ตอนที่ 754 ถังหนิงหวนคืนสู่วงการอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ผู้หญิงสองคนทำงานระดับอินเตอร์แต่ทั้งคู่อยู่ต่างสายงานกัน

 

 

เมื่อผันตัวมาเป็นนักแสดง ถังหนิงยังคงเป็นศิลปินหน้าใหม่ รางวัลที่เธอมีในมือคือรางวัลนักแสดงหน้าใหม่จากรางวัลเฟยเทียนเท่านั้น ในขณะที่ไป๋อวี๋ก้าวไปสร้างชื่อให้ตัวเองอยู่ในวงการฮอลลีวูดแล้ว

 

 

หลังจากเปรียบเทียบหญิงสาวทั้งสองคนมาพักใหญ่ บรรดาแฟนคลับของไป๋อวี๋ก็ออกมาอ้างว่าถังหนิงทำตัวเป็นปลิงเกาะความโด่งดังของไป๋อวี๋!

 

 

แต่เห็นได้ชัดว่าไป๋อวี๋เป็นคนที่มองถังหนิงในฐานะคู่แข่งมาตั้งแต่แรกและพยายามสร้างข้อเปรียบเทียบต่างๆ ขึ้นมา

 

 

[ในที่สุดฉันก็เข้าใจความหมายของคำว่าแพะรับบาปแล้ว ถังหนิงของฉันอยู่บ้านดูแลลูกมาตลอด ไม่เหมือนดาราบางคนที่เที่ยวขึ้นข่าวหน้าหนึ่งไม่เว้นแต่ละวัน วันหนึ่งพูดถึงเรื่องอีคิว อีกวันหนึ่งพูดถึงเรื่องรูปร่าง แค่ถังหนิงของฉันกลับคืนวงการก็กลายเป็นพวกกลั่นแกล้งคนอื่นไปได้ยังไงกัน]

 

 

[ถังหนิงของฉันเป็นแค่ศิลปินหน้าใหม่นะ เธอรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าไม่สามารถเอาตัวเองไปเทียบกับนักแสดงรางวัลระดับโลกคนนั้นได้ เพราะฉะนั้นได้โปรดปล่อยเธอไปเถอะ]

 

 

[ฉันต้องเมาอยู่แน่ๆ จนถึงตอนนี้ถังหนิงของฉันได้พูดอะไรหรือยัง พวกแฟนคลับไป๋นี่มีสติกันบ้างไหม]

 

 

[คนทั้งโลกควรมอบรางวัลออสการ์ให้ไป๋อวี๋นะ]

 

 

[พวกแฟนคลับของดาราระดับโลกคนนั้นทำตัวเหมือนพวกนักเลงไม่มีผิด]

 

 

[เอาเวลาไปใส่ใจ ‘ชายาหนิง’ ของพวกคุณไปเถอะ อย่ามายุ่งกับ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ของพวกเราเลย]

 

 

ในโลกออนไลน์ การโต้เถียงของเหล่าแฟนคลับปะทุขึ้นอย่างดุเดือด โดยเฉพาะหลังจากที่ถังหนิงจะยอมให้สัมภาษณ์หลังงานแถลงข่าว บรรดาแฟนคลับของไป๋อวี๋โจมตีถังหนิงทันทีโดยอ้างว่าถังหนิงทำตัวเป็นปลิงเกาะกระแสไอดอลของพวกเขา และศิลปินผู้มีรางวัลมากมายของพวกเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับถังหนิง

 

 

แม้พวกเขาจะได้เห็นความงดงามของถังหนิงที่ปรากฏภายในงาน แต่พวกเขาก็ยังไม่ยินยอมที่จะยอมรับความจริงนั้น ดังคำที่กล่าวว่า ไม่มีใครปลุกคนที่กำลังแกล้งหลับได้

 

 

 

 

งานดำเนินไปเป็นเวลาราวสองชั่วโมงขณะที่ถังหนิงดูทรงเสน่ห์อย่างมากในฐานะพรีเซนเตอร์ หลังจากสื่อโฆษณาได้ถูกเผยแพร่ออกไป ยอดจองล่วงหน้าของรองพื้นรุ่นใหม่ของเครื่องสำอางแบรนด์หรูพุ่งทะลุยอดขายสินค้ารุ่นก่อนทั้งหมด ทำให้แบรนด์กลับมาเป็นที่ต้องการของตลาดอีกครั้ง

 

 

เสน่ห์ของถังหนิงไม่เคยทำให้ผิดหวัง นี่ทำให้ผู้จัดทำโฆษณามีความสุขมากและช่วยยืนยันความเป็นที่นิยมในตัวถังหนิงเช่นเดียวกับความเป็นมืออาชีพของเธอในฐานะนางแบบ

 

 

เมื่องานสิ้นสุดลง ถังหนิงถึงกับได้รับชุดเครื่องเพชรจากแบรนด์เครื่องสำอางนี้ด้วย

 

 

หลังจากนั้น เธอรู้ดีว่าเธอจะต้องให้สัมภาษณ์ ดังนั้นเธอจึงไม่รีบที่จะกลับ กลับกัน เธอเลือกที่จะรอจนแขกคนอื่นๆ กลับไปหมดก่อนที่เธอจะออกมาให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อ

 

 

ทีมผู้จัดทำโฆษณาตระหนักดีถึงสถานการณ์ของถังหนิง พวกเขาจึงปล่อยให้เธอยืมสถานที่จัดงานในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรักและการสนับสนุนที่พวกเขามีต่อเธอ

 

 

บรรดานักข่าวรู้สึกประหลาดใจอย่างมีความสุขเมื่อรู้ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์ในสถานที่โล่งแจ้งภายนอก เนื่องจากปักกิ่งในขณะนั้นกำลังอยู่ช่วยฤดูมรสุมและภายนอกของงานก็เปียกแฉะไปหมด

 

 

บรรดานักข่าวรีบเคลื่อนตัวเข้าไปภายในสถานที่จัดงานอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าถังหนิงยืนรออยู่บนเวทีอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาจึงรีบเข้าไปจับจองหาที่นั่งทันที

 

 

ขณะที่พวกเขามองไปยังถังหนิงซึ่งปกติแล้วแทบไม่อาจเอื้อม บรรดานักข่าวกลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันน่าเกรงขามที่ไม่อาจอธิบายได้อย่างที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่นอกจากความรู้สึกน่าเกรงขามแล้ว พวกเขายังรู้สึกสงสัยใคร่รู้มากกว่า ในสายตาทุกคน ถังหนิงเป็นศิลปินที่อยู่บนขอบเหวของการตกยุค แต่เธอกลับสามารถสร้าคงความน่าประหลาดใจได้อย่างไม่สิ้นสุดและทำให้ทุกคนหน้าแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า…

 

 

จนราวกับว่าเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองพ่ายแพ้

 

 

“โอเคค่ะ เรามีเวลาไม่มากนักเพราะฉันยังมีตัวแสบที่บ้านที่ต้องกลับไปให้นม ฉันหวังว่าทุกคนจะถามคำถามแบบเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ และฉันขอไม่ตอบคำถามอะไรที่ดูสุ่มเสี่ยง ถ้ามีคำถามไหนที่ฉันรู้สึกแบบนั้นฉันจะข้ามไปทันที” ถังหนิงกล่าวพลางชำเลืองตามองนาฬิกาฝังเพชรของเธอ “เริ่มได้เลยค่ะ…”

 

 

การยกมือและรอจนกว่าจะถึงคิวของตัวเองถือเป็นกฎข้อหนึ่งของวงการ ดังนั้นบรรดานักข่าวจึงรีบยกมือของพวกเขาขึ้นก่อนที่ถังหนิงจะเป็นคนเลือกว่าจะตอบคำถามของใคร

 

 

“ฉันอยากถามว่าคุณถอนตัวจาก ‘ชายาหนิง’ เพราะบทจริงๆ ไม่ใข่เพราะถูกแย่งบทนางเอกไปใช่ไหมคะ”

 

 

“ผมอยากถามถึงความเห็นของคุณที่มีต่อประเด็นข่าวมากมายที่ไป๋อวี๋สร้างขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาหน่อยครับ”

 

 

“ไป๋อวี๋ได้ออกมา ‘พูดแทน’ คุณหลายครั้ง คุณมีอะไรอยากพูดถึงเรื่องนี้ไหมคะ”

 

 

“ฉันอยากทราบเพศของลูกคุณค่ะ!”

 

 

“ผู้ชายค่ะ” ถังหนิงตอบทันทีหลังได้ยินหนึ่งในบรรดานักข่าวตั้งคำถามเกี่ยวกับลูกๆ ของเธอ

 

 

แต่… นั่นหมายว่าความถังหนิงขอข้ามคำถามสามข้อแรกอย่างนั้นหรือ

 

 

แต่บรรดานักข่าวมาที่นี่โดยมีคำถามในหัวแล้วทั้งนั้น หากถังหนิงไม่คิดจะตอบคำถามของพวกเขา งั้นพวกเขาก็ไม่เหลือวัตถุประสงค์อะไรในสัมภาษณ์

 

 

“ถังหนิงคะ ที่จริงแล้วฉันเป็นแฟนคลับของคุณค่ะ คำถามที่ฉันอยากถามเป็นคำถามที่ละเอียดอ่อนหน่อย แต่ฉันหวังว่าคุณจะตอบคำถามนี้เพราะจากใจของฉัน คุณไม่เคยเป็นรองใคร” คราวนี้นักข่าวหญิงคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและพูดอย่างจริงใจกับถังหนิง

 

 

แฟนคลับทุกคนของถังหนิงต่างต้องการเห็นเธอฉีกหน้าไป๋อวี๋และทำให้แฟนคลับของอีกฝ่ายหุบปากเสียที

 

 

ถังหนิงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี…

 

 

ดังนั้นสุดท้ายถังหนิงจึงยกไมค์ขึ้นและกล่าว “ก่อนอื่นฉันถอนตัวจาก ‘ชายาหนิง’ เพราะบทถูกปรับแก้ ไม่อย่างนั้นฉันคงรอที่จะร่วมงานกับไป๋อวี๋อย่างใจจดใจจ่อ ฉันเป็นคนเลือกบทเพราะตัวบทเองและไม่เคยเลือกบทเพราะคนที่ฉันจะต้องแสดงด้วย ตราบใดที่บทดี ฉันก็ยินดีที่จะรับไม่ว่าจะเป็นบทนางเอกหรือตัวประกอบ ตัวตนของฉันในฐานะนักแสดงมีไว้เพื่อการแสดงเท่านั้น

 

 

“อย่างที่สอง ไม่ว่าไป๋อวี๋จะเป็นนักแสดงธรรมดาหรือนักแสดงรางวัลระดับโลก เธอก็มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบใครก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งฉันเคารพเรื่องนี้ เช่นเดียวกับเรื่องการถูกข่ม ฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจเพราะฉันรู้ตัวฉันดีว่าฉันไม่ใด้เป็นอย่างที่ข่าวลือพูดกัน ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นอะไรที่จะรู้สึกไม่มั่นคงเพราะข่าวที่ไม่มีมูลความจริง ที่สำคัญกว่านั้นคือการเปรียบเทียบทำให้คนสามารถเห็นความแตกต่างระหว่างผู้คนได้อย่างชัดเจน แฟนๆ อาจจะเห็นความคล้ายคลึงสามอย่างระหว่างเราแต่นั่นต้องหมายความว่าเรายังมีส่วนอื่นๆ อีกนับพันส่วนที่ไม่อาจเลียนแบบได้

 

 

“ส่วนเรื่องต่างๆ ที่ไป๋อวี๋พูด มันเป็นสิทธิ์ของเธอค่ะ ฉันไม่อาจตัดสินความจริงใจหรือเสแสร้งของคนอื่นได้ สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือการทำตัวเองให้ดีที่สุด

 

 

“สุดท้าย เรื่องที่ว่าใครมีอีคิวสูงกว่ากัน ฉันคิดว่ามันไม่มีสาระอะไรที่จะมาถกเถียงกันเรื่องนี้เพราะมุมมองของเราแตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการของเราจึงแตกต่างกัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะระบุว่านับตั้งแต่วินาทีที่ฉันประกาศกลับคืนวงการ ฉันพูดเสมอว่าฉันไม่ใช่คนที่ใจดีนัก ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้ใครก็ตามที่กลั่นแกล้งฉันจากเงามืด และฉันจะเคารพคนที่เคารพในตัวฉัน

 

 

“ท้ายที่สุด สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือมอบความจริงใจและเวลาให้กับคนที่ฉันใส่ใจ ไม่ว่าคุณจะมองว่าฉันหยิ่งยโสหรือเย็นชา ฉันก็ขอไม่เสียเวลากับคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับฉัน ดังนั้นนับจากนี้ไป ไม่ว่าใครจะต้องการสร้างข้อเปรียบเทียบหรือสร้างข่าว ฉันจะยิ้มและไม่ใส่ใจกับคนพวกนั้น เพราะฉันรู้ว่าฉันอยากจะเดินไปในเส้นทางไหนและต้องการจะเป็นคนแบบไหน…

 

 

“ฉันขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจในตัวฉันค่ะ ฉันแค่อยากจะบอกทุกคนว่าถังหนิงได้หวนคืนสู่วงการอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว!”

 

 

ทันทีที่ถังหนิงพูดจบ บรรดานักข่าวต่างแสดงปฏิกิริยาที่หลากหลาย

 

 

เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่ตรงไปตรงมาอย่างถังหนิงในวงการนี้

 

 

เธออาจไม่ใจดีกับใครบางคน แต่เธอจะไม่ใช้อุบายไร้สาระกับคนพวกนั้นเช่นกัน เพราะเธอไม่ต้องการเสียเวลากับคนพวกนั้น!

 

 

เธอตระหนักดีถึงตัวตนและคุณค่าของตัวเอง เธอไม่เคยหลงตัวเอง แต่เธอก็ไม่เคยลดตัวลงมาเพื่อคนอื่นเช่นกันเพราะเธอจะไม่มีวันหยุดพัฒนาเพราะคนอื่น

 

 

นี่แหละถังหนิง…