ภาคที่ 2 บทที่ 135 ปรึกษา

มู่หนานจือ

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเฉาไทเฮากับไทฮองไทเฮาคือหลายปีนั้นที่นางถูกฮ่องเต้อิงจงเมินเฉย

ตอนนั้นหากไม่มีไทฮองไทเฮาคอยปกป้องนางทั้งต่อหน้าและลับหลัง นางคงจะใช้ชีวิตลำบากกว่านี้

ตอนหลังเฉาไทเฮามีจ้าวอี้ และเริ่มแข่งกับฉินกุ้ยเฟย ไทฮองไทเฮารู้สึกว่าเฉาไทเฮาไม่มีมาดของมารดาของฮ่องเต้ แต่เฉาไทเฮากลับรู้สึกว่าไทฮองไทเฮาไร้ความสามารถและขี้ขลาดเกินไป ทั้งสองคนจึงห่างกันไปเรื่อยๆ

เฉาไทเฮายอมรับว่าตนเองค่อนข้างรู้จักไทฮองไทเฮาดีทีเดียว

ไทฮองไทเฮาต้องมีธุระอะไรกับนางอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้จะกินข้าวโต๊ะเดียวกับนาง

และคนที่สามารถทำให้ไทฮองไทเฮาใช้สมองและออกแรงแบบนี้ได้ นอกจากเจียงเซี่ยนแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก

นางกวาดสายตาผ่านเจียงเซี่ยนไป และเอ่ยว่า “เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไปเสวยพระกระยาหารที่ตำหนักอี๋อวิ๋นเป็นเพื่อนเสด็จแม่แล้วกัน!”

ไทฮองไทเฮาพยักหน้าและลุกขึ้นยืน

ไทฮองไท่เฟยรีบพยุงไทฮองไทเฮา แล้วทุกคนก็ไปที่ตำหนักอี๋อวิ๋น

จ้าวอี้เห็นแล้วก็รู้สึกว้าวุ่นใจ ตอนที่เดินถึงตำหนักอี๋อวิ๋น เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เช่นนั้นข้ากลับตำหนักเหรินโซ่วแล้ว อีกสักครู่ค่อยมาคุยเป็นเพื่อนเสด็จย่ากับเสด็จแม่” แล้วก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย

ไทฮองไทเฮากับเฉาไทเฮาต่างไม่สนใจ และเข้าไปในตำหนักอี๋อวิ๋นทันที

คนที่รับใช้ตำหนักอี๋อวิ๋นได้ข่าวก่อนแล้ว อาหารทั้งหมดจึงวางไว้พร้อมแล้ว ไทฮองไทเฮานั่งเป็นประธาน ที่นั่งที่ต่ำกว่าทางซ้ายเป็นเฉาไทเฮา ข้างเฉาไทเฮาเป็นเจียงเซี่ยน ส่วนไทฮองไท่เฟยกับไป๋ซู่นั่งอยู่ตรงข้ามเฉาไทเฮากับไทฮองไทเฮา

ทุกคนรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น ได้ยินเพียงเสียงเครื่องเคลือบกระทบกันอย่างแผ่วเบา

เจียงเซี่ยนมองไทฮองไทเฮากับเฉาไทเฮาที่หน้าตาเคร่งเครียด แล้วก็รู้สึกปวดท้อง

ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ชอบกัน ทำไมยังต้องฝืนใจตนเองกินข้าวในห้องเดียวกันอีก?

กินข้าวอย่างยากลำบากแล้ว ตามปกติทุกคนก็สามารถย้ายไปดื่มชาที่ตำหนักข้างได้

ทว่าไทฮองไทเฮากลับสั่งไทฮองไท่เฟย “วันนี้รีบเดินทางมาทั้งวันแล้ว เด็กสองคนก็ถูกทรมานจนทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เจ้าพาเด็กสองคนกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องคุยกับไทเฮาอีกนิดหน่อย”

ไทฮองไท่เฟยมองเฉาไทเฮาอย่างระแวง พอเห็นว่าเฉาไทเฮานิ่งดุจขุนเขา ก็รีบขานรับอย่างนอบน้อม และพาเจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่ออกจากตำหนักข้าง

ไป๋ซู่จูงมือเจียงเซี่ยน นางเดินพลางหันกลับไปมองตำหนักข้าง และเอ่ยเสียงเบาว่า “ในวังเกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ไม่มีอะไร” เจียงเซี่ยนพอจะเดาได้บ้างไม่มากก็น้อย ตอนนี้นางขอแค่ไทฮองไทเฮาคิดให้มากขึ้น และอย่าให้ถูกเฉาไทเฮาลากเข้าไปพัวพันด้วย

เฉาไทเฮาในอดีตคิดถึงแคว้น แม้แต่แผนการก็เป็นแผนการที่เปิดเผย นางจึงไม่กลัว ทว่าเฉาไทเฮาในเวลานี้กลับกำลังดิ้นริ้นเพื่อชีวิต ใครจะรู้ว่าเฉาไทเฮาจะคิดอย่างไร?

นัยน์ตาของไป๋ซู่เต็มไปด้วยความงุนงง

เจียงเซี่ยนทำได้เพียงลอบถอนหายใจ

ในตำหนักข้าง ไทฮองไทเฮาก็ขี้เกียจที่จะพูดจาอ้อมค้อมกับเฉาไทเฮาเช่นกัน นางไล่คนรับใช้ในตำหนักออกไปหมดทันที และเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเล่นกับเป่าหนิงมาตั้งแต่เด็กจนโต ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแตกต่างจากคนอื่น…” เฉาไทเฮาได้ยินก็รู้สึกตกใจ

นี่ไทฮองไทเฮาอยากให้เจียงเซี่ยนเป็นฮองเฮางั้นหรือ?

นางอดที่จะขมวดคิ้วแน่นไม่ได้

ใครจะรู้ว่าไทฮองไทเฮาจะเปลี่ยนเรื่องทันที และเอ่ยว่า “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ฝ่าบาทแต่งงานกับเป่าหนิง ข้าก็ไม่อยากให้เป่าหนิงกลายเป็นผู้หญิงในวังหลังที่วันๆ ฆ่าเวลาด้วยการเล่นไพ่กับดูงิ้วเหมือนกัน แต่ฝ่าบาทเหมือนจะไม่ได้คิดเช่นนี้ ฝ่าบาทบอกคนอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเขากับเป่าหนิงสนิทกันอย่างไร หลังจากข้าปรึกษากับลุงของเป่าหนิงแล้ว จึงอยากให้เป่าหนิงแต่งงานออกไปก่อนฝ่าบาทตั้งฮองเฮา เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

พอเฉาไทเฮาได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเจียงเจิ้นหยวน สมองก็แล่นอย่างเร็วมาก

นางเอ่ยว่า “ตอนนี้สามีของเป่าหนิงมีใครให้เลือกบ้าง? ทุกคนมีความเป็นมาอย่างไร? แล้วฝ่าบาททรงทราบหรือไม่?”

นางถามถูกกลางเป้าในทีเดียว

ไทฮองไทเฮาพอใจกับการตัดสินใจของตนเองมาก และเอ่ยว่า “จ้าวเซี่ยวซื่อจื่อจิ้งไห่โหว เติ้งเฉิงลู่ซื่อจื่ออันลู่โหว จินเซียวแม่ทัพโหยวจีกองบัญชาการอวี๋หลิน ทุกคนเป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี จ้าวเซี่ยวกับเติ้งเฉิงลู่ข้าไม่บอกเจ้าก็น่าจะรู้จักอยู่แล้ว ส่วนจินเซียวเป็นบุตรชายคนโตของจินไห่เทาแม่ทัพไท่หยวน…” นางเล่าเรื่องราวของทุกคนรอบหนึ่ง “ก่อนหน้านี้คิดว่ายังจัดการเรื่องนี้ไม่เรียบร้อย จึงไม่ได้ทูลฝ่าบาท ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครไปพูดจาไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เช้าวันนี้ตอนขามาฝ่าบาทยังตั้งพระทัยจอดเรือเพื่อถามข้าเรื่องนี้โดยเฉพาะ ข้าคิดว่าในเมื่อทุกคนต่างรู้เรื่องนี้กันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามปิดบังแล้วเช่นกัน จึงอยากลองถามว่าเจ้าคิดว่าเด็กคนไหนดี?”

ถึงนางจะไม่ชอบการวางตัวของเฉาไทเฮา ทว่าก็ไม่เคยปฏิเสธว่าเฉาไทเฮาเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง

เฉาไทเฮายากที่จะปิดบังความประหลาดใจได้

นางไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าไทฮองไทเฮาปิดบังทุกคน เพราะเรื่องแต่งงานของเจียงเซี่ยนยังไม่มีวี่แววแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่นางคิดว่าตนเองมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่น่าจะมีใครเชื่อนางแล้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไทฮองไทเฮากลับมาถามนางถึงภูเขาวั่นโซ่วโดยเฉพาะ…ทว่าพอคิดอีกที นี่ก็เป็นเรื่องที่ไทฮองไทเฮาทำได้จริงๆ …ในความคิดของนาง แม้ไทฮองไทเฮาจะไม่ได้ฉลาดมากเล่ห์ แต่กลับรู้จักตนเองเป็นอย่างดี ไทฮองไทเฮาไม่เคยคิดว่าตนเองถูกอยู่เสมอ เวลาเจอเรื่องยากที่ตนเองแก้ไม่ได้ก็จะไปหาคนที่เก่งกว่าตนเอง

พอคิดถึงตรงนี้ นางอดที่จะถอนหายใจด้วยความหดหู่ไม่ได้

บางทีคนอย่างไทฮองไทเฮาต่างหากที่เป็นคนที่มีวาสนา!

“เลือกจ้าวเซี่ยวแล้วกัน!” นางเอ่ย “ผู้หญิงจำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชาย จินเซียวหม่อมฉันก็ไม่พูดถึงแล้ว ในตระกูลมีผู้ชายมากขนาดนั้น ต่อให้เป่าหนิงแต่งงานไป และแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้จินเซียวเข้าวัง ตระกูลขุนนางที่ ยืนอยู่ในใต้หล้าด้วยความดีความชอบทางการรบอย่างตระกูลจินนั้น เป่าหนิงก็ไม่มีสิทธิตัดสินใจเรื่องในจวนอยู่ดี”

“หม่อมฉันว่าเขาไม่เห็นจะเก่งตรงไหน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ถูกเลือก? หรือเป็นเพราะว่าเด็กคนนี้หน้าตาดีมาก? แต่ผู้ชายหน้าตาดีมากแค่ไหน ไม่มีอำนาจและอิทธิพลเป็นที่พึ่ง อย่างมากที่สุดแค่สิบปีก็โรยราแล้ว หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร?”

“ส่วนอันลู่โหวเป็นโหวที่ว่างงาน เขาเชื่อฟังเหมือนแกะน้อยที่ถูกขังและเลี้ยงไว้คอกตั้งนานแล้ว หากฝ่าบาทไม่ยอมให้เป่าหนิงแต่งงานกับคนอื่น จวนอันลู่โหวจะเอาอะไรมาปกป้องนาง?”

“จวนจิ้งไห่โหวนั้นถึงแม้จะไกลหน่อย แต่ในมือของพวกเขามีกองทัพเรือกองหนึ่ง หม่อมฉันยังเคยจับตาดูกองกำลังติดอาวุธของพวกเขาด้วย นอกจากกองทัพเรือแล้วอย่างน้อยที่สุดพวกเขายังมีกำลังทหารจากฐานที่มั่นห้าแห่ง จะบอกว่าเป็นผู้ครองพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ก็ไม่ถือว่าเกินไปเช่นกัน และจ้าวเซี่ยวก็เป็นซื่อจื่อที่ไร้ที่ติ ไว้เป่าหนิงแต่งงานกับเขาแล้ว มีท่านกับเจิ้นกั๋วกงสนับสนุนเป่าหนิงอยู่เบื้องหลัง ตระกูลจ้าวก็เป็นสายเลือดของราชวงศ์ จวนจิ้งไห่โหวจะเลื่อนขึ้นมาเป็นจวนจวิ้นอ๋องก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และใครก็ขัดขวางไม่ได้”

“เป่าหนิงก็เป็นจวิ้นอ๋องเฟย[1]อย่างแท้จริงแล้ว”

“นั่นเป็นสิ่งที่ตระกูลจินกับตระกูลเติ้งให้ได้หรือ?”

“อีกอย่าง…เป่าหนิงสร้างความดีความชอบใหญ่เช่นนี้ จวนจิ้งไห่โหวใครจะกล้าดูถูกนาง?”

“ไว้นางคลอดลูกชายคนโตแล้ว นางเป็นท่านหญิงที่รับเงินเดือนชินอ๋อง ก็สามารถเลือกชื่อของราชองครักษ์ให้ลูกชายคนโตและเข้าไปก้าวก่ายงานของกองกำลังติดอาวุธได้ แล้วเจิ้นกั๋วกงค่อยแนะนำนางสักหน่อย พอกุมกำลังทหารของกองกำลังติดอาวุธของจวนจิ้งไห่โหวไว้ในมือแล้ว ยังมีอะไรน่ากลัวอีกหรือ?”

“ต่อให้จ้าวเซี่ยวอยากหลงอนุภรรยาจนละเลยภรรยาเอกก็ไม่กล้า?”

“นี่ถึงจะดีกับเป่าหนิงอย่างแท้จริง!”

ไทฮองไทเฮายิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งมืดลง

นี่คนแซ่เฉากำลังหาสามีให้เป่าหนิงที่ไหนกัน นี่มันกำลังยุยงให้เป่าหนิงตั้งตัวเป็นอ๋องเองอย่างสิ้นเชิง!

มิน่าเล่าวังหลังมีไทเฮาตั้งมากมาย มีแต่นางที่เป็นไทเฮาผู้สำเร็จราชการแทน ที่แท้ความเป็นสามีภรรยาและความรักความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนต่างไม่ไม่ค่าอะไรทั้งนั้นในสายตาของนาง ในใจนางคิดแต่ว่าจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์อย่างไร!

หากเป่าหนิงเป็นเหมือนนาง ยังจะมีความสุขหรือ!

เช่นนั้นแต่งงานกับจ้าวอี้ให้ถูกประกาศแต่งตั้งเป็นฮองเฮาไปเลยดีกว่า แล้วก็คุมจ้าวอี้ให้อยู่หมัดและกุมอำนาจเองเสียเลย จะไม่น่าเชื่อถือมากกว่าแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวงั้นหรือ!

————————————-

[1] จวิ้นอ๋องเฟย ตำแหน่งพระชายาเอกในอ๋อง ซึ่งตำแหน่งนี้จวิ้นอ๋องสามารถแต่งตั้งได้คนเดียว