บทที่ 719 ต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหรอ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 719 ต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหรอ โดย Ink Stone_Fantasy

สิ่งที่ไม่เหมือนเฮยซือคือ การหดตัวของแมงกะพรุนไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง

ขนาดตัวของมันเล็กลงถึง 2 ใน 3 จากตอนแรก

ขนาดเล็กเท่านี้ ถึงแม้จะยัดเข้าไปในกระเป๋าก็ไม่มีใครดูออกแน่นอน

นอกเหนือจากนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของเจ้าแมงกะพรุนคือผิวของมัน

เมื่อก่อนมันเป็นสีใสปลอดโปร่ง แต่ตอนนี้กลับมีสีแดงโลหิตชวนมองส่องประกายออกมาจากด้านใน ราวกับแค่บีบเบาๆ เลือดก็จะไหลออกมาจากตัวมันอย่างไรอย่างนั้น

“ดูจากสภาพ เหมือนมันยังดูดกลืนไม่หมดสินะ…”

ก็จริง ด้วยขนาดตัวของมัน การจะย่อยสลายเลือดมากมายขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

หลังจากสำรวจดูหนึ่งรอบ หลิงม่อก็ตัดสินได้ว่า แมงกะพรุนไม่ได้มีอวัยวะย่อยอาหารแยกออกมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการดูดกลืนเลือกหรือพลังงานทางจิต ล้วนอาศัยร่างกายของมันในการย่อย

ทว่าดูดกลืนเลือดนั้นหลิงม่อยังพอเข้าใจ แต่พลังจิตจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าแมงกะพรุนล่ะ?

“ช่างเถอะ ให้อาหารแกก่อนแล้วกัน…เอ๋?”

หนวดสัมผัสสีเลือดเส้นนั้นเพิ่งจะถูกแมงกะพรุนกลืนกินไปได้นิดเดียว แต่หลิงม่อกลับมองเห็นบางสิ่งที่เหนือความคาดหมาย

ภายในร่างกายของมันกำลังเรืองแสงสีแดงออกมาเหมือนกับแมงกะพรุนจริงๆ ยิ่งเมื่อแสงนั้นส่องสะท้อนออกมาจากผิวกายสีแดงโลหิต มันก็ยิ่งดูงดงามมากขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้หลิงม่อประหลาดใจจริงๆ ก็คือร่างกายของมันที่กำลังพองขึ้นเรื่อยๆ…

เหมือนกับลูกโป่งที่ดูเหมือนจะเล็กมาก แต่พอเป่าแล้วกลับพบว่ามันสามารถจุลมได้เยอะมาก

“น่าสนใจมาก ลักษณะเด่นที่วิวัฒนาการขึ้นเพื่อกลายเป็นราชากระเพาะใหญ่งั้นหรอ…ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเพิ่งเริ่มวิวัฒนาการด้านนี้หลังจากที่อยู่กับฉันสินะ…” หลิงม่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด จากนั้นก็แผ่หนวดสัมผัสออกมาอีกเส้น

ขอเพียงไม่ทำให้ดวงแสงแห่งจิตได้รับบาดเจ็บ พลังงานทางจิตเหล่านี้แม้ใช้ไปแล้วก็ยังสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ หลิงม่อจึงไม่ค่อยใส่ใจนัก

ความจริงเรื่องนี้ก็เหมือนกับผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย ที่ขอเพียงร่างกายไม่บาดเจ็บ แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าขนาดไหนก็ยังฟื้นกำลังกลับมาได้

เจ้าแมงกะพรุนกินหนวดสัมผัสไปสองเส้นติดกัน ตอนนี้ร่างกายของมันจุพลังงานทางจิตไว้ไม่น้อยแล้ว มันดูเหมือนโคมไฟใหญ่ๆ ดวงหนึ่งที่กำลังส่องแสงสีแดงสว่างไสว

ร่างกายของมันเหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าจนพองโตและกลมดิ๊ก แต่ก็ยังคงมีขนาดตัวเล็กกว่าเมื่อก่อนมาก

ทว่าความเร็วในการดูดกลืนของมันไม่ได้เร็วมากนัก พลังงานทางจิตส่วนมากเพียงถูกกักเก็บไว้ในร่างกายของมัน

แต่สิ่งที่ทำให้หลิงม่อผิดคาดคือ มันกลับมีความสามารถที่ทำให้พลังงานทางจิตหดตัวได้ด้วย

หลังจากพองโตขึ้น ร่างกายของมันก็ค่อยๆ หดเล็กลงอีกครั้ง แต่พลังงานทางจิตเหล่านั้นยังคงถูกกักเก็บไว้ในร่างกายของมัน เพียงแต่ตัวมันสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายมันก็กลายเป็นเหมือนลูกบอลสีเพลิงไปแล้ว

ทว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ผู้มีพลังจิตเท่านั้นที่จะมองเห็นได้ หากเป็นคนอื่น คงเห็นมันเป็นเหมือนแค่ลูกโป่งเท่านั้น

เดิมหลิงม่อนึกว่าเมื่อมันไม่อาจดูดกลืนพลังงานทางจิตเหล่านั้นได้ ไม่นานมันก็จะสลายหายไป แต่คิดไม่ถึงว่าขนาดผ่านไป 10 นาทีเต็มแล้ว พลังงานทางจิตเหล่านั้นกลับยังอยู่ในร่างกายของมันเหมือนเดิม

“ไม่ล้นออกมาด้วยแฮะ…ที่ผ่านมาเขานึกว่ามีแค่ดวงแสงแห่งจิตเท่านั้นที่สามารถใช้บรรจุพลังจิตได้ เหมือนกับที่เรี่ยวแรงที่สามารถอยู่ได้แค่ในร่างกายเท่านั้น…แต่รูปร่างหลังวิวัฒนาการของมัน กลับเหมือนกับดวงแสงแห่งจิตที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เดาว่าที่มันดูดกลืนเลือดและเชื้อไวรัวเข้าไปก็เพื่ออย่างนี้สินะ…” หลิงม่อยิ่งมองก็ยิ่งสนใจ เขาครุ่นคิด แล้วจู่ก็ยกนิ้วขึ้นจิ้มตัวเจ้าแมงกะพรุนหนึ่งที

“จึ๊ก!”

พลังงานทางจิตบางส่วนทะลักออกมา และสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

“คายออกมาได้จริงๆ ด้วย…” หลิงม่อนึกสนุกขึ้นมา จึงบีบตัวเจ้าแมงกะพรุนเพื่อปล่อยพลังงานทางจิตทั้งหมดออกมา

“หากกำหนดให้พลังงานทางจิตที่ให้มันกลืนกินเท่ากับ 10 ส่วนล่ะก็ มันกลืนกินได้มากสุดไม่ถึง 1 ส่วนด้วยซ้ำ ดูจากสภาวะของมันในตอนนี้ ถึงจะเพิ่มจาก 10 ส่วนเป็น100 ส่วน มันก็จะดูดกลืนทันทีเพียง 1 ส่วนเท่านั้น…”

“ดวงตาของหลิงม่อเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวเล็กนี่…เป็นคลังเก็บพลังจิตชั้นยอดเลย!

เพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยรูปร่างของมันในตอนนี้ จะสามารถกักเก็บพลังจิตได้มากน้อยเท่าไหร่!

หลังจากไม่มียากเพิ่มพลังจิต หลิงม่อก็รู้สึกไม่สะดวกสบายมาโดยตลอด

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ตอนที่อยู่ในอำเภอซินหลานและเมืองชุ่ยเหอ เขาคงไม่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายติดๆ กันหลายครั้งแล้ว

สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการที่ต้องต่อสู้อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกหนแห่ง การต่อสู้ก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ยากจะเลี่ยงได้

ความเร็วในการฟื้นตัวของมนุษย์จากการเผาผลาญพลังงานและความเหน็ดเหนื่อยระหว่างต่อสู้ ช้ากว่าซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์หลายเท่า

ไม่ว่าจะมีพลังจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่หากเรี่ยวแรงและพลังจิตถูกใช้ไปจนหมด คนคนนั้นก็จะอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดาเสียอีก

ถึงแม้หลิงม่อจะมีสาวๆ ซอมบี้คอยช่วยเหลือ ศักยภาพร่างกายของเขาก็กำลังอัพเกรดอย่างต่อเนื่อง จนแทบจะเติมเต็มจุดอ่อนนี้ได้สมบูรณ์แล้ว แต่มันก็ยังคงไม่พอ

อย่างเช่นตอนที่เหล่าซอมบี้สาวอยู่ในระหว่างอัพเกรดและต้องการให้เขาปกป้อง เมื่อนั้นพลังต่อสู้เฉพาะตัวของเขาก็จะมีบทบาทสำคัญขึ้นมาทันที

หรืออย่างตอนที่ต้องแยกตัวออกเป็นสองกลุ่มในเมืองชุ่ยเหอ ถ้าหากเขาสามารถฟื้นพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาก็คงไม่ต้องวางแผนหนีจากเงื้อมมือเจ้าหัวโตอย่างนั้น

หลิงม่อเริ่มรู้สึกได้รางๆ แล้วว่ายิ่งวิวัฒนาการของซอมบี้สูงขึ้นเท่าไหร่ ความอาฆาตมาดร้ายของซอมบี้ระดับสูงที่มีต่อพวกเดียวกันระดับสูงตัวอื่นก็ยิ่งร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ก้อนเหนียวหนืดธรรมดาไม่อาจเติมเต็มความต้องการด้านวิวัฒนาการของพวกมันได้ ดังนั้นพวกมันจึงเปลี่ยนเหยื่อเป็นเหยื่อระดับสูงขึ้นไปอีก

เมื่อเป็นอย่างนี้ถึงแม้จำนวนซอมบี้ระดับสูงจะลดน้อยลง แต่ความจริงในฝูงซอมบี้ระดับล่างก็จะมีซอมบี้ระดับสูงตัวใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

หากเทียบกับตอนที่เพิ่งเกิดภัยพิบัติ จำนวนโดยรวมของซอมบี้ถือว่าลดลงไปมากจริงๆ แต่จำนวนของมนุษย์กลับลดลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า และกำลังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเป็นอย่างนี้ สำหรับมนุษย์แล้ว ซอมบี้ก็ยังคงถือว่ามีเยอะมากอยู่ดี…

อีกอย่าง ซอมบี้ระดับที่สูงยิ่งกว่าก็กำลังปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ

การแข่งขันอันดุเดือดท่ามกลางฝูงซอมบี้ ได้เร่งการถือกำเนิดขึ้นของซอมบี้กลายร่างและซอมบี้ระดับสูงมากมาย…

สถานการณ์อย่างนี้สำหรับหลิงม่อที่เป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ยิ่งสำหรับพวกเย่เลี่ยนยิ่งไม่ใช่เรื่องดี

นอกจากว่าจะคอยเก็บซ่อนกลิ่นอายอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นหากตัวตนซอมบี้ระดับสูงของพวกเธอถูกเปิดเผยในระหว่างที่อยู่ในเมืองอย่างนี้ ไม่แน่ว่าพวกเธออาจถูกซอมบี้สัตว์ป่าระดับสูงไล่ล่าอีกครั้งก็เป็นได้

เมืองชุ่ยเหอเป็นกรณีพิเศษ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าที่อื่นจะไม่มีซอมบี้ราชา หรือซอมบี้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่

บางทีที่อื่นอาจจะยังมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อย่างเจ้า “วิกผม” อยู่ด้วยก็ได้!

“เมื่อเจอสถานการณ์ลำบาก แมงกะพรุนที่สามารถกักเก็บพลังจิตตัวหนึ่งสามารถช่วยชีวิตในยามคับขันได้เลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นพลังจิต 1 ส่วนนั่นก็ถือเป็นค่าตอบแทนแล้วกัน การจะสร้างหนวดสัมผัสที่บางและเล็กที่สุดขึ้นมาได้ ต้องใช้พลังจิตมากกว่า 5 เท่า ดังนั้นก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่…” หลิงม่อคิดอย่างพึงพอใจ

หนวดสัมผัสทางจิตใช้พลังน้อยกว่าหนวดสัมผัสรูปสสารหลายเท่า ความจริงพลังจิตที่หลิงม่อถ่ายเทให้เจ้าแมงกะพรุนเมื่อกี้ยังไม่มากพอที่จะสร้างหนวดสัมผัสรูปสสารเส้นหนึ่งขึ้นมาได้ ทว่าถึงแม้ตอนนี้ปริมาณในการกักเก็บพลังงานของเจ้าแมงกะพรุนจะยังไม่มากนักก็ไม่เป็นไร หากวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ ปริมาณกักเก็บของมันก็คงเพิ่มขึ้นเอง แน่นอนว่าต้องเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นด้วย

ถ้าหากบวกรวมกับยาฟื้นพลังตัวใหม่ ความสามารถในการสู้อย่างต่อเนื่องของหลิงม่อก็คงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

หลิงม่อยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น เขาแผ่หนวดสัมผัสทางจิตออกมา เพื่อป้อนอาหารให้เจ้าแมงกะพรุนต่อ

เขาอยากรู้ว่าขีดจำกัดของเจ้าแมงกะพรุนอยู่ตรงไหน และพลังงานทางจิตที่กักเก็บไว้นี่ ก็จะเป็นหนึ่งในแผนรับมือที่เขาเตรียมพร้อมไว้ก่อนที่จะแฝงตัวเข้าไปในนิพพาน

บวกกับความสามารถในการกลืนกินพลังงานทางจิตของสิ่งมีชีวิตเป็นๆ ของเจ้าแมงกะพรุน ตัวมันจึงถือได้ว่าเป็นลูกระเบิดเล็กๆ ที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

“เมื่อเป็นอย่างนี้ แม้ว่าในนิพพานสำนักงานใหญ่จะอันตรายแค่ไหน เราก็ยังมีพลังป้องกันตัวเองที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน พอพวกเราเข้าไป นิพพานสำนักงานใหญ่จะต้องส่งคนไปที่เมืองตงหมิง…หรือร้ายสุดพวกเขาก็อาจส่งคนออกไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเวลาที่เหลือก็มีมากแล้ว” หลิงม่อสร้างหนวดสัมผัสรูปสสารขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พลางครุ่นคิดในใจไปด้วย…

………..

“คือว่า…พวกเธอเห็นด้วยกับการที่จะให้เขาเข้าไปกับมู่เฉินแค่สองคนจริงๆ หรอ?” สวี่ซูหานเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเย่เลี่ยน อีกฝ่ายที่เธอมองหน้าเวลาพูดคือซย่าน่า แต่ตัวเธอกลับยืนหลบอยู่ด้านหลังเย่เลี่ยน

ถึงแม้ตอนที่อยู่ในห้างฯ เธอจะเห็นฉากนองเลือดเวลาไม่ใช้ปืนเย่เลี่ยนแล้ว แต่ต้องบอกว่า ถึงแม้เธออาจเป็นซอมบี้ตัวที่แกร่งที่สุดในสามตัวนี้ แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาที่ดูเหม่อๆ ซื่อๆ ของเธอ สวี่ซูหานก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า เธอเป็นเพียงเด็กสาวมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ให้ความรู้สึกน่าใกล้ชิดกว่า

แต่ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินนั้นต่างออกไป พวกเธอสองคนมักทำให้สวี่ซูหานรู้สึกกังวลตลอดเวลา…

โดยเฉพาะซย่าน่า พอนึกถึงสิ่งที่เธอพูดในตอนนั้น สวี่ซูหานก็รู้สึกหนังศีรษะชา

ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง แต่…ต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหรอ…

“ก็ไหนบอกว่านิพพานสำนักงานใหญ่กำลังทำการวิจัยมาโดยตลอด? ถ้าพวกเราเข้าไปกลับจะยิ่งทำให้พี่หลิงห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะมัวแต่กลัวว่าตัวตนของพวกเราจะถูกเปิดเผยมากกว่า…”

ซย่าน่ากระพริบตาปริบๆ สวี่ซูหานเพียงรู้สึกภาพตรงหน้าเบลอไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ซอมบี้สาวน้อยตัวนี้ก็มาโผล่อยู่ในจุดที่ห่างจากเธอไม่ถึง 10 เซนติเมตร

“นี่ เธอชอบพี่หลิงใช่ไหมล่ะ?”

—————————————————————————–