บทที่ 103 ตามข่าว

เมื่อคิดว่านับจากนี้ฝั่งตรงข้ามคงไม่กล้ามารังควานเขาอีกแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงหันหลังและเดินกลับไปที่รถ

ในเมื่อเรื่องลงเอยแบบนี้ได้ก็นับว่าเป็นผลดีที่สุด เพราะหลังจากนี้สวีรุ่ยก็น่าจะไม่ต้องทนถูกรังควานจากพวกแก็งค์ทวงหนี้ด้วยเช่นกัน

ทางด้านของคนแซ่เซี่ย เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเดินจากไปขึ้นรถแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ

“ลูกพี่หวัง คนคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกัน?”

หลังจากปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้าเสร็จ คนแซ่เซี่ยเอ่ยถามหวังเหยียนด้วยสีหน้าสงสัย

“อยากรู้ไปทำไม?” หวังเหยียนถามกลับ

“โธ่ลูกพี่ ผมต้องอยากรู้สิ! คนคนนั้นเพิ่งอัดผมกับลูกน้องจนง่อยกระรอกด้วยเวลาเพียงพริบตาแถมสามารถใช้มือเปล่าบีบมีดผมจนหักได้แบบง่าย ๆ เชียวนะ!”

หวังเหยียนก้มลงมองที่พื้นซึ่งก็ได้เห็นเศษซากมีดที่หล่นอยู่ และเมื่อเขากวาดมองไปที่สภาพบรรดาลูกน้องของตัวเองอย่างละเอียดอีกรอบ เขาเองก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อครู่ลูกน้องของเขาถึงกลัวอวี้ฮ่าวหรานจนตัวสั่น

มนุษย์ธรรมดาไม่ควรทำได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?

ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนหรือเป็นสัตว์ประหลาดกันแน่?

อันที่จริงก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็แคลงใจอยู่มากว่าชายหนุ่มที่ดูไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลยคนนี้ช่วยชีวิตหัวหน้าของเขาได้ยังไง …. แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะเชื่อแล้ว

“เอาเป็นว่านับจากนี้แกก็อย่าไปรังควานเขาอีกเด็ดขาดก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันบอกเอาไว้เลยว่าครั้งหน้าคงไม่มีใครช่วยแกได้อีกแล้ว”

หวังเหยียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองรถของอวี้ฮ่าวหรานที่ค่อย ๆ หายลับตาไป

“ไม่ต้องห่วงลูกพี่ นับจากนี้ผมไม่มีวันล่วงเกินสัตว์ประหลาดแบบนั้นอีกแน่นอน ผมเองก็ยังอยากมีชีวิตอยู่จนแก่เหมือนกัน…”

คนแซ่เซี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่น แค่เขานึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ หัวใจของเขาก็เหมือนจะเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเขาขับรถออกมาจิตใจของเขาก็สงบลงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ต่ออีก ในระหว่างทางเขาผ่านตลาดขายของเก่าเหมือนเดิม ซึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะลงไปดูของอีกสักหน่อยแต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่เจอของอะไรที่น่าสนใจเหมือนเดิม

กว่าอวี้ฮ่าวหรานจะกลับถึงคอนโดก็ปาเข้าไป 1 ทุ่มกว่า ๆ ซึ่งวันนี้หลี่หรงเป็นคนไปรับถวนถวนกลับบ้านมาแทนเขา และเมื่อเขาแง้มประตูห้องนอนลูกของเขาดู เขาก็พบว่าลูกสาวของเขานอนหลับไปแล้ว

“ทำไมพี่เพิ่งกลับมาเอาป่านนี้?”

ไม่ทันคาดคิด จู่ ๆ หลี่หรงก็เปิดประตูห้องของเธอออกมาถามในระหว่างที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังจะเดินกลับห้องของตัวเอง

ตอนนี้หลี่หรงอยู่ในชุดนอนผ้าไหมเข้ารูปซึ่งดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

เป็นไปได้ว่าเธอน่าจะกำลังรอเขากลับมาอยู่ตลอด

“อ้อ บังเอิญว่าระหว่างทางกลับพี่มีปัญหานิดหน่อยน่ะก็เลยกลับช้า แต่วันนี้เธอเองก็บอกพี่เอาไว้ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไปรับถวนถวนด้วยตัวเอง?”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่เพราะชุดนอนของหลี่หรงมันเผยสัดส่วนของเธอจนใจของเขาหวั่นไหวอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลี่หรงไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติใด ๆ

“ถ้างั้นพี่เข้ามาคุยกับฉันข้างในห้องก่อน ฉันนั่งรอพี่ตั้งนานจนปวดหลังหมดแล้ว ฉันอยากนอนเอนหลังที่เตียงในระหว่างที่คุยกับพี่ไปด้วย”

เมื่อพูดจบ หลี่หรงเดินกลับเข้าไปในห้องและขึ้นไปนอนบนเตียงโดยที่ตั้งหมอนให้สูงเพื่อที่เธอจะได้นอนอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยที่หลังของเธอเอนทับหมอนเอาไว้

ทางด้านอวี้ฮ่าวหราน เขาเองก็ไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรหากเขาจะเข้าไปคุยในห้องของหลี่หรง เพราะตอนนี้พวกเขาสนิทกันมากพอสมควรแล้ว เขาเดินไปนั่งที่ปลายเตียงของเธอด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“พี่เขย วันนี้ฉันได้ข่าวมาว่าเจิ้งเหวยกัวสร้างปัญหาให้กับพี่ ฉันต้องขอเตือนพี่เอาไว้สักหน่อยว่าต้องระวังคนคนนี้ให้ดี เพราะเขาเคยเป็นคนของตระกูลอู๋มาก่อน ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องใช้ทุกวิถีทางบ่อนทำลายพี่แน่นอน” หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

อวี้ฮ่าวหรานอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าหลี่หรงรู้ปัญหาในบริษัทของเขาด้วย แต่เขาก็ยังคงยิ้มตอบเธอราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพื่อให้เธอไม่เป็นกังวล

“ไม่เป็นอะไรหรอกเธอไม่ต้องกังวล คนที่ใกล้จะลงโลงแบบนั้นทำอะไรพี่ไม่ได้หรอก หรือต่อให้มีคนแบบเจิ้งเหวยกัวสัก 20 คนพี่ก็รับมือได้สบาย” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหยอกล้อแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม

“อืมฉันเชื่อ! พี่เขยของฉันเก่งออกขนาดนี้ใครจะมาทำอะไรได้!” หลี่หรงพยักหน้าด้วยแววตาชื่นชม “พี่รู้รึเปล่าว่าเมื่อก่อนตอนที่พี่ชายของฉันมีอำนาจล้นบริษัท เวลาฉันไปที่บริษัทของพ่อแต่ละทีไม่มีใครกล้าคุยกับฉันเลย หนำซ้ำยังมีบางคนกล้าพูดจาไม่ดีกับฉันอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ทุกคนต่างเข้ามาประจบฉันไม่หยุดเลย ทำเอาฉันรู้สึกดีจริง ๆ!”

“ไม่ต้องห่วงหลังจากนี้พี่สัญญาว่าจะไม่มีใครหน้าไหนในบริษัทของพี่ที่กล้ารังแกเธออีกแน่นอน”

เมื่อเห็นสีหน้าที่ซุกซนของหลี่หรง อวี้ฮ่าวหรานก็นึกคิดได้ว่าอันที่จริงเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่นับตั้งแต่ที่เขาจากไป จริง ๆ แล้วเธอยังคงเด็กสาวขี้เล่นเหมือนเดิม

“จริงสิพี่เขย ฉันได้ยินอีกข่าวหนึ่งมา พี่เพิ่งได้รับสัญญาซื้อสินค้ามูลค่า 50 ล้านมาวันนี้งั้นเหรอ?” จู่ ๆ หลี่หรงก็เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย

“ใช่ แต่อันที่จริงสัญญานี้พี่ทำเอาไว้กับบริษัทเจิ้งไห่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เอ๊ะเดี๋ยวนะ ทำไมเธอถึงรู้เรื่องในบริษัทพี่ละเอียดแบบนี้?”

อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

“แน่นอนว่า ว่าฉันต้องรู้ จริง ๆ แล้วฉันตามข่าวในบริษัทของพี่ทุกวัน เพราะถ้าหากพี่มีปัญหาอะไรฉันจะได้เข้าไปช่วยได้ทันยังไงล่ะ!”

“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของฉันมันไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ เพราะพี่เองก็บริหารงานได้สมบูรณ์แบบอยู่แล้วล่ะนะ!” หลี่หรงยังคงเอ่ยเยินยออวี้ฮ่าวหรานต่อไป

แต่แล้วความรู้สึกแปลก ๆ ก็บังเกิดขึ้นในใจของเธออีกรอบ พี่เขยของฉันทำไมถึงเป็นคนที่สมบูรณ์แบบได้ขนาดนี้…

หลังจากนั้นคู่คุยไปได้อีกนิดหน่อย อวี้ฮ่าวหรานก็ขอตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่ายิ่งอยุู่นานไปสายตาของหลี่หรงที่มองมาที่เขามันก็เริ่มหยาดเยิ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น เขาจึงขอตัวกลับไปที่ห้องดีกว่า

ต้องรู้ว่าเขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยังคงมีอารมณ์ทางโลกหลงเหลืออยู่ การได้อยู่ใกล้กับผู้หญิงที่สวยอย่างหลี่หรงสองต่อสองในห้องนอนมันปั่นป่วนในใจของเขาพอสมควร