บทที่ 101 ย่านเปลี่ยวผู้คน

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

พนักงานซุบซิบกันไปตลอดทางที่อวี้ฮ่าวหรานและเฉิงชิวอวี้เดินผ่าน ซึ่งแน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานได้ยินมันหมดทุกคำ!

“ดูสิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันทำไมถึงได้สวยอะไรขนาดนั้น?”

“มีแต่ผู้หญิงแบบนี้เท่านั้นแหละที่คู่ควรกับประธานอวี้ของเรา! เอ๊ะ? หรือว่านี่คือภรรยาของประธานอวี้?”

“มันน่าจะใช่นะ! ว่าแต่ถ้างั้นข่าวลือที่บอกว่าภรรยาของประธานอวี้หายตัวไปไม่ใช่เรื่องจริงงั้นเหรอ?”

ในขณะที่บางคนกำลังตกตะลึง คนบางกลุ่มที่รู้เรื่องข่าวลือวงในมาก็เริ่มถกเถียงกันอย่างเมามัน

ทางด้านของเฉิงชิวอวี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ยินคำซุบซิบที่กำลังเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวทุกคำ แต่เธอก็ได้ยินมันบ้างจนสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ มันทำให้แก้มของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ภรรยาอะไรกัน? คนพวกนี้เดากันไปแบบนี้ได้ยังไง?

คนพวกนี้ควรจะเดาว่าเธอกับอวี้ฮ่าวหรานเป็นแฟนกันก่อนสิ!

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะพอรู้ข้อมูลมาก่อนบ้างแล้วว่า อวี้ฮ่าวหรานเคยแต่งงานมีครอบครัวมาก่อนซึ่งตอนนี้ภรรยาของเขาหายตัวไป แต่เมื่อเธอมาได้ยินกับหูตัวเองอีกรอบแบบนี้ว่าเขามีภรรยาแล้วจากปากคนอื่น ๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“อวี้ฮ่าวหราน อันที่จริงฉันเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่านายแต่งงานแล้วแต่ตอนนี้ภรรยาของนายหายตัวไป นายพอจะมีเบาะแสบ้างแล้วรึยังว่าภรรยาของนายหายไปไหน?”

เฉิงชิวอวี้ทนไม่ไหวกับความสงสัยนี้ที่รังควานใจของเธอ เธอจึงกลั้นใจเอ่ยถามขึ้น

สีหน้าของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนเป็นแข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาตอบกลับด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า “ตอนนี้ผมพอมีเบาะแสบ้างเล็กน้อย แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน”

เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เงียบไปไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ทุกวัน สาเหตุที่เขาทำงานหนักในทุก ๆ วันนี้มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือเขาต้องการหาเงินให้ได้มาก ๆ เพื่อเอามาซื้อของโบราณที่สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ซึ่งเขาจะได้ออกไปตามหาภรรยาของเขาได้สักที!

ยังตามหาภรรยาไม่เจองั้นเหรอ?

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ อารมณ์ของเฉิงชิวอวี้จากที่เคยหดหู่ก็ผ่อนคลายในทันทีซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

เธอรู้ตัวเองว่ามันไม่ดีเลยที่เธอกลับรู้สึกยินดีที่ผู้ชายคนนี้ยังตามหาภรรยาของตัวเองไม่เจอ แต่เธอก็ห้ามความรู้สึกนี้ของเธอไม่ได้จริง ๆ

“เอาล่ะ นายส่งฉันแค่นี้พอแล้ว หลังจากนี้ฉันกลับเองได้”

เฉิงชิวอวี้ไม่อยากให้ฝั่งตรงข้ามสังเกตเห็นอารมณ์ที่ปั่นป่วนของเธอ ดังนั้นเมื่อก้าวพ้นประตูบริษัทเธอจึงหันกลับมาร่ำลา อวี้ฮ่าวหรานทันที

“อืม ถ้างั้นคุณก็เดินทางกลับดี ๆ ล่ะ” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

ถัดมาหลังจากส่งเฉิงชิวอวี้เรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็กลับขึ้นไปบนออฟฟิศของเขาเพื่อจัดการเอกสารและแผนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของบริษัทต่อ

ถึงแม้ว่าตอนนี้แผนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทจะสำเร็จไปแล้วส่วนใหญ่ แต่มันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไขเพราะบริษัทของเขาไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ งานแบบนี้มันไม่สามารถทำให้เสร็จภายในไม่กี่วันได้

เมื่อถึงเวลาบ่าย 3 โมง อวี้ฮ่าวหรานก็ออกจากบริษัท

ในระหว่างทางกลับคอนโด ขณะที่เขากำลังขับรถอยู่ในย่านเปลี่ยวผู้คน จู่ ๆ รถของเขาก็ถูกหยุดโดยคนกลุ่มหนึ่ง!

กลุ่มคนเกือบ 20 คนที่หยุดรถอวี้ฮ่าวหรานมีอาวุธในมือกันครบทุกคน พวกเขามีทั้งมีดเล่มยาวหรือไม่ก็ท่อนเหล็กอันโต

“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้!”

หนึ่งในกลุ่มคนที่ขวางรถอยู่ตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าดุดัน

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกสงสัยในทันทีว่าไอ้เดนคนพวกนี้มันเป็นพวกไหนอีก?

เขาเดินลงจากรถไปหากลุ่มคนที่ยืนขวางถนนอย่างใจเย็น…

“เฮ้! ไอ้หนุ่มแกนี่มีความกล้าใช้ได้นี่หว่า ถึงขนาดลงจากรถมาคุยกับฉันโดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ฉันไปลากคอแกลงมาจากรถด้วยตัวเอง!”

ชายหัวล้านร่างโตเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูก

“ฉันขอถามแกให้แน่ใจก่อนอีกที แกใช่ไหมที่ทำร้ายอู่ปิงเมื่อไม่กี่วันก่อน?”

“อู่ปิง? ใครคืออู่ปิง?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาจำไม่ได้จริง ๆ ว่าใครคืออู่ปิง เพราะตั้งแต่เขากลับมาโลกใบนี้ เขาก็มีเรื่องกับคนเยอะมากจนจำไม่ไหวว่าคนที่เขาอัดไปชื่ออะไรกันบ้าง

“สารเลวเอ๊ย! นี่แกกล้าลืมชื่อพี่น้องของพ่อแกผู้นี้งั้นเหรอไอ้ลูกหมา? อู่ปิง คือคนที่แกอัดที่สวนสัตว์จนต้องนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะไอ้เวร!”

ชายหัวล้านตวาดขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าเดือดดาลพร้อมกับเหวี่ยงมืดในมือไปมาราวกับว่าเขาพร้อมจะวิ่งเข้ามาฆ่าอวี้ฮ่าวหรานได้ทุกเมื่อ

“อ้อ ที่แท้ก็ไอ้มดตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นนี่เอง!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารัว ๆ ด้วยสีหน้าปกติราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ตอนนี้เขาจำได้แล้วถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สวนสัตว์

เขาอัดพวกนักเลงกลุ่มใหญ่ไปจนเละเทะในวันนั้น ซึ่งเขาไม่ได้เก็บเอาเหตุการณ์นั้นมาคิดเป็นจริงเป็นจังเลยแม้แต่น้อย

ที่แท้คนกลุ่มนี้ก็มาเอาคืนแทนพวกของตัวเอง ว่าแต่คนพวกนี้หาเขาเจอได้ยังไง?

อันที่จริง ชายหัวล้านคนนี้ก็คือลูกพี่เซี่ย ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ส่งลูกน้องไปตามทวงหนี้กับสวีรุ่ย ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่ลูกพี่เซี่ยคนนี้จะรู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นใครและอยู่ที่ไหน เพราะ อวี้ฮ่าวหรานเคยประกาศชื่อของตัวเองเอาไว้ และมันก็เป็นเรื่องบังเอิญอย่างมาก ที่อู่ปิงก็คือหนึ่งในลูกน้องของลูกพี่เซี่ยคนนี้พอดี

“เฮ้ไอ้สารเลว! ฉันจะบอกแกให้เอาบุญก็ได้ ฉันเนี่ยแหละคือลูกพี่เซี่ย แกเคยได้ยินชื่อฉันแล้วใช่ไหม? ฉันตามหาแกมานานแล้ว ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าเรื่องทวงหนี้นังครูนั่นยังไม่ทันคิดบัญชีแกก็ลงมือกับลูกน้องของฉันอีกแล้ว ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันจะตัดขาแก 2 ข้างเพื่อเป็นการสั่งสอน!”

สีหน้าของลูกพี่เซี่ยตอนนี้อำมหิตเป็นอย่างมาก เขาอยากจะตัดขาทั้งสองข้างของอวี้ฮ่าวหรานเต็มแก่เพื่อที่จะแสดงให้คนอื่น ๆ เห็นว่าใครก็ตามที่กล้าล่วงเกินเขาจะต้องพบกับชะตากรรมที่น่าอนาถ

“พวกแกทุกคนไปตัดขามันมาหาให้ฉัน!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลูกพี่เซี่ยตะโกนสั่งขึ้นเสียงดังเร่งให้ลูกน้องเขาลงมือทันที

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำสั่งของลูกพี่ตัวเอง ชายฉกรรจ์เกือบ 20 คนก็วิ่งกรูกันเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายทันที

พวกเขามั่นใจว่าฝั่งตรงข้ามไม่มีทางรอดเงื้อมมือของพวกเขาไปแน่นอน

ในทางกลับกันหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปเมื่อเจอสถานการณ์นี้ พวกเขาคงหันหลังวิ่งหนีไปแบบไม่คิดชีวิตทันที แต่อวี้ฮ่าวหรานกลับไม่ใช่แบบนั้น …เพราะเขาใช่คนธรรมดาซะที่ไหน?

อวี้ฮ่าวหรานเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมและหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

คนพวกนี้มันรนหาที่ตายกันเก่งจริง ๆ ไม่รู้ซะแล้วว่าพวกมันกำลังวิ่งมาหาความตาย!

“ฮ่าฮ่า ไอ้เวรนี่มันกลัวจนก้าวขาไม่ออกเลยวะ!”

“เหอะ! บังอาจมาล่วงเกินพวกเรา จุดจบมันก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือความตาย!”

“…”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ขยับตัวไปไหน พวกกลุ่มคนที่พุ่งเข้าหาก็คิดกันไปเองว่าอวี้ฮ่าวหรานกลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูก

นักเลงคนที่วิ่งเร็วที่สุดซึ่งไปถึงตัวอวี้ฮ่าวหรานก่อนรู้สึกยินดีจนแทบเนื้อเต้นที่ตัวเองกำลังจะได้เป็นคนประเดิมช็อตแรก เขารีบง้างท่อนเหล็กในมือทันทีและฟาดใส่หัวของอวี้ฮ่าวหรานเต็มแรง!