บทที่ 100 ชวนไปงานเลี้ยง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงไม่พูดอะไรตอบกลับ เฉิงชิวอวี้จึงยิ้มและพูดต่อ

“อันที่จริงเมื่อกี้ฉันนั่งแอบฟังอยู่ด้านนอกห้องประชุมของนายด้วย เป็นโชคดีจริง ๆ ที่ห้องประชุมของนายมันเป็นกระจกแถมยังเก็บเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเลยได้ยินทุกอย่างแทบหมด! ฮ่าฮ่า! นายนี่สุดยอดไปเลยจริง ๆ นายทำเอาไอ้พวกตาแก่นั่นหงอไปหมดเลย”

ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นยังติดตาของเฉิงชิวอวี้อยู่เลย ภาพที่เจิ้งเหวยกัวและสหายแสดงสีหน้าหมดอาลัยตายอยากหลังจากโดนอวี้ฮ่าวหรานโยนสัญญาซื้อสินค้าใส่หน้า

เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเธอถึงลืมภาพที่อวี้ฮ่าวหรานดูทรงน่าเกรงขามแบบนั้นไม่ได้ แถมมันยังทำให้เธอใจเต้นระรัวอีกต่างหาก

“คุณนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ นี่มันกี่วันเองนะที่คุณได้มาบริหารที่นี่?”

“ฮ่าฮ่า ผมเนี่ยนะสุดยอด? ผมเป็นแค่ประธานบริษัทขนาดกลางเท่านั้น ผมจะไปเทียบอะไรได้กับตระกูลเฉิงที่เป็นเจ้าของบริษัทเวชภัณฑ์ระดับประเทศกัน?”

อวี้ฮ่าวหรานเห็นได้ถึงแววตาที่ชื่นชมอย่างจริงใจของฝั่งตรงข้าม เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมกลับไปพร้อมกับเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับเฉิงชิวอวี้

“โธ่ พ่อของฉันต้องใช้เวลาตั้งกี่ปีกันกว่าจะมีแบบทุกวันนี้ได้? แต่นี่นายใช้เวลาเท่าไหร่? ยังไม่ถึงเดือนเลยไม่ใช่เหรอไง? ผลงานระดับนี้กับเวลาแค่นี้มันถือได้ว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก ๆ เลยเชียวล่ะ!”

เมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ เฉิงชิวอวี้อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากโซฟาของตัวเองและเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกับอวี้ฮ่าวหรานและมองเขาใกล้ ๆ ด้วยแววตาที่แทบจะเรียกได้ว่าเทิดทูน

เธออยากรู้จริง ๆ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็วิเศษไปหมดซะทุกอย่าง

“นี่คุณมีเวทมนตร์อะไรรึเปล่า?”

เฉิงชิวอวี้เอ่ยถามขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือจะไปจับคางของอวี้ฮ่าวหรานอย่างลืมตัว

อวี้ฮ่าวหรานเมื่อเห็นเช่นนี้เขารู้สึกตื่นตัวทันที มันคงไม่งามสักเท่าไหร่ที่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้จะจับหน้าเขาแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงคว้ามือของฝั่งตรงข้ามที่กำลังจะมาโดนคางของเอาไว้อย่างฉับพลัน

แต่โชคร้ายที่เขาออกแรงเยอะไปนิดหนึ่ง…

การคว้ามือนี้มันแรงเกินไปจนตัวของเฉิงชิวอวี้ลื่นไถลเข้ามาหาร่างของเขา จนท้ายที่สุดพวกเขาก็อยู่ในท่าทีน่ากระอักกระอ่วนซึ่งตัวของเฉิงชิวอวี้คล้ายกับว่ากำลังนอนทับอวี้ฮ่าวหรานอยู่อย่างแนบชิด!

ยิ่งไปกว่านั้นหน้าจมูกของพวกเขาทั้งคู่แทบจะชนกันเลย!

ฉิบหายแล้วไง!

นี่คือความคิดแรกของอวี้ฮ่าวหรานที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและเรียบเนียนของร่างเฉิงชิวอวี้

ส่วนทางด้านของเฉิงชิวอวี้ เธอก็ตกตะลึงจนตัวแข็งค้างกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นกัน

“ว๊าย!”

เมื่อได้สติ เฉิงชิวอวี้กรี๊ดเสียงดังและรีบยันตัวของเธอมานั่งด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

หัวใจของเธอเต้นตูมตามจนเธอได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจน และยิ่งเมื่อเธอนึกถึงสัมผัสของร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอวี้ฮ่าวหราน มันก็ยิ่งทำให้เธอสั่นสะท้าน

นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้รับจากผู้ชายคนไหนมาก่อน

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดีในสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมของเฉิงชิวอวี้ที่มันติดร่างกายของเขาจนทำให้สมองของเขาปั่นป่วนมากกว่าเดิม

“อะแฮ่ม ขอโทษทีผมไม่ได้ตั้งใจ…”

อวี้ฮ่าวหรานกระแอมขึ้นทำลายบรรยากาศที่กำลังอึดอัด

“อืม..”

เฉิงชิวอวี้พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเขินอาย

“เอ่อ… ว่าแต่… ช่วงนี้พ่อของคุณเป็นยังไงบ้าง เขาสบายดีรึเปล่า?”

เพื่อคลี่คลายสถานการณ์นี้โดยเร็ว อวี้ฮ่าวหรานจึงรีบหาประเด็นอื่นมาพูดคุย

เฉิงชิวอวี้อึ้งไปชั่วขณะ เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจว่าทำไมจู่ ๆ ฝั่งตรงข้ามถึงเอ่ยถามถึงพ่อเธอในสถานการณ์แบบนี้ ตอนนี้พวกเขาควรจะคุยกันถึงเรื่องของพวกเขาไม่ใช่รึไง…

บ้า! ไม่ใช่แล้ว!

เมื่อปรับอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อย เฉิงชิวอวี้ก็ค่อย ๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “พ่อของฉันตอนนี้สบายดี เห็นว่าช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากวนใจเลย”

“อ้อ ถ้างั้นก็ดีแล้ว ๆ” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าพร้อมกับลอบถอนหายใจ

การที่เฉิงกัวอันยังคงปลอดภัยอยู่ในตอนนี้ แสดงว่าองค์กรอสรพิษยังไม่ได้ลงมือทำอะไรต่อหรือไม่ก็ยังคงไม่รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้สาขาในเมืองฮ่วยอันขององค์กรถูกทำลาย

“ทำไมจู่ ๆ นายถึงถามถึงพ่อฉัน?”

เฉิงชิวอวี้เอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าสงสัย เพราะเมื่อครู่เธอสังเกตเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานลอบถอนหายใจเบา ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของพ่อเธออยู่

ตอนนี้พ่อเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?

แน่นอนว่ามันไม่แปลกอะไรที่เธอจะรู้สึกสงสัย เพราะเธอยังคงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อของเธอเป็นใครกันแน่ และอวี้ฮ่าวหรานก็ไม่มีความคิดที่จะบอกเธอในเรื่องนี้เนื่องจากเขาสัญญาเอาไว้กับเฉิงกัวอันไปแล้ว

“ผมก็แค่ถามดูเฉย ๆ คุณลืมไปแล้วเหรอไงว่าผมมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้พ่อของคุณอยู่?”

อวี้ฮ่าวหรานเลี่ยงที่จะบอกความจริงโดยการอ้างหน้าที่เดิมของเขาที่เป็นบอดี้การ์ดขึ้นมา

“อ้อ” เฉิงชิวอวี้พยักหน้าพร้อมกับผ่อนคลายสีหน้าสงสัยของตัวเองลง

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็นึกอะไรออกและพูดว่า “จริงสิ พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงของพวกชนชั้นสูงในเมืองฮ่วยอัน ซึ่งบริษัทของฉันก็ได้รับเชิญด้วย นายช่วยไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยจะได้ไหม?”

ด้วยความกลัวว่าฝั่งตรงข้ามจะปฏิเสธเธออีก เฉิงชิวอวี้จึงรีบพูดขึ้นต่อทันที “อวี้ฮ่าวหราน ครั้งที่แล้วนายก็ปฏิเสธไม่ยอมไปกินข้าวกับฉันแล้วรอบหนึ่ง รอบนี้นายห้ามปฏิเสธอีกเด็ดขาดเข้าใจไหม!”

หลังจากพูดจบ เฉิงชิวอวี้จ้องเขม็งไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาวิตกกังวลปนคาดหวัง

“พรุ่งนี้ผมต้องไปรับถวนถวน และยังมีธุระอื่นอีก… ผมเกรงว่าผมคงไปด้วยไม่ได้หรอก”

ถึงแม้ว่าจะกำลังโดนสายตาคาดหวังเล่นงาน อวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงปฏิเสธเหมือนเดิมซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดโกหก พรุ่งนี้ตอนเย็นเขาจำเป็นต้องไปรับถวนถวนจริง ๆ เนื่องจากหลี่หรงเองก็ยังไม่เลิกงาน แถมช่วงนี้พี่เลี้ยงหนิงก็ไม่อยู่บ้านและเขายังต้องคิดแผนการดูแลบริษัทของเขาเองเพิ่มเติม ดังนั้นเขาจะมีเวลาว่างไปงานเลี้ยงได้ยังไง?

เฉิงชิวอวี้แสดงสีหน้าหดหู่ทันทีเมื่อได้รับคำตอบแบบนี้ “อวี้ฮ่าวหราน ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน รอบที่แล้วนายก็ปฏิเสธฉันไปแล้วรอบหนึ่ง รอบนี้นายอย่าปฏิเสธฉันเลย ทุกคนที่ไปงานเลี้ยงนี้เขาไปกันเป็นคู่กันหมด มีแต่ฉันคนเดียวที่ต้องไปคนเดียว… ฉันรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ นะ”

“และยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนที่ไปงานเลี้ยงนี้ล้วนแต่เป็นชนชั้นสูงของเมืองฮ่วยอัน ดังนั้นมันนับได้ว่านี่เป็นโอกาสทองที่นายจะได้ไปหาลูกค้าชั้นยอดใหม่ ๆ อีกด้วยไม่ใช่รึไง?”

เฉิงชิวอวี้พยายามหาเหตุผลต่างมาโน้มน้าวอวี้ฮ่าวหราน แถมเธอยังแสดงสีหน้าอ้อนวอนอย่างสุดฤทธิ์จนอวี้ฮ่าวหรานเริ่มรู้สึกละอายใจ

“ก็ได้ ๆ รอบนี้ผมไปกับคุณก็ได้! พอใจแล้วนะ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานก็ตอบตกลงไปด้วยสีหน้าระอาใจ ผู้หญิงคนนี้ตื๊อเขาเหมือนเขาติดหนี้อะไรเธออย่างนั้นแหละ?

“ฮ่าฮ่า ในเมื่อนายรับปากแล้ว งั้นพรุ่งนี้ห้ามเบี้ยวฉันเด็ดขาดเลยนะ!”

เมื่อได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว เฉิงชิวอวี้ลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าเบิกบานสุดขีดและเดินตรงไปที่ประตูห้องทันที

แต่ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกไป เธอหันกลับมาอีกรอบและพูดย้ำว่า

“พรุ่งนี้ฉันจะโทรหานายอีกทีเพื่อแจ้งเวลา เปิดโทรศัพท์รอเอาไว้ด้วยล่ะห้ามปิดเครื่องหนีเด็ดขาด!”

“ได้ ๆ ผมไม่เบี้ยวหรอก พรุ่งนี้ผมไปงานเลี้ยงนั่นกับคุณแน่นอน”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับอีกรอบด้วยสีหน้าระอาใจมากกว่าเดิม และจากนั้นเขาก็เดินออกไปส่งเฉิงชิวอวี้

เมื่อออกจากออฟฟิศ เฉิงชิวอวี้ชำเลืองมองอวี้ฮ่าวหรานและแอบขำอยู่ในใจ สีหน้าจนใจของผู้ชายคนนี้น่ารักดีจริง ๆ เมื่อเทียบกับท่าทางวางมาดในห้องประชุมซึ่งมันก็ดูเท่ไปอีกแบบ…

ในระหว่างที่พวกเขาทั้งคู่เดินตีคู่กันในบริษัท บรรดาพนักงานทั้งหลายต่างก็มองตามกันอย่างตาไม่กะพริบและซุบซิบกันไปทั่ว

“ดูสิ ๆ ผู้หญิงที่เดินมากับประธานอวี้สวยมาก ๆ เลย!”