บทที่ 102 แววตาที่น่าหวาดหวั่น

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 102 แววตาที่น่าหวาดหวั่น

“เฮ้อ… รนหาที่ตายกันจริง ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มอย่าเย้ยหยันพร้อมกับชกหมัดสวนออกไปที่ท่อนเหล็กซึ่งกำลังฟาดเข้ามาที่หัวของเขา

“เคร้ง!!”

ทันทีที่หมัดกระทบเหล็ก ด้วยความรุนแรงของแรงปะทะที่มาจากหมัดของอวี้ฮ่าวหราน มันส่งผลให้นักเลงคนที่ฟาดท่อนเหล็กกำเหล็กในมือของตัวเองไม่อยู่ทันที

ท่อนเหล็กนั้นกระเด็นกระแทกหน้าอกของเขาอย่างรุนแรงส่งร่างของเขากระเด็นลอยกลับไป 3-4 เมตรราวกับว่าวสายป่านขาด!

นั่นมันบ้าอะไรกัน!?

บรรดานักเลงที่กำลังวิ่งกรูตามมาเมื่อเห็นภาพสหายของตัวเองที่กระเด็นลอยกลับมาด้วยสภาพน่าอนาถ พวกเขาต่างตกตะลึงจนคิดว่าตัวเองฝันไป!

“เหอะ! ก็แค่พวกมดปลวก!”

หลังจากพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา อวี้ฮ่าวหรานลงมือต่อทันที เขาพุ่งตัวเข้าไปหากลุ่มนักเลงที่กำลังตะลึงงันด้วยความเร็วเหนือมนุษย์!

จากนั้นต่อมาเสียงร้องระงมด้วยความเจ็บปวดของบรรดานักเลงก็ดังขึ้นไม่ขาดสายติดต่อกัน

“กร๊อบ!!”

“อ๊ากกกก!!”

“ช่วยด้วย!!”

แค่เพียงไม่กี่วินาทีบรรดาพวกนักเลงต่างร้องระงมกันอยู่ที่พื้นด้วยสภาพน่าอนาถ

“บ…บ้าน่า! นี่มันเป็นไปได้ยังไง!?”

ลูกพี่เซี่ยอุทานขึ้นเสียงหลงด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ คนที่สามารถอัดลูกน้องของเขาเกือบ 20 คนลงไปนอนกองได้ภายในพริบตาไม่ใช่คนที่เขาสามารถล่วงเกินได้!

“แก..แกอย่าเข้ามานะ!”

ลูกพี่เซี่ยตะโกนขึ้นพร้อมกับยกมีดยาว 1 ฟุตในมือขึ้นมาขู่ด้วยท่าทางสั่นงันงก

แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ของฝั่งตรงข้าม ทำให้อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยความขบขัน

ขนาดลูกกระสุนปืนยังทำอะไรเขาไม่ได้ แล้วมีดบ้า ๆ บอ ๆ แบบนั้นจะทำอะไรเขาได้ยังไง?

วันนี้เขาตั้งใจว่าจะมอบบทเรียนอันแสนเจ็บปวดให้กับฝั่งตรงข้ามเพื่อที่คราวนี้คนเหล่านี้จะได้ไม่มาสร้างความรำคาญให้เขาอีก

“ไม่ใช่ว่าแกบอกว่าอยากจะตัดขาของฉันงั้นเหรอ? เอาเลยสิ ฉันเดินเข้ามาให้แกตัดแล้วนี่ไง!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฝั่งตรงข้าม

“ก…แก..อย่าเข้ามานะ ฉันฟันแกจริง ๆ นะโว๊ย! ฉันเคยฆ่าคนมาแล้วนะ!!”

ลูกพี่เซี่ยตะโกนขึ้นขู่ด้วยสีหน้าสิ้นหวัง แรงกดดันที่อวี้ฮ่าวหรานมีต่อเขามันมากเกินไปจนเขาไม่กล้าขยับถึงแม้ว่าเขาจะขู่ไปว่าเขาจะฟันฝั่งตรงข้ามก็ตาม

เมื่อเดินเข้าไปถึงระยะประชิด อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจด้วยสีหน้าเย้ยหยัน จากนั้นเขากำใบมีดที่กำลังสั่นระริกซึ่งอยู่ในมือของลูกพี่เซี่ยแล้วบีบจนใบมีดหักออกจากด้ามจับ!

ทางด้านของลูกพี่เซี่ย เมื่อได้เห็นแบบนี้ความกลัวในใจของเขาก็พุ่งพรวดจนมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ขาของเขาอ่อนยวบจนค้ำจุนร่างของเขาไม่ไหว

อย่างไรก็ตามก่อนที่ร่างเขาจะทรุดลงไปกับพื้น อวี้ฮ่าวหรานคว้าคอเขาเอาไว้ก่อนแล้วยกทั้งร่างของเขาขึ้น

อวี้ฮ่าวหรานยกร่างของชายหัวล้านที่ถูกเรียกว่าลูกพี่เซี่ยราวกับว่าเขากำลังจับไก่!

“แกบอกว่าฉันล่วงเกินแกหลายรอบ จนแกอยากจะตัดขาฉันทั้งสองข้างงั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา

“ทำไมแกไม่ลองคิดกลับกันบ้างว่าก่อนหน้านี้แกเองก็ตามรังควานฉันหลายรอบแล้วเหมือนกัน ซึ่งถ้านับ ๆ ดูมันน่าจะมีเหตุผลพอให้ฉันฆ่าแกตรงนี้เลยจริงไหม?”

เมื่อมองแววตาที่เย็นชาของอวี้ฮ่าวหราน ลูกพี่เซี่ยรู้สึกหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นจากความกลัว!

แววตาที่น่ากลัวแบบนี้เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต!

ตัวเขาเองอยู่ในวงการใต้ดินมานานเป็นสิบปีแล้ว เขาพบเห็นแววตาของพวกคนที่เคยฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมมาแล้วมากมาย แต่แววตาของอวี้ฮ่าวหรานที่เขากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้มันอำมหิตจนไม่ควรมีอยู่ในมนุษย์คนไหนเลย!

คนคนนี้เคยฆ่าคนไปแล้วกี่คนกัน? ร้อยคน? พันคน?

อันที่จริง ถ้าอวี้ฮ่าวหรานได้ยินคำถามนี้ในใจของฝั่งตรงข้าม เขาคงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นเพราะเขาคือคนที่เคยฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตในดินแดนแห่งเทพมาแล้วเป็นพันล้านชีวิต!

สงครามในดินแดนแห่งเทพนั้นรุนแรงและโหดเหี้ยมเหนือกว่าสงครามในโลกมนุษย์เป็นพันเป็นหมื่นเท่า ในตอนที่เขาอยู่บนจุดสูงสุด แค่เพียงดีดนิ้วครั้งเดียวเขาก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตนับล้านตายได้แล้ว

สังหารหนึ่งชีวิตถูกมองเป็นอาชญากร สังหารร้อยชีวิตถูกมองเป็นมาร สังหารหมื่นชีวิตถูกมองเป็นจอมทัพ สังหารพันล้านชีวิตถูกเชิดชูเป็นจักรพรรดิเทพ!

สาเหตุที่ในอดีตเขาเป็นจักรพรรดิเทพได้ไม่ใช่เพราะว่าเขาทำความดี! แต่มันเป็นเพราะเขาพรากชีวิตผู้อื่นไปมากพอต่างหาก!

หากไม่ใช่เพราะว่าเขามีความรู้สึกผูกพันกับโลกนี้ที่เขาเคยอยู่ตั้งแต่แรก ป่านนี้เขาคงไล่ฆ่าทุกคนที่มากวนใจเขาทั้งหมดไม่เก็บเอาไว้ให้รกหูรกตาแบบนี้หรอก!

“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อน!”

แต่แล้วก่อนที่อวี้ฮ่าวหรานจะได้ทำอะไรต่อไป จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนขอร้องดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขาซึ่งเสียงนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

คนที่วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้ากระหืดกระหอบไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหวังเหยียน ลูกน้องของโจวเฟยหู่นั่นเอง!

“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด! มิน่าทำไมวันนี้ฉันถึงรู้สังหรณ์ใจไม่ดีทั้งวัน ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง! น้องชายหยุดมือก่อนสักครู่ได้ไหมฉันขอโทษแทนลูกน้องของฉันจริง ๆ!”

เมื่อวิ่งมาถึง หวังเหยียนรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งตัวขอโทษทันที

ก่อนหน้านี้ที่จะมาหาอวี้ฮ่าวหราน ชายหัวล้านที่ถูกเรียกว่าลูกพี่เซี่ยได้ติดต่อบอกคนที่อยู่เหนือเขาในแก็งค์ซึ่งก็คือหวังเหยียน ว่าเขาจะมาจัดการกับคนคนหนึ่งและให้หวังเหยียนช่วยตามมาสมทบกับเขาเผื่อเอาไว้ว่ามีอะไรผิดพลาด ซึ่งโชคร้ายที่หวังเหยียนมาถึงช้าไปหน่อยทุกอย่างก็เลยลงเอยแบบนี้

เมื่อเห็นภาพนี้ ลูกพี่เซี่ยก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง

นี่หัวหน้าสาขาของแก็งค์พวกเขาถึงขนาดก้มหัวขอโทษชายคนนี้อย่างสุภาพเลยงั้นเหรอ?

ชายคนนี้มีเบื้องหลังใหญ่โตสุด ๆ เลยเหรอไง?

หลังจากขอโทษอวี้ฮ่าวหรานเสร็จเรียบร้อย หวังเหยียนก็รีบหันมาอธิบายกับลูกน้องของเขาทั้งหมดทันที “พวกแกนี่ไม่น่าเลยจริง ๆ คนผู้นี้คือน้องอวี้ เขาเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราเพราะเขาเพิ่งช่วยชีวิตหัวหน้าแก็งค์โจวของเราไปหมาด ๆ แต่ตอนนี้พวกแกกลับตอบแทนเขาแบบนี้งั้นเหรอไอ้พวกเวร!”

เมื่อได้รับการขอโทษแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่อยากจะถือสาหาความอะไรต่อ เขาปล่อยมือออกจากคอของคนแซ่เซี่ย ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นคนแซ่เซี่ยก็รีบทรุดลงไปนั่งคุกเข่าพร้อมกับตะโกนขอโทษทันที

หลังจากได้ยินคำอธิบายของหัวหน้าสาขาของตัวเองแล้ว มันเป็นเรื่องแน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าหือกับอวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไป

“น้อง…อ..เอ๊ย! พี่อวี้ ผมผิดไปแล้ว โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมสัญญาว่าผมจะไม่ล่วงเกินพี่อีกแน่นอนในชีวิตนี้! นับจากนี้หากพี่ปล่อยผมไป ผมจะยอมทำตามคำขอพี่ทุกอย่างไม่ว่าจะให้บุกน้ำลุยไฟผมก็จะทำตามที่พี่อวี้สั่ง!”

นับจากนี้หากเขาตอแยกับอวี้ฮ่าวหรานอีก มันคงไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย! คนคนนี้เคยช่วยชีวิตหัวหน้าแก็งค์ของพวกเขาเอาไว้ หากขืนเขายังทำอะไรโง่ ๆ อีก ต่อให้อวี้ฮ่าวหรานจะไม่ฆ่าเขา แต่หัวหน้าแก็งค์ของเขาคงจะฆ่าเขาแทนแน่นอน!