ตอนที่ 301 เสียงในใจ / ตอนที่ 302 คุณทำอะไร...

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 301 เสียงในใจ

 

 

นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานลุ่มลึกขึ้น ลมหายใจกระชั้น

 

 

เขาพลิกตัวกดเธอลงบนเบาะรถ ก่อนจะหลุบตามองเธอ

 

 

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนลมหายใจเกาะเกี่ยวอยู่ด้วยกัน

 

 

เขามองเห็นใบหน้าเล็กที่กำลังตะลึงงัน และดวงตาตะลึงลานของเธอได้ชัดเจน

 

 

ขนตายาวราวกับปีกของผีเสื้อกระพือด้วยความกระวนกระวาย ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะถามว่า “คุณชาย คุณกำลังทำอะไร”

 

 

“…” อวี๋เยว่หานอึ้งกับคำถามของเธอ

 

 

เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดจะทำอะไร

 

 

เพียงแต่มองเห็นเธอถูไถอยู่ในอกของเขา ก็พลันมีเสียงในใจบอกให้เขาทำอะไรบางอย่าง

 

 

ตอนนี้เขาได้สบสายตางงงันของเธอ เขาถึงเหมือนเรียกสติของตนเองกลับมาได้

 

 

เขาเม้มริมฝีปากบาง แขนสองข้างที่ยันอยู่ข้างตัวเธอกลับไปเคลื่อนออก ร่างกายก็เลื่อนต่ำลง ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ค่อยๆ เข้าใกล้ริมฝีปากสีแดงเชอร์รีของเธอ…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เขาจะเข้าใกล้ตนเอง สองมือจึงดันหน้าอกของเขาเอาไว้ตามสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันหลบ เขาก็หยุดลงแล้ว

 

 

ปลายจมูกขยับเล็กน้อย เหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง

 

 

จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองเธอ แล้วขยับริมฝีปากบาง “แอบดื่มไวน์ลับหลังผมเหรอ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

เขาเข้ามาใกล้อย่างกะทันหันแบบนี้ ก็เพื่อดมว่าบนตัวเธอมีกลิ่นไวน์หรือเปล่าน่ะเหรอ

 

 

เธอยังคิดว่าเขาอยากจะจูบเธอ…

 

 

หลังจากตระหนักว่าตนเองคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

อ้ำอึ้งอยู่นานทีเดียว เธอถึงจะเค้นคำพูดออกมาได้ “แอบดื่มไปนิดเดียวดอง ได้รับข้อความแล้วก็ขึ้นไปเลย ยังดื่มไม่หมดแก้วหนึ่งเลยด้วยซ้ำ”

 

 

เรื่องราวหลังจากนี้ เขาก็รู้แล้ว

 

 

หลังจากนักข่าวแยกย้ายกันไป เธอก็กังวลว่าเขาจะโกรธหรือเปล่าอยู่ตลอด กลัวว่าเขาโกรธแล้วจะกดหัวเธอลงไปในแก้วไวน์ จะกล้าดื่มที่ไหนกัน

 

 

เธอมองเขาตาปริบๆ ตลอดทาง…

 

 

น่าสงสารจนเหมือนขาดแค่ส่ายหางเดินมาหาเขา!

 

 

“เด็กดี” อวี๋เยว่หานหลุบตา ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวของเธอเล็กน้อย แล้วกลับไปนั่งที่ของตนเองอย่างสุขุม

 

 

บนใบหน้าที่เหมือนจะไม่มีความเปลี่ยนแปลง ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างหาได้ยาก

 

 

ความเยือกเย็นรอบกายก็เริ่มกระจายไป

 

 

ลมหนาวยะเยือกข้างนอกหน้าต่างนั้น ช่างแตกต่างกับบรรยากาศที่เริ่มอบอุ่นขึ้นภายในรถ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปลูบหัวของตนเอง และตะลึงงันไปทั้งตัว

 

 

ทำไมเธอรู้สึกว่าน้ำเสียงเมื่อครู่ของเขา เหมือนกำลังปลอบโยนลูกสุนัขตัวหนึ่ง

 

 

แต่เธอยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงมีเสน่ห์ของเขาก็ดังขึ้นที่ข้างหูแล้ว

 

 

“เรื่องในวันนี้ ผมจะตรวจสอบให้แน่ชัด ต่อไปคุณก็อยู่ห่างๆ เฉินจื่อซินหน่อย”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ???

 

 

เขาสงสัยเฉินจื่อซินเหรอ

 

 

“คุณชานหาน รองประธานเฉินไม่ใช่คนอย่างนั้น แถมมือถือของเขาก็หายไปด้วย ฉันเลยต้องไปหาที่ห้องนั้น” เหนียนเสี่ยวมู่อธิบายแทนเหนียนเสี่ยวมู่ตามสัญชาตญาณ

 

 

ถ้าเฉินจื่อซินหลอกเธอไปจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง

 

 

และถ้าเธอไม่ให้รางวัลเป็นการตบหน้าเขาไปสองครั้ง แถมยังมี ‘น้ำเย็นหนาวจับใจ’ อีกแก้วหนึ่ง คาดว่าตอนนี้เขายังหลับอยู่แน่

 

 

คนที่ส่งข้อความให้เธอ อยากให้นักข่าวถ่ายรูปเฉินจื่อซืนอยู่กับสาวโสดเพียงลำพังด้วยกัน

 

 

ถ้าเป็นเฉินจื่อซินจริงๆ ตอนนี้เขาน่าจะร่วมมือกับนักข่าวถึงจะถูก

 

 

“คุณเชื่อใจเขามากเลยเหรอ”

 

 

อวี๋เยว่หานหันหน้าไปมองเธอครั้งหนึ่ง สีหน้าพลันหม่นลง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ทำปากจู๋ “ไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อหรอก เพียงแต่จะอยู่ห่างใครสักคนก็ต้องมีเหตุผลสิ แถมเขายังเป็นลูกค้าคนสำคัญของพวกเรา”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานก็มีความเยือกเย็นปรากฏขึ้นในทันที

 

 

เขาครุ่นคิดเงียบๆ อยู่หลายวินาที ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “อย่าทำตัวน่าสงสัย!”

 

 

 

 

ตอนที่ 302 คุณทำอะไร…

 

 

“…”

 

 

ที่เขาพูดก็มีเหตุผล เธอเถียงไม่ได้เลย

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่บนเบาะรถอย่างว่าง่าย ก่อนจะยื่นมือไปยันแก้ม มองทิวทัศน์ข้างนิกหน้าต่าง

 

 

แต่ในหัวของเธอกลับเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

 

 

เธอก็เคยสงสัยเรื่องของหวางเมี่ยวเมี่ยวก่อนหน้านี้ ว่ามีใครเพ่งเล็งตนเองหรือเปล่า

 

 

ทว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวลาออกกะทันหัน แถมย้ายบ้านไปอีก

 

 

เธอหาอีกฝ่ายไปเจอ ยังไม่เรื่องมากมายที่ยังหาความจริงไม่ได้

 

 

วันนี้ก็เกิดเรื่องอีก…

 

 

แม้จะบอกว่าเฉินจื่อซินเป็นผู้สืบทอดของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า มูลค่าข่าวต้องสูงกว่าซูเปอร์ไวเซอร์เล็กๆ คนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ลางสังหรณ์บอกเธอว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นการจู่โจมเธอ

 

 

คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ ต้องใช้วิธีต่ำช้าขนาดนี้มาจัดการเธอเลยเหรอ

 

 

ยังมีคนที่ดันเธอที่หน้าประตูห้องในตอนนั้นอีก…

 

 

ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิง

 

 

ไม่นานรถก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เปิดประตูรถ และตามหลังอวี๋เยว่หานเข้าไปในห้องรับแขก

 

 

ขณะกำลังจะกลับไปที่ห้องของตนเอง เธอก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วกอดตุ๊กตาลูกหมูนั่งอยู่บนโซฟา

 

 

เด็กหญิงตัวนุ่มนิ่มง่วงจนงัวเงียแล้ว

 

 

เธอกอดตุ๊กตาของตนเอง หัวผงกเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะตกลงจากโซฟาได้ตลอดเวลา

 

 

พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ สองมือยื่นไปข้างหน้าเธอ ปกป้องเธออย่างระมัดระวัง

 

 

เมื่อเห็นพวกเขากลับบ้าน ก็เหมือนกับเป็นดาวช่วยชีวิตเลยทีเดียว

 

 

“คุณชาย คุณหนูฝันร้าย พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ยอมหลับเลย บอกว่าจะรอพวกคุณกลับมาครับ”

 

 

พอพ่อบ้านพูดออกมา เสี่ยวลิ่วลิ่วที่ยังงัวเงียอยู่เมื่อครู่ก็ตื่นขึ้นมาทันที

 

 

ก่อนที่ร่างเล็กๆ จะไถลลงมาจากโซฟา หลังจากเห็นอวี๋เยว่หาน

 

 

เธอสาวเท้าวิ่งมาหาเขา แล้วกอดขาของเขาเอาไว้ “ปาปาอุ้มๆ”

 

 

เสียงออดอ้อนเหมือนอยากจะร้องไห้

 

 

ดูท่าทางจะฝันร้ายมากจริงๆ

 

 

อวี๋เยว่หานย่อตัวลงอุ้มเธอขึ้นมาปลอบอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพักหนึ่งก็เห็นเธอ และเตรียมตัวกลับไปนอนที่ห้องของตนเอง

 

 

แต่เพิ่งก้าวเท้าออกไป เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ดึงเสื้อของเขา ไม่ยอมไป

 

 

เด็กหญิงหันหน้าพาดลงบนไหล่ของเขา ก่อนจะมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังตาปริบๆ

 

 

ปากเล็กๆ เบะเล็กน้อย “เสี่ยวลิ่วลิ่วกลัว อยากให้ปาปากับพี่สาวคนสวยไปนอนด้วย!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

เมื่อได้เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วผู้น่าสงสาร เธอก็ปฏิเสธไม่ได้โดยสิ้นเชิง

 

 

เธอทำได้เพียงเงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน รอให้เขาเอ่ยปากปฏิเสธ

 

 

แต่ผ่านไปนานแล้ว กลับได้มาแต่คำว่า “โอเค” !

 

 

โอเคนี่หมายความว่าอย่างไร

 

 

เขาจะให้เธอนอนกับเขาจริงๆ เหรอ ถุยๆ! นอนกับเสี่ยวลิ่วลิ่วต่างหาก…

 

 

แต่อย่างนั้น ก็เป็นการนอนบนเตียงเดียวกัน…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันอยู่ที่เดิม ไม่มีปฏิกิริยาอะไร

 

 

ทันใดนั้น เสี่ยวลิ่วลิ่วในอกของอวี๋เยว่หานก็ไถลตัวลงมาจากตัวเขา แล้ววิ่งไปตรงหน้าเธอ จูงมือเธอเดินขึ้นไปชั้นบน

 

 

เจ้าตัวเล็กกอดตุ๊กตาลูกหมูของตนเอง ปีนขึ้นไปบนเตียงของอวี๋เยว่หาน จากนั้นก็ดึงผ้าห่ม แล้วตบมือลงตรงตำแหน่งที่อยู่ข้างๆ เรียกเธอ

 

 

“พี่สาวคนสวยนอนฝั่งนี้!”

 

 

“ปาปานอนอีกฝั่งหนึ่ง!”

 

 

“เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กน้อย ต้องนอนตรงกลาง”

 

 

เธอพูดพลางเอนตัวลงอย่างว่าง่าย ก่อนจึงผ้าห่มมาคลุมจนมิดหัวเล็กๆ และกะพริบตาหวานเชื่อมรอพวกเขา

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งอยู่ข้างเตียง

 

 

เทียบกับความอึดอัดของเธอแล้ว อวี๋เยว่หานใจเย็นอย่างเห็นได้ชัด เขายื่นมือไปถอดเสื้อนอกออก แล้วโยนไว้บนโซฟา

 

 

จากนั้นก็แกะเนคไท

 

 

เตรียมจะถอดเสื้อผ้า…

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เห็นพฤติกรรมของเขา สองตาเบิกโพลงจนเหมือนกับระฆังทองแดง

 

 

เธอปิดตาของตนเองอย่างรวดเร็วทันที

 

 

“คุณ คุณจะทำอะไร อย่าลามกต่อหน้าเสี่ยวลิ่วลิ่วสิ!”