บทที่ 68 เลื่อนระดับ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 68 เลื่อนระดับ

ไม่ว่าจะเป็นเถาว่านเฉิง หรือหลี่เทา พวกเขาต่างก็ไม่สามารถรับมือกระบวนท่านี้ได้เด็ดขาด

แต่ปรากฏว่าเจ้าคนไม่เอาไหนกลับมีฝีมือเก่งกว่าสองหนุ่มอัจฉริยะประจำสถานศึกษากระบี่หลวงอีกหรือ?

กลุ่มศิษย์ที่รับชมการต่อสู้ ต่างก็ปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง

พวกเขาล้วนเข้าใจว่าเซินเฟยสมควรเอาชนะหลินเป่ยเฉินได้เหมือนมดแมลงตัวหนึ่ง

แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่ได้เป็นตามที่คิด ขณะนี้ ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าผลแพ้ชนะจะออกมาเป็นเช่นไร

แน่นอนว่าเซินเฟยย่อมไม่ได้มีฝีมืออ่อนแอ เซินเฟยสามารถเอาชนะศิษย์คนอื่นๆ ได้ภายในสามกระบวนท่า แต่กับหลินเป่ยเฉิน บุตรชายของอดีตนักรบสวรรค์ น่าแปลกที่การต่อสู้ต้องยืดเยื้อมาจนถึงจุดนี้

หลี่เทากับเถาว่านเฉิงหันมองหน้ากัน

พวกเขารู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไป

โดยเฉพาะสำหรับเถาว่านเฉิง

ก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าตนเองมีฝีมือมากกว่าหลินเป่ยเฉินในระดับหนึ่ง

แต่ดูจากการต่อสู้ขณะนี้แล้ว หลินเป่ยเฉินคงสามารถเอาชนะเขาได้ไม่ยากเลย

“อย่าบอกนะว่าเจ้านี่ปิดบังความสามารถที่แท้จริงมาตลอด?”

“แต่มันจะทำแบบนั้นไปทำไม?”

กาลเวลาเคลื่อนตัวไปไม่หยุดยั้ง

สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร

เซินเฟยไม่สามารถปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อได้อีกต่อไปแล้ว

“กระบี่ฝนดาวตกเก้าชั้นฟ้า!”

เด็กหนุ่มคำรามเสียงดัง พลังปราณระเบิดออกจากร่างกายจำนวนมหาศาล

นี่คือท่าไม้ตายของวิชากระบี่ฝนดาวตก

“ให้มันจบที่ตรงนี้เถอะ”

กระบี่หมื่นดาราในมือของเซินเฟยเปล่งแสงสว่างสดใส อุณหภูมิในรัศมีหนึ่งผิงรอบตัวกระบี่พุ่งขึ้นสูง มวลอากาศที่รายล้อมคมกระบี่แหวกตัวออกเหมือนคลื่นน้ำลักษณะโปร่งแสง

เซินเฟยแทงกระบี่เข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยความร้ายกาจยิ่ง

หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าตนเองเป็นเป้าหมายของกระบี่นี้

แต่เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือล่าถอยได้

ช่องทางการฉากหลบหรือถอยหนีล้วนถูกปิดกั้นหมดสิ้น

เด็กหนุ่มทำได้เพียงใช้กระบี่ตั้งรับตรงๆ

แต่ด้วยทักษะการต่อสู้ระดับปัจจุบันของเขา เพียงพอที่จะต้านทานการจู่โจมอันดุเดือดนี้แล้วหรือ?

หลินเป่ยเฉินกัดฟันกรอด ใช้สองมือกุมด้ามกระบี่คุณธรรมแนบแน่น ก่อนที่เขาจะสะบัดกระบี่ขึ้นสูง รับการปะทะจากกระบี่หมื่นดาราที่ฟันลงมา

สองกระบี่ปะทะกันครั้งแล้วครั้งเล่า

ทันใดนั้น การต่อสู้พลันหยุดลง

ในช่วงวินาทีแห่งความเงียบงัน พลันบังเกิดเสียงระเบิดดังพรึบออกมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มทั้งสอง

แรงระเบิดทำให้เศษหินดินทรายบนพื้นดินปลิวกระจายไปรอบทิศทาง

กลุ่มศิษย์ที่ยืนดูการต่อสู้ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจในขณะที่ล่าถอยออกห่าง ยกแขนเสื้อปิดบังใบหน้า ป้องกันเศษหินไม่ให้กระเด็นมาโดน

ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นอีกแล้ว

ไม่มีเศษหินดินทรายปลิวกระจายอีกแล้ว

เซินเฟยสอดกระบี่คืนฝักและล่าถอยออกไปสองก้าว

หลินเป่ยเฉินยังคงยืนอยู่ในท่วงท่าเดิม มือของเขายังคงยกกระบี่ขึ้นสูง เพื่อรับการปะทะจากเซินเฟย

เส้นผมบนศีรษะบางส่วนหงิกงอเหมือนถูกไฟเผา

ขนคิ้วก็มีลักษณะเหมือนถูกไฟเผาไหม้เช่นกัน

ชุดเกราะหนังที่หลินเป่ยเฉินสวมใส่อยู่ก็มีสภาพดูไม่ได้แล้ว

มองผ่านๆ หลินเป่ยเฉินมีลักษณะไม่ต่างไปจากท่อนฟืนที่ถูกไฟเผาไหม้เกรียม

แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นผู้ชนะ

สีหน้าของหลี่เทากับเถาว่านเฉิงสามารถบอกทุกคนได้เป็นอย่างดีว่า “ผู้ชนะย่อมต้องเป็นเซินเฟยมาตั้งแต่แรกแล้ว”

อู๋เสี่ยวฟางที่ใบหน้าเขียวช้ำ กับมู่ซินเยว่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหลังต้นไม้ใหญ่ ทั้งดีใจและตกตะลึงในเวลาเดียวกัน

ศิษย์อัจฉริยะที่มีนามว่าเซินเฟย มีฝีมือถึงระดับนี้เชียวหรือ?

ถึงแม้การโจมตีกระบวนท่าสุดท้ายจะเป็นท่าไม้ตายประจำตัว แต่จังหวะนั้น เซินเฟยก็ไม่ลืมที่จะอัดพลังสสารลึกลับเพิ่มเข้าไป ทำให้เกิดเป็นพลังเปลวไฟห่อหุ้มร่างกาย หรือว่าเซินเฟยจะมีพลังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์เรียบร้อยแล้ว?

อย่างน้อย พลังของเขาต้องไม่ต่ำกว่าระดับ 8 แน่นอน

ถ้าเทียบกับศิษย์จากสถานศึกษากระบี่สามแล้ว ย่อมไม่มีใครอาจเทียบเคียงได้เลย

ปรากฏว่ายอดอัจฉริยะตัวจริงประจำเมืองหยุนเมิ่ง ก็คือเซินเฟย

การเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน ควรนับเป็นปาฏิหาริย์ชนิดหนึ่ง ที่ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

แต่เมื่อเทียบกับฝีมือที่แท้จริงของเซินเฟย หลินเป่ยเฉินก็เปรียบเสมือนอาจมกองหนึ่งเท่านั้น

การเรียนรู้จากจอมยุทธ์ยอดอัจฉริยะ จะทำให้ผู้เรียนรู้ได้เป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะ

และการเรียนรู้จากจอมยุทธ์อัจฉริยะ จะทำให้ผู้เรียนรู้ได้เป็นจอมยุทธ์ชั้นดี

ในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากฝากตัวเรียนรู้วิชาจากเซินเฟยทั้งสิ้น

ส่วนหลินเป่ยเฉินน่ะหรือ?

แหวะ!

เขาเป็นใครกัน?

“ท่านพี่หลิน…”

เยว่หงเซียงร่ำร้องด้วยความเป็นห่วง ทำท่าจะวิ่งเข้าไปช่วยประคองหลินเป่ยเฉิน

“อย่าขยับ”

เสียงของหลิงเฉินพลันดังขึ้น “เขาไม่ตายหรอก ดูเหตุการณ์ต่อไปก่อน”

เยว่หงเซียงยืนตัวแข็งทื่อ

ชั่วลมหายใจนั้นเอง

เปรี๊ยะ!

เปรี้ยะ…เปรี๊ยะ!

ได้ยินเหมือนเสียงเปลือกไม้กะเทาะตัวอย่างช้าๆ ดังออกมาจากร่างกายที่แข็งค้างของหลินเป่ยเฉินตลอดเวลา

เหมือนว่ากระดูกในร่างกายของเด็กหนุ่มกำลังแตกหักทุกสัดส่วน

หลินเป่ยเฉินชักกระตุกเหมือนหุ่นกระบอก

ฟู่!

เมื่อเด็กหนุ่มอ้าปาก เลือดสีแดงสดก็พุ่งออกมาคำใหญ่

เยว่หงเซียงกำลังจะถลาเข้าไปหาด้วยความเป็นกังวล

แต่หลิงเฉินก็ยกมือขึ้นตะปบไหล่นางเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ไม่ต้อง รอดูต่อไปก่อน”

เสียงของนางยังไม่ทันจางหาย พลังลมปราณก็ระเบิดออกจากร่างหลินเป่ยเฉิน ส่งผลให้เศษหินดินทรายบนพื้นดินปลิวกระจายด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น และเกิดเป็นพลังลมหมุนขึ้นมาสายหนึ่ง

“นี่เราเลื่อนระดับพลังได้แล้วใช่ไหม?”

หลินเป่ยเฉินก้มหน้ามองมือตัวเองด้วยความประหลาดใจ

หลังจากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ก็ดูเหมือนว่าของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเขาจะถูกขับออกมาหมดแล้ว

หลินเป่ยเฉินรู้สึกสบายตัว ราวกับว่าร่างกายถูกหล่อหลอมขึ้นมาใหม่

มวลพลังงานจำนวนมากไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย

พลังปราณกำลังแทรกตัวเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือด เสริมสร้างจุดก่อกำเนิดลมปราณ เหมือนสายน้ำบริสุทธิ์ที่ถั่งโถมเข้ามาขับไล่ความสกปรกไปจากห้วยหนองคลองบึง

พลังปราณพวกนี้กำลังทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย

ขณะนี้ โลกรอบตัวเด็กหนุ่มพลันกลายเป็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น

เมื่อเขาใช้สายตาเพ่งมองสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็จะสามารถจ้องมองสิ่งนั้นได้อย่างละเอียดทุกซอกมุม ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของมัน จำนวนขอบเหลี่ยมของมัน สีของเม็ดทรายบนพื้นทุกเม็ด แม้แต่ช่องว่างระหว่างเม็ดทรายสองเม็ดเขาก็มองเห็นเช่นกัน…

อะจะบะเฮ้ย!

“นี่สายตาฉันเปลี่ยนเป็นกล้องไมโครสโคปไปแล้วเหรอเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินลอบอุทานอยู่ในใจ

แต่เมื่อสมาธิของเขาแตกซ่าน โลกทั้งใบก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

เมื่อกวาดสายตามองรอบตัวอีกครั้ง ในที่สุด สายตาของหลินเป่ยเฉินก็มาหยุดอยู่ที่เซินเฟย

“เรามาสู้กันต่อดีกว่า”

หลินเป่ยเฉินควงกระบี่โถมเข้าหาเซินเฟยด้วยความดุเดือดรุนแรงอีกครั้ง

เขาสามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วจริงๆ

หลินเป่ยเฉินเลื่อนระดับพลังได้ก็เพราะดูดซับพลังการโจมตีอันหนักหน่วงจากเซินเฟย

เด็กหนุ่มไม่เคยตั้งใจฝึกวิทยายุทธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงมาก่อน เพราะเพียงเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เขาก็สามารถฝึกได้แล้วโดยไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนคนอื่น

แต่ความเป็นจริงในขณะนี้ พิสูจน์แล้วว่าหลินเป่ยเฉินคิดผิดมาโดยตลอด

ยิ่งได้ต่อสู้ ยิ่งได้ฝึกวิชา ยิ่งได้พยายามในชีวิตจริง ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญก็คือ หลินเป่ยเฉินที่พึ่งพิงการฝึกวิทยายุทธ์ผ่านโทรศัพท์มือถือ สามารถฝึกฝนเพื่อเลื่อนระดับพลังได้ในชีวิตจริงด้วยเช่นกัน ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวที่ มันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด!

“เคล้ง!”

เซินเฟยยกมือสะบัดกระบี่

กระบี่ทั้งสองปะทะกันเกิดเป็นเสียงดังโช้งเช้ง

ประกายไฟสาดกระจายเหมือนดอกไม้ไฟ

แรงกระแทกจากกระบี่หมื่นดาราส่งผ่านเข้ามาทางด้ามจับจนถึงข้อมือของเซินเฟย

“หืม?…ทำไมการโจมตีของหมอนี่…มันถึงได้เพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่ากันนะ”

ข้อมือของเซินเฟยรู้สึกชาไปหมดแล้ว

ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเขาตกตะลึงแล้วจริงๆ

ความเร็วในการใช้กระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อยของหลินเป่ยเฉิน เพิ่มมากขึ้นจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

มิหนำซ้ำ เซินเฟยยังรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามมีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่าอีกด้วย