับกัน…

 

 

…เธอกลับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อยในขณะจ้องมองทุกคนโดยไม่สะทกสะท้าน

 

 

อ๋อ ผู้หญิงคนนั้นอยากจะแข่งกับฉันงั้นเหรอ อยากทำอะไรก็ตามสบายเลย…

 

 

ผู้หญิงคนนั้นออกมาพูดแทนฉันงั้นเหรอ ฉันไม่เคยบอกให้ทำแบบนั้นสักหน่อย…

 

 

ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะข่มฉันผ่านหัวข้อข่าวงั้นเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย…

 

 

เมื่อประชาชนสรุปเรื่องนี้ก็ดูเหมือนทว่าสิ่งเดียวที่ถังหนิงไม่ได้ทำคือกลอกตาแล้วคิดในใจว่า ฉันไม่อยากเล่นด้วยหรอกนะ!

 

 

ในช่วงเวลาแบบนี้ ความนิ่งเงียบได้ผลดีกว่าคำพูด…

 

 

 

 

ไป๋อวี๋ดูบันทึกการสัมภาษณ์ของถังหนิงอยู่ที่บ้าน ก่อนจะโยนคอนพิวเตอร์ทิ้งแล้วเดินกลับไปกลับมาพลางกุมหัวไปด้วย

 

 

ถังหนิงดูถูกเธอ!

 

 

ถังหนิงไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลยตั้งแต่แรก!

 

 

ที่จริงถังหนิงไม่เคยมองเธอเป็นคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ!

 

 

ไป๋อวี๋เกือบจะต่อยใส่ผนัง เธอไม่เคยรู้สึกอับอายแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้มาก่อนในชีวิต

 

 

แล้วแบบนี้เธอจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพวกนักข่าว

 

 

“พี่…”

 

 

“ออกไป” ไป๋อวี๋ตวาดอย่างเกรี้ยวกราดใส่ไป๋หลินหลินผู้เพิ่งจะเดินก้าวเข้ามาหาเธอในห้อง แต่ไป๋หลินหลินไม่อาจรับมือกับการถูกปฏิบัติแบบนี้ได้ จึงหันหลังวิ่งน้ำตาเอ่อออกไปจากห้องทำงานของไป๋อวี๋ ขณะที่ไป๋หลินหลินกำลังก้าวพ้นจากประตูหน้าบ้าน เธอก็ไปชนเข้ากับอ้อมแขนของสามีไป๋อวี๋

 

 

“หลินหลิน มีอะไรหรือเปล่า”

 

 

“พี่เขย… พี่ต้องอยู่ข้างฉันนะ” ไป๋หลินหลินกล่าวกับสามีของไป๋อวี๋พร้อมน้ำตาไหลพราก

 

 

“ไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนเถอะ แล้วค่อยเล่าทุกอย่างให้พี่ฟัง”

 

 

สามีไป๋อวี๋เป็นชายอเมริกันแท้ เขาทั้งสูง ร่างกายกำยำ หน้าตาหล่อเหลาและช่วงหนึ่งเคยปรากฏตัวบนรันเวย์อยู่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นเขาก็ผันตัวมาเป็นผู้กำกับและนักแสดงในฮอลลีวูด โดยเคยผ่านการแสดงมาแล้วหลายบทบาท ทำให้เขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง เมื่อเขาเจอไป๋อวี๋เป็นครั้งแรก มันก็เป็นรักแรกพบของเขา ทำให้ทั้งคู่แต่งงานกันหลังจากคบหากันได้เพียงครึ่งปีก

 

 

ภายในจิตใต้สำนึกของไป๋หลินหลิน นับตั้งแต่วัยเด็กเธอไม่เคยได้รับการปลอบโยนจากผู้ชายมาก่อน ดังนั้นทันทีที่สามีของไป๋อวี๋แสดงความห่วงใยต่อเธอ หญิงสาวก็กอดเขาด้วยความรักใคร่และไม่ยอมปล่อยอีกฝ่าย

 

 

“พี่เขย พี่สาวรังแกฉัน!”

 

 

“ไม่เป็นไรนะ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

คนหนึ่งที่ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนต่างเพศกับอีกคนที่เป็นชายชาวอเมริกันใจกว้าง ดังนั้นน้องเมียกับพี่เขยจึงไม่ทันได้สังเกตว่าในขณะนั้นการกระทำของพวกตนดูใกล้ชิดกันมากแค่ไหน

 

 

ไป๋หลินหลินอธิบายเรื่องที่ไป๋อวี๋ตวาดใส่เธอให้พี่เขยฟัง และชายคนนั้นก็รีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยนทันที “พี่สาวเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี จากนี้ไปถ้าเธอมีปัญหาอะไร มาบอกพี่นะ พี่จะอยู่ข้างเธอเอง”

 

 

“โอเคค่ะ พี่เขยใจดีที่สุดเลย”

 

 

พูดจบไป๋หลินหลินก็กอดรัดชายคนนั้นแน่นยิ่งกว่าเดิม

 

 

ชายคนนั้นต้องมนตร์สะกดในกลิ่นตัวอันหอมหวนของหญิงสาววัยรุ่นและในขณะนั้นเขาจึงได้ตระหนักว่าร่างกายเขามีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา กระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากแต่งงานกับไป๋อวี๋มานาน เธอไม่เคยทำให้เขาพึงพอใจได้เลย…

 

 

ดังนั้นขณะที่ไป๋อวี๋กำลังจดจ่ออยู่กับการเอาชนะถังหนิงอยู่นั้น เธอหารู้ไม่ว่าตนกำลังจะบ้านแตกสาแหรกขาด…